30 ก.ค. 2019 เวลา 12:49 • บันเทิง
เรื่องสั้น : คำโบราณท่านว่า (จบ)
เช้าวันต่อมาพ่อเปิดไฟลุกไปแต่เช้า แม่รีบเตรียมอาหารเช้าจนเสียงดังกุกกัก บอยสะดุ้งตื่นมาแปปนึงแล้วก็งีบหลับต่อเอาแรง พอสายแก่ๆ ก็ตื่นขึ้น เห็นแม่กำลังต้มแกงเลียงจะเอาไปส่งพ่อเป็นมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น บอยจึงเริ่มแผนที่วางไว้
"แม่ แม่ไปช่วยพ่อก็ได้นะ บอยว่าพ่อคงเหนื่อย แม่ไปช่วยพ่อเถอะ บอยจะเฝ้าบ้านให้เอง ไม่ต้องห่วงจ๊ะ" บอยเดินเข้าไปบีบไหล่คลายเหมื่อยให้แม่
"ไม่เป็นไร พ่อเอ็งให้เฝ้าบ้าน เดี๋ยวแกจะบ่นเอา" แม่ตักแกงใส่ปิ่นโต วางซ้อนบนชั้นข้าวที่อัดจนแน่นชั้นล่าง
"ไปเหอะ บอยสงสารพ่อ ถ้าบอยโตอีกหน่อย คงไปช่วยพ่อได้ เดี๋ยวบอยจะกวาดบ้าน ถูบ้านรอนะแม่" บอยเอาศอกกดไปที่สะบักเบาๆ ให้พอคลายเส้นที่ตึงตรงหลังของแม่
"งั้นอยู่บ้านห้ามซนนะ เดี๋ยวพ่อเอ็งได้หวดก้นลายอีก" แม่เอากระติกน้ำแข็งอันเล็กมาล้าง เพื่อเอาไปใส่กาแฟที่ปากซอย บอยรู้ดีเพราะพ่อต้องกินกาแฟตอนบ่ายๆ ไม่งั้นแกจะปวดหัว
บอยรีบไปเอาไม้กวาดหลังห้องมาทำท่ากวาดๆปัดๆไปเรื่อย แม่เก็บของกับข้าวใส่ถุงผ้าหิ้วเดินลงบ้านไป บอยแกล้งกวาดๆ ออกไปที่หน้าประตู ตาก็ชำเลืองมองแม่หยิบหมวกใบลานสานเพื่อสวมกันแดดใกล้เที่ยงที่กำลังร้อนแรง แม่เดินออกไปยังที่ก่อสร้างที่ไกลออกไปเกือบกิโล เพราะต้องอ้อมซอยไปอีกไกลทีเดียว
บอยรีบหยิบไม้ไผ่ยาวที่พ่อพิงฝาไว้ติดมือไปด้วยพร้อมกับกระติกน้ำใส่จนเต็ม เพราะวันนี้อากาศร้อนมาก คงต้องกินน้ำเยอะมากหากต้องออกแรงเยอะๆ ในวันนี้ บอยปิดบ้านแล้วรีบวิ่งออกไปยังจุดหมายทันที
พอผ่านตรงลานจอดรถ เจอพวกเด็กๆ กำลังเล่นขายของกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ บอยวิ่งผ่านไปไวๆ แต่ยังไม่วายมีเสียงตะโกนไล่หลังมาจนได้
"พี่บอย จะไปไหนน่ะ วิ่งใหญ่เชียว" เจี๊ยบตะโกนมาแต่ไกล
"อย่ายุ่งน่า อย่าสะเออะบอกแม่พี่เชียว ถ้ารู้จะหยิกให้เขียวเลย" บอยหยุดหันมาตะโกนกลับไป แล้วออกวิ่งไปทันที ทิ้งไว้แต่เด็กๆ ที่ยืนมองด้วยใบหน้างงๆ กับเจี๊ยบที่ทำหน้างอเป็นปลาทูแม่กลองเพราะโดนดุทั้งๆ ที่อุตส่าห์ทักทาย
บอยวิ่งไปจนถึงป่าละเมาะที่เขาฝันถึง จริงๆ บอยอาจจะแค่ต้องการพิสูจน์ว่ามันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่ผู้ใหญ่ขู่กัน ก็แค่ป่าละเมาะเล็กๆ ถ้าไม่นับสัตว์มีพิษแล้ว กลางวันแสกๆ แบบนี้ ผีที่ไหนจะกล้าโผล่มา อันที่จริงอาจจะไม่เคยมีผีเลยต่างหาก
บอยรีบมุดรั้วเข้าไปอย่างระมัดระวัง เพราะภาพเลือดทะลักจากขาบิ๊กก็ยังติดตาอยู่ไม่น้อย บอยลอดเข้าไปได้สำเร็จ รีบมุดเข้าไปในพงหญ้า เอาไม้ไผ่ในมือฟาดซ้ายขวา เดินลึกเข้าไปทีละน้อย พอบอยเดินลึกเข้าไปกลับเป็นพื้นที่โปร่งขึ้น มีหญ้าขึ้นพอประปราย อาจเพราะมีต้นตะโกใหญ่ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง ใบหนาครึ้มลำต้นสูงใหญ่ จึงบังแสงไม่ให้ต้นหญ้าใหญ่น้อยด้านล่างเติบโตได้ดีนัก บอยเดินเข้าไปใต้ต้นตะโกเพื่อนั่งพัก เพราะอากาศร้อนๆ กับการออกแรงฟาดหญ้า ก็เล่นเอาหน้ามืดไปเหมือนกัน
บอยนั่งลงหยิบน้ำมาดื่ม เหลือบไปเห็นบนพื้นมีเข็มฉีดยาทิ้งไว้ ดูเหมือนทิ้งไว้นานแล้ว มีซองสีเงินๆทรงสี่เหลี่ยมจัตตุรัสถูกฉีกทิ้งไว้สองสามอัน ข้างมีเศษยางยืดๆ เหี่ยวๆ ดูเปื่อยยุ่ยกองอยู่ด้วย บอยเอาไม้เขี่ยๆ ด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
บอยนั่งอยู่ซักสิบนาทีจึงลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ก้น แล้วเดินลึกต่อไปข้างใน น่าแปลกที่อากาศเริ่มเย็นพอได้นั่งพักซักครู่ บอยเดินลึกเข้าไปอีกราวร้อยเมตร ผ่านกอที่หนาแน่นของธูปฤาษีสูงท่วมหัวเข้าไป เท้าบอยเหมือนกำลังเหยียบบนพื้นที่แฉะชื้น เท้าจมลึกลงในใต้โคลน บอยพยายามเอาไม้ไผ่ยันพื้นไว้ แต่มันก็ถูกกดจมลงไปจนดึงไม่ขยับ แต่ก็พอให้ดึงเท้าหลุดออกมาได้ บอยรวบเอากอธูปฤาษีโน้มลงมาแล้วขึ้นไปเหยียบๆคล้ายพรม มันช่วยให้เท้าไม่จมลงไปในโคลนแล้ว พอจะทรงตัวบนกองใบไม้ได้ เขามองออกไปด้านหน้า แล้วเด็กชายก็พบความน่าอัศจรรย์
เบื้องหน้าบอยเป็นเหมือนบึงน้ำขนาดย่อม มันกว้างราวๆ ครึ่งสนามฟุตบอลได้ น้ำตรงหน้าใสพอจะมองเห็นว่ามีพืชน้ำขึ้นอยู่เบื้องล่างอย่างหนาแน่น ไกลออกไปราวสิบเมตร มีแท่งปูนขนาดใหญ่สองสามแท่งโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มันใหญ่พอที่น่าจะขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้นได้
บอยไม่รอช้า นึกสนุกรีบถอดเสื้อออกวางแขวนไว้บนไม้ไผ่ที่ปักติดโคลนอยู่ข้างๆ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างๆ กระติกน้ำบนกองก้านธูปฤาษีที่ล้มระเนระนาด เด็กชายร่างกายเปลือยเปล่าเหลือแต่กางเกงตัวเดียว ว่าแล้วก็กระโดดตูมลงน้ำแล้วว่ายออกไปที่แท่งปูนเบื้องหน้า
บอยย้ายตามพ่อมาหลายที่ บางครั้งก็ต้องได้นอนแถวบ้านพักใกล้คลอง บอยหัดว่ายน้ำกับพ่อตั้งแต่เด็กๆ เรื่ิองว่ายน้ำนี่ถือเป็นของถนัดของบอยอย่างหนึ่งเลยทีเดียว บอยเห็นสระเห็นน้ำเป็นไม่ได้ ต้องขอลงว่ายเล่นซะให้สนุกทุกคราไป
บอยจึงจ้วงน้ำตีขาส่งตัวเขาเข้าไปใกล้แท่งปูนอันที่ดูใกล้ที่สุด พลันมีอะไรบางอย่างเหนียวๆ ลื่นๆ มาสัมผัสที่ขาของบอย เขาสะดุ้งเฮือกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
"เอ็งไม่กลัวเหรอ ผีตายโหงน่ะ" เสียงของพ่อดังแวบขึ้นมาในความคิด บอยรีบคว้ามือลงไปจับวัตถุประหลาดที่สัมผัสขาเขาอยู่ เขาจับมันขึ้นมา พบว่าเป็นสาหร่ายหางกระรอกกอหนึ่งที่ยาวขึ้นมาจนพันขาเขาจนได้ บอยถอนหายใจเบาๆ แล้วจึงว่ายต่อไปที่เสาปูนอันที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมานิดหน่อย
บอยปีนขึ้นไปยืนอยู่เสาต้นหนึ่ง ก่อนจะมองออกไปรอบๆ ตอนนี้ราวกับเขากำลังยืนอยู่กลางน้ำเลยทีเดียว บอยกระโดดลงน้ำอีกรอบ และอีกรอบ ว่ายไปมาจนเพลิน ทำเอาน้ำข้างล่างเริ่มขุ่นขึ้นมาก บอยนึกสนุกว่ายเปลี่ยนไปที่เสาต้นที่สูงที่สุด มันสูงขึ้นจากผิวน้ำราวสองเมตรกว่า บอยต้องออกแรงไต่ขึ้นไปเพื่อจะยืนอยู่ด้านบนให้ได้ และแน่นอน บอยไม่ผิดหวัง บนเสาต้นนี้เป็นจุดที่มองเห็นทั่วๆ ได้กว้างทีเดียว รอบๆ เป็นป่าละเมาะที่ครึ้มเขียว มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ไกลๆ กระจายอยู่โดยรอบ บอยนั่งสูดหายใจจนเต็มปอดได้พักหนึ่ง เขาก็ร้องตะโกนออกไป
"วู้ๆๆ ยาฮู้ๆ นี่สุดยอดเลย นี่มันเป็นฐานทัพลับของเราได้เลย" บอยตะโกนออกไปแต่คงไม่มีใครได้ยิน นอกจากเขาและกบบางตัวที่ว่ายวนอยู่ในหนองน้ำกลางป่าคอนกรีตเช่นนี้ บอยนึกในใจถึงคำกล่าวของพ่ออีกครั้ง
"พ่อโกหกผมไม่ได้อีกแล้ว เรื่องที่พ่อบอกมันไร้สาระสิ้นดี" บอยนึกกับตัวเอง
บอยลุกขึ้นยืนอีกครั้ง คราวนี้เขาเตรียมตัวกระโดดลงมาจากยอดเสาสูงต้นนี้ให้สะใจอย่างผู้ชนะก่อนจะกลับบ้าน เพราะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเย็นแล้ว บอยย่อตัวลงแล้วใช้ขาทั้งสองสปริงตัวออกจากยอดเสา ตัวเขาลอยขึ้นไปราวสี่เมตรจากพื้นผิวน้ำ ร่างกายถูกแรงดึงดูดโลกดึงให้ตกลงมาตามแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว แต่บอยไม่ทันได้ตั้งตัวดีเพราะรีบกระโดดออกมามากไปหน่อย ร่างที่เปลือยอกของเขาจึงพุ่งลงกระแทกแผ่นน้ำเบื้องล่างอย่างจัง เล่นเอาบอยจุกไปทั่วทั้งท้องเลยทีเดียว บอยจุกแน่นจนสำลักน้ำเข้าไปอีกอึกใหญ่ จนต้องรีบบ้วนออกมาแทบไม่ทัน
บอยว่ายน้ำกลับเข้ามาที่กองธูปฤาษี เอาเสื้อเช็ดตัวที่เปียกอยู่จนพอหมาด แล้วสวมเสื้อตัวเดียวกันทั้งๆ ที่เปียกอย่างนั้นเลย สวมรองเท้าเสร็จก็รีบวิ่งออกจากป่าละเมาะ เพราะเกรงว่าแม่จะกลับบ้านแล้วไม่เจอเขา คงต้องโดนฟาดอีกยกเป็นแน่
บอยเดินออกมาจากป่าละเมาะจนถึงรั้วลวดหนาม พยามมุดออกมาพร้อมมองไปรอบๆ ว่าไม่มีใครเห็น เขารีบวิ่งกลับบ้านในทันที บอยวิ่งไปถึงบ้านพักคนงาน เด็กๆ เพื่อนบ้านยังคงเล่นวิ่งไล่จับกัน แต่ไม่มีใครสนใจทักเขาอีกแล้ว
เขาวิ่งกลับเข้าบ้าน เปิดประตูห้อง เปลี่ยนเสื้อแล้วดื่มน้ำดับกระหาย แต่เขาก็ยังรู้สึกหิวน้ำอย่างประหลาด อาจเพราะอากาศร้อนและเหนื่อยจากการว่ายน้ำเล่นอยู่นานกระมัง บอยล้มตัวลงนอนบนฟูกแล้วเผลองีบหลับไปจนได้
บอยสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนใครตะโกนเรียก เสียงเหมือนกับแม่เรียกเขายังไงชอบกล แต่น่าแปลกที่บ้านกลับมืดสนิท พ่อกับแม่ยังไม่กลับอีกเหรอเนี่ย บอยสงสัยและเริ่มกังวล เพราะปกติเวลานี้แม่ต้องมาเตรียมกับข้าวเย็นให้เขาทานแล้ว บอยเปิดประตูบ้านพักออกไป แถวบ้านข้างก็มืดไปหมด บรรยากาศดูวังเวงเหมือนไม่มีใครอยู่กันเลยสักคน
เขารู้สึกใจคอไม่ดี รีบวิ่งออกจากห้องไปหน้าปากซอย เขาสังเกตุว่าแถวนี้ไม่มีคนอยู่กันเลย บอยรีบวิ่งออกไป หันซ้ายหันขวาเห็นแสงไฟกระพริบอยู่ไกลๆ บอยใจหายวาบ นั่นมันไฟของรถฉุกเฉินไม่ก็รถตำรวจนี่
เขาวิ่งไปที่แสงนั่น เห็นคนมุงกันอยู่จำนวนมาก ผู้คนวุ่นวายกันอยู่ด้านหน้าซอยเพราะด้านในมีรถตำรวจกับรถพยาบาลจอดอยู่เต็มไปหมด บอยมุดเข้าไปช่องแคบด้านข้างรถฉุกเฉินที่จอดปิดทางอยู่ ในใจหวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อหรือแม่ของเขา บอยเดินหลุดเข้าไปด้านในได้แล้วโดยไม่มีใครสังเกตุ
เขาเดินดิ่งเข้าไปเจอตำรวจหลายคนกำลังติดต่อวิทยุสื่อสาร ส่วนใกล้ๆ รถฉุกเฉินมีรถเข็นผู้ป่วยจอดอยู่ และมีร่างคนนอนถูกคลุมด้วยผ้าอยู่บนนั้น
นั่นแม่นี่! แม่กำลังร้องไห้ๆ แกยืนร้องไห้ราวกับจะขาดใจ ทำท่าจะเป็นลมล้มพับเสียให้ได้ บอยจึงรีบพยายามเบียดคนที่มุงอยู่จำนวนมากแถวนนั้นเข้าไป เขาคิดภาวนาว่าคงไม่ใช่พ่อของเขาที่อยู่บนรถนั่น
"ไม่นะพ่อ อย่าเป็นอะไรนะครับ"
บอยกำลังจะไปเปิดผ้าคลุมนั้นออกดูให้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น พลันพ่อก็โผเข้ามากอดแม่ร้องไห้โฮ ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งกับพื้นจนแทบจะลงไปนอนบนพื้นถนน พ่อ...แม่...แล้วใครนอนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั่น
"บอยเอ้ย..บอยลูกแม่..ทำไมทำแบบนี้ ทำไมทิ้งแม่ไปแบบนี้ แม่อยากตาย แม่อยากตาย...ฮือๆ แม่ผิดเอง แม่ขอโทษลูกจ๋า...แม่ขอโทษ..ฮือๆๆ" เสียงแม่ร้องไห้ราวเสียสติ ส่วนพ่อกอดแม่แน่นตาแดงก่ำน้ำตาไหลไม่อายใคร
บอยเห็นร่างตัวเองนอนตัวซีดขาวอยู่บนรถเข็นนั่น ที่หน้าท้องมีไส้ออกมากองเป็นขดที่ด้านหน้า ตัวเหี่ยวเพราะแช่ในน้ำอยู่นานหลายชั่วโมง บอยได้ยินเสียงตำรวจแจ้งผ่านวิทยุสื่อสารกัน
"แจ้งเหตุพบเด็กชายอายุ 12 ปี เสียชีวิตเพราะโดนเหล็กโครงสร้างเสาคอนกรีตที่จมอยู่ใต้น้ำเสียบทะลุท้อง ร่างติดกับเหล็กเส้นจมอยู่ใต้น้ำราวสามถึงสี่ชั่วโมง"..."เหตุเกิดที่ซอยหก พื้นที่ร้างเขตก่อสร้างห้างxxxxเก่า ส่วนที่เป็นชั้นใต้ดินเดิม ทราบแล้วเปลี่ยน"....
"ทราบ... แจ้งหน่วยนิติเวชเตรียมผ่าพิสูจน์การเสียชีวิตด้วย"....
บอยรู้ตัวอีกที เขาก็นั่งอยู่บนเสาคอนกรีตกลางป่าละเมาะที่มืดมิด เขากระโดดน้ำอยู่อย่างคืนแล้วคืนเล่า จนชาวบ้านล่ำลือว่าป่าละเมาะที่ซอยหก มีผีอยู่จริงๆ และรอจะเอาตัวตายตัวแทนไปอยู่แทน
พ่อแม่แถวนั้นต่างกำชับลูกๆ หลานๆ ไม่ให้ไปเล่นในป่าละเมาะที่ซอยหกกันทุกบ้าน ความน่ากลัวต่างถูกเล่าต่อกันไป จนนานวันเข้าก็กลายเป็นแค่เรื่องเล่าที่เอาไว้ขู่เด็กให้กลัว.....ก็แค่นั้น
"เสียงวัตถุตกน้ำดังตูมๆ ยังคงดังให้ได้ยินในบางคืนที่เงียบสงัด" รอเพียงเด็กสอดรู้สอดเห็นคนใหม่ๆที่จะก้าวผ่านรั้วลวดหนามเข้ามาเป็นคนต่อไป.......ในเร็วๆ นี้
พาลอดรั้วลวดหนามเข้าไปในป่าข้างทางที่มืดทึม by เพจเรื่องสั้นๆ
โฆษณา