26 ก.ค. 2019 เวลา 14:17 • กีฬา
Anfield สนามแห่งมนต์ขลัง
เคยได้ยินไหมที่พูดกันว่าบ้านใครบ้านมัน
เมื่อนักเตะได้เล่นได้เล่นที่สนามทีมตัวเองจะเล่นดีขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ
บางครั้งก็เกิดปาฏิหาริย์อย่างน่ามหัสจรรย์
เป็นหนึ่งในสนามที่มีมนต์ขลังมากที่สุดในโลกฟุตบอล
“Anfield”
เดิมทีแอนฟิลด์เป็นสนามเหย้าของเอฟเวอร์ตัน
แต่ต่อมาเอฟเวอร์ตันย้ายไปใช้กูดิสันพาร์ค
เมื่อก่อตั้งสโมสรลิเวอร์พูลจึงใช้สนามนี้เป็นสนามเหย้าแทน ตั้งแต่ปี1892
หลังจากนั้นก็ปรับปรุงสนามมาเรื่อยๆ ขยายความจุพร้อมความทันสมัยจนถึงทุกวันนี้
ด้วยความจุสนาม 55,000คน ซึ่งถือว่าไม่ได้เยอะมากเท่าทีมใหญ่อื่นๆ
แต่แอนฟิลด์ความห่างระหว่างสนามหญ้าและแฟนบอลไม่ห่างกันมากนัก
การส่งเสียงของแฟนบอลในสนามจึงสร้างความน่ากลัว เกรงขามแก่ผู้ที่มาเยือน
เดอะคอป หรือ สาวกหงส์แดง มาจากแสตนฝั่งเดอะคอป(The Kopp)นั้นเอง
คนที่นั่งแสตนฝั่งนี้ คือแฟนพันธุ์แท้ มีสายเลือดเป็นสีแดงเต็มเปี่ยม
แสตนฝั่งนี้ตั้งอยู่หลังประตู เมื่อผู้เล่นลิเวอร์พูลเล่นฝั่งนี้ พวกเขาส่งเสียงเชียร์เต็มที่
แต่ถ้าเป็นทีมเยือนหละก็ เป็นนรกชั้นดีนี้เอง เสียงกดดันบางทีก็อาจทำให้เกรงจนเล่นไม่ออกได้
และอีกสิ่งที่พิเศษก็คือ การร้องเพลงประจำสโมสรคือ You’ll never walk alone
ผู้ที่อยู่ในสนามจะชูผ้าพันคอ และเปล่งเสียงด้วยความภาคภูมิใจ
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสนามแห่งนี้เลยก็ได้
ในเกมนัดตัดสินสำคัญหลายๆครั้งที่ตัดสินที่นี้ หรือ นัดธรรมดาที่สิ้นหวัง
แต่เมื่อได้ลงเล่นที่นี้ ก็สามารถชนะ หรือผ่านเข้ารอบได้หลายๆครั้ง
อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่ได้เห็นปฏิหารย์ที่นี้ ไม่ว่าศัตรูจะเป็นทีมไหน
แต่ก็มีบางช่วงที่ปฏิหารย์ไม่ค่อยเกิด ผิดหวังหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยุคปู่รอยด์ หรือ ร็อดเจอร์ส
แต่ตอนนี้เป็นยุคของเจอร์เกน คล็อป
เขาได้เปลี่ยนแอนฟิลด์เป็นสมรภูมินรกทีมเยือน
ลิเวอร์พูลแพ้ในพรีเมียร์ลีคที่แอนฟิลด์ครั้งล่าสุด คือ เกมกับคริสตัลพาเลซเมื่อเมษายน 2017
หรือดูจากเกมล่าสุดที่พลิกเข้าชิงจากที่โดนบาร์เซโลน่ามาก่อน3-0
แต่ที่นี่แอนฟิลด์มันต่างออกไป บาร์ซ่าเล่นไม่ค่อยออก
แต่กลายเป็นลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะไดถึง 4-0
ไม่มีใครคิดถึงว่าบาร์ซ่า ที่มีนักเตะระดับโลกหลายคน
มีหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในทีมแพ้ได้ถึง4ลูกและยิงไม่ได้ซักลูก
ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ แต่รู้อยู่อย่างหนึ่งคือ
“This is ANFIELD”
สามารถคิดตาม คุยบอลจริงจัง ได้ที่ Facebook ได้แล้วที่ แต่จะใช้ชื่อ "รักFußball" นะครับ
ความต่างจาก Blockdit ตรงที่จะมีการคุยเล็กๆน้อย หลังเกมสั้นๆ หรือระหว่างเกมเพิ่มเติม
ถ้าชอบบทความขอกดไลค์เป็นกำลังใจ ใครที่ยังไม่ได้ติดตามก็สามารถกดติดตามได้ทั้ง Blockdit และ Facebook
โฆษณา