31 ก.ค. 2019 เวลา 11:00
"ตำนานตัวจริงของแอลจีเรีย"
.
.
ทีมชาติแอลจีเรีย เพิ่งประกาศศักดาคว้าแชมป์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ มาครองได้สำเร็จด้วยการพิชิต เซเนกัล 1-0 ถือเป็นแชมป์สมัยที่สองของพวกเขา
นักเตะหลายคนของแอลจีเรียชุดนี้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม นำโดย ริยาด มาห์เรซ สตาร์และกัปตันทีม, โซฟิยาน เฟกูลี่ รวมทั้งดาวรุ่งที่เพิ่งย้ายจาก เอ็มโปลี ไปอยู่กับ เอซี มิลาน อย่าง อิสมาแอล เบนนาเซอร์
 
อย่างไรก็ตาม ในอดีต มีรุ่นพี่ รุ่นน้าของนักเตะชุดนี้ที่เคยเป็นตำนานมาแล้วเช่นกัน
พูดถึงตำนานนักเตะแอลจีเรีย หลายคนต้องนึกถึงชื่อ ราบา มัดเจอร์ ตัวรุกที่โด่งดังมากับเอฟซี ปอร์โต้ และถือกันว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีสุดเท่าที่ แอลจีเรีย เคยมีมา
 
อย่างไรก็ดี ทีมชาติแอลจีเรีย ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นที่เคยไปตะลุยฟุตบอลโลกหนแรกของประเทศใน สเปน ปี 1982 ด้วยกัน แถมยังช่วยกันยิงให้ทีมเอาชนะ เยอรมันตะวันตกไปอย่างพลิกความคาดหมาย 2-1 อีกต่างหาก
 
เขาคนนั้นคือคนทำประตูชัยในเกมที่ เอล โมลีนอน, กิฆอน หลังจาก คาร์ล ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ ตีเสมอให้อินทรีเหล็กได้แค่นาทีเดียว เขาคือ ลัคห์ดาร์ เบลลูมี่
ในมุมมองของแฟนบอล แอลจีเรียและคนแอฟริกันแล้ว เบลลูมี่ นั้น ถูกยกให้เหนือกว่า มัดเจอร์ ด้วยซ้ำไป เพียงแต่เส้นทางชีวิตของเขา อาภัพไม่เคยได้โอกาสมาโลดแล่นในยุโรป
 
เบลลูมี่ เล่นให้ทีมบ้านเกิดกับ เซมแพ็ค ตั้งแต่อายุ 15 เรียกว่าอยู่มาตั้งแต่เป็นนักเตะเยาวชน ก่อนย้ายไป เคมิส มิเลียน่า และกลับมาบ้านเกิดกับ มาสการ่า ตอนอายุได้ 19 ปี
 
ไม่นาน เขาต้องเข้ารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารในปี 1979 ตอนอายุ 21 ปีช่วงนี้ เขาต้องเล่นให้ เอ็มพี อัลเจอร์ กระทั่งปลดประจำการ 2 ปีให้หลังจึงกลับมายังบ้านเกิดอีกรอบ
 
เขาเริ่มมีชื่อเสียงในระดับทีมชาติแล้ว ติดทีมชาติแอลจีเรียตั้งแต่ก่อนไปทหาร และเริ่มเป็นตัวหลัก ช่วยแอลจีเรีย เข้าชิง แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ และเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายใน โอลิมปิกเกมส์ปี 1980
 
ช่วงกลับมาเล่นให้ มาสการ่า หนสองนี่เอง เป็นช่วงที่เขาประสบความสำเร็จมากสุดในการค้าแข้ง ได้แชมป์ลีกประเทศในปี 1984 แน่นอน ตอนนั้นเขาโชว์ตัวในระดับโลกใน เอสปันญ่า 1982 มาแล้ว
 
โดยในปีก่อนหน้านั้น เขาได้รับการโหวตเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกาด้วย
 
ฟอร์มของเขาในฟุตบอลโลกนั่นเอง ทำให้เขาเป็นที่เตะตาของเหล่าทีมยักษ์ในยุโรป โดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า ทีมในดินแดนที่เขาไปสร้างชื่อ
ลัคห์ดาร์ เบลลูมี่ คือมิดฟิลด์ตัวรุกที่เต็มไปด้วยทักษะ และชั้นเชิง เขาเป็นคนแรกๆ ที่ใช้เทคนิค Blind Pass หรือ มองไปอีกทางแล้วจ่ายไปอีกทาง เท้าขวาของเขาฉมัง ทั้งการเปิดป้อนและการทำประตู
 
น่าเสียดาย ด้วยกฏหมายตอนนั้น ไม่อนุญาตให้คนอายุไม่ถึง 27 ปี ออกไปนอกประเทศ ไปทำมาหากินต่างชาติ ทำให้เขาชวดการได้มีชื่อเป็นนักเตะบาร์ซ่า
 
โชคยังคงไม่เข้าข้างเขาอีก ในปี 1985 ตอนที่อายุได้ 27 ปีแล้ว มีสิทธิ์ค้าแข้งต่างแดนได้ คราวนี้ ยูเวนตุส เดินหน้าติดต่ออย่างจริงจัง
 
แต่แล้ว เบลลูมี่ กลับมาได้รับบาดเจ็บหนัก ขาหักระหว่างช่วย มาสการ่า เจอกับ อัล อิตติฮัด ของลิเบีย ในเกม แอฟริกัน แชมเปี้ยนส์ คัพ
 
เหตุการณ์นั้น เบลลูมี่ ยอมรับในภายหลังว่า "มันเป็นอะไรที่น่าเสียดายจริงๆ ที่ผมไม่สามารถย้ายไปได้"
 
ในเวลานั้น ยูเวนตุส สนใจเขาอย่างจริงจังด้วย แม้ว่าพวกเขาจะมี มิเชล พลาตินี่ อยู่แล้วทั้งคนก็ตาม
 
เปเล่ ก็คือหนึ่งในคนที่ชื่นชอบในการเล่นของ เบลลูมี่ ถึงกับยกนิ้วว่าเป็นผู้เล่นมหัศจรรย์คนหนึ่ง
 
เขานำทีม แอลจีเรีย ไปลุยฟุตบอลโลกอีกครั้งในปี 1986 ที่เม็กซิโก แต่หนนี้ แอลจีเรีย ไม่แกร่งเหมือน 4 ปีก่อน
ตลอดอาชีพการค้าแข้งของ เบลลูมี่ เขาไม่เคยได้ไปสัมผัสบรรยากาศฟุตบอลในยุโรปเลยแม้แต่นาทีเดียว เต็มที่คือไปเล่นในกาตาร์ กับ อัล ซาดด์ ในช่วงสั้นๆ
 
เขาเล่นกับทั้ง มาสการ่า และ โอราน ในบ้านเกิดสลับไปๆ มาๆ จนแขวนสตั๊ดเด็ดขาดในปี 1999 ตอนอายุ 40 ปี
 
แม้ฟีฟ่า จะบันทึกอย่างเป็นทางการว่าเขาติดทีมชาติทั้งหมด 101 นัด ทำ 28 ประตู แต่ในแอลจีเรียเขาเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ลงเล่นให้ชาติมากสุดถึง 147 นัด
 
น่าเสียดาย ที่ในทีมชาตินั้น เบลลูมี่ โบกมือลาตั้งแต่ 10 ปีก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ด
 
ยิ่งเสียดายไปมากกว่านั้นคือหลังจากเขานำ แอลจีเรีย เป็นรองแชมป์ เนชั่นส์ คัพ ในปี 1980 แล้ว เขายังนำทีมได้อันดับ 3 อีก 2 ครั้งคือในปี 1984 และ 1988 แต่หลังจากเขาอำลาทีมชาติ แอลจีเรีย กลับเป็นแชมป์ระดับทวีปได้ทันทีเป็นครั้งแรกในปี 1990 โดยสตาร์ของทีมชุดนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเขา ที่ดังกว่าในต่างประเทศอย่าง ราบาห์ มัดเจอร์ นั่นเอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา