2 ส.ค. 2019 เวลา 03:19 • ท่องเที่ยว
สัมผัสอากาศเย็นสบาย สายหมอก กลางขุนเขา บ้านผาฮี้ เชียงราย
ออกเดินทาง ในฐานะนักท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในมุมมองที่แตกต่าง .. แม้เคยมาที่นี่สองสามหนแล้ว แต่เชื่อว่า ยังมีมุมให้เราค้นหา..เปิดเว็บไซต์ค้นหาที่พักใหม่ๆ ว่างที่ไหน นอนที่นั่น มาดูกันว่าการมาครั้งนี้จะแตกต่างอย่างไร..
🚗ลัดเลาะหลายโค้ง จนเกือบพลบค่ำ ถึงโค้งขวาสุดท้ายสู่บ้านผาฮี้ เย็นนี้มีสายรุ้งกลางหุบเขามารอรับ พร้อมเจ้าของที่พักที่จัดแจงเอากระเป๋าเข้าห้อง
🌈ส่วนเราขอดื่มด่ำกับบรรยากาศให้หายเหนื่อยกับการเดินทางก่อน จุดที่เราพักเป็นเสมือนศูนย์กลางหมู่บ้านที่ใครผ่านไปผ่านมาทักทายกัน เข้าที่พัก ดูที่นอน ห้องน้ำเสร็จ ก็ออกมากินข้าว เราเลือกที่จะไม่ยกมากินหน้าห้อง แต่เดินไปกินข้างบน กลางชุมชน เผื่อเจอผู้คนให้ทักทาย
🍱สำรับอาหารถิ่นจัดไว้ที่ชานบ้านหลังหนึ่ง พอเห็นถึงกับตะลึง อาหารราว 10 อย่างล้นสำรับ เราคงต้องสู้สึกกับอาหารมื้อนี้อย่างหนักหน่วง ทั้งปลาทอด น้ำพริกมะเขืออาข่า ผัดยอดฟักแม้ว หมูย่าง ยอดผักผัดไข่ แกงจืดฟัก ยำรากชู ในแบบอาข่าสไตล์ กินพร้อมบทสนทนาที่ออกรส ทำให้รู้ตัวอีกทีเกือบสามทุ่ม พี่ที่บอกว่าจะพาเราชมหมู่บ้านคงรอไม่ไหวแล้ว ..
🌃กินข้าวเสร็จ เงยหน้ามองท้องฟ้า โอ้โห!! .. ดาวเยอะมาก นี่ขนาดหมู่บ้านเปิดไฟกันเป็นระยะ ดวงดาวนับล้านยังโดดเด่น ชวนให้เราเดินเงยหน้าชื่นชม เห็นลานดาดฟ้าของบ้านหลังนึง น่าจะเหมาะเจาะกับการเอนตัวนอนลงชมดาว ด้วยคำของพี่ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ที่นี่ทุกร้านกาแฟจะให้นักท่องเที่ยว เข้าไปเยือนได้ เราก็ถือวิสาสะ ยามวิกาล เข้าไปเยือน ดาวสุกไสว ดาวตก และที่สำคัญ เราว่า เราเห็นทางช้างเผือกด้วยแหละ โหลดแอพดูดาวมาศึกษามาส่องทันใด สายลมพัดพลิ้วให้เย็นผิวกาย ท่ามกลางอากาศราว 20 องศา เพลิดเพลินมากจนรู้สึกตัวอีกที เที่ยงคืนกว่า
🗣 .. เดินกลับห้องพัก พบวงสนทนาของหมู่บ้าน น่าจะหารือการบ้านการเมือง วงใหญ่ ชายล้วน ทักทายเราในฐานะนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไม่ให้หวาดกลัวใดๆ
🐓อาบน้ำอาบท่า ล้มตัวลงนอนบนฟูก ห้องนี้นอนกัน 4 คน และน่าจะราว ๆ ตี สาม เจ้าถิ่นของหมู่บ้านทำการร้องยกใหญ่ เอก อิ เอิ๊ก เอ๊ก ...🐓 ด้วยความเพลีย เราก็หลับบ้าง ตื่นบ้าง พอรุ่งเช้าเราจึงได้ฟังคำบอกเราของชาวบ้านว่าไก่ที่นี่ ขัน 3 เวลา คือ หนึ่ง ราวๆ เที่ยงคืน คือเตือนเรา นอนได้แล้ว สองคือราวตีสาม ดึกละนะ นอนๆๆๆ และสามรุ่งเช้า เช้าแล้วนะ ตื่นกันเถอะ .. ไก่จ๋า🐔 อยากบอกว่า ตื่นตั้งแต่เอ้ก แรกละจ้า...ช่างเป็นคอนเทนท์ที่ทำให้เคืองเจ้าไก่ที่มาปลุกไม่ลงเชียว
🌞เปิดประตูเพื่อจะสูด อากาศยามเช้า แล้วเราก็ต้องตะลึง หมอก คุณพระ!! ปิดประตูทันใด ล้างหน้า เปลี่ยนชุด กล้อง พร้อม รีบออกไปชื่นชม นักท่องเที่ยวยังเบาบาง เราแวะร้านโน้น บ้านนี้ เพื่อหามุมที่เหมาะๆ ..คำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน แม้เราจะไม่ใช่ลูกค้าของเค้า สร้างความประทับใจมิใช่น้อย ว่าเราคือแขกของบ้านผาฮี้ ไม่ใช่แขกของที่พักใดที่พักหนึ่ง
☂️พอเริ่มสาย นักท่องเที่ยว เริ่มออกจากห้องนอน หนาตามาขึ้น แต่หมอกยังคงรอคอยนักท่องเที่ยวที่พักค้างบนดอย ให้ได้ตื่นตากันถ้วนทั่ว
☕แวะคุยหาความรู้เรื่องกาแฟ คั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน แต่ละบ้านจะมีความเชี่ยวชาญ อธิบายได้อย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นสิ่งที่เค้าคลุกคลีมายาวนาน บ้านผาฮี้ส่งกาแฟกะลาเพื่อไปสู่ขั้นตอนผลิตต่อไปถึง 200 ตันต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ในอดีตที่นี่ดำรงชีพด้วยการปลูกกาแฟถึง 90% แต่ในปัจจุบัน มีเรื่องการท่องเที่ยวเข้ามาแชร์สัดส่วนบ้าง ราวๆ 30% แต่ยังคงยืดหยัดเรื่องปลูกกาแฟส่งออกและนำผลผลิตกาแฟมาเชื่อมโยง กับการท่องเที่ยวโดยการเปิดร้านกาแฟไปในแต่ละมุมของหมู่บ้าน ชอบแบบไหน เข้มอ่อน มาลิ้มลอง หรือซื้อเมล็ดกาแฟไปคั่วบด ดริปเองที่บ้านได้เลย☕
🍛อิ่มเอมใจกับสายหมอกแล้ว กลับมากินอาหารเช้า ข้าวต้มหมู ใส่ไข่ต้ม ความพิเศษคือเรื่องราวของไข่ไก่สีขาว คำบอกเล่าที่ว่า ไม่ได้หากินกันง่ายๆ ต้องจองล่วงหน้า ทำให้เรา หันกลับมาฮือฮา และให้ความสำคัญกับไข่ที่อยู่ตรงหน้าทันที กินหมดเกลี้ยงให้สมกับคุณค่า
🌳ทีแรกว่าจะเข้าบ้าน กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด แต่ที่ไหนได้ มีพี่ใจดีบอกจะพาชมหมู่บ้าน ราไปเริ่มกันที่ป้ายหมู่บ้าน ทุกสิ่งในป้ายมีความหมายที่บ่งบอกตัวตน อาชีพ ของคนที่นี่
ณ ตอนนี้ ร้านกาแฟที่นี่ มีราวๆ 10 ร้าน อยากจะบอกว่า ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นมาจับจองมาปิดร้านค้า ดังนั้นเจ้าของร้านแต่ละร้าน จึงเป็นคนที่นี่ คนที่รักถิ่นฐานและบ้านของตัวเอง... แต่ละร้าน มีมุมให้ชมวิวที่แตกต่างกัน รับรองเลยว่าสวยงามทุกมุม เลือกชื่นชมได้เลย จากร้านหลักๆที่มีอยู่เดิม น่าจะใช้สีของร่มเป็นสัญลักษณ์☂️⛱ ซึ่งก็น่าจะดีเพราะเวลานัดหมายกัน จะไม่หลงแน่นอน
🏡ภาพจำของที่นี่ น่าจะเป็นร้านร่มเขียว มุมที่แทบทุกคนต้องมามีภาพถ่ายกลับไปเป็นความทรงจำ .. หรือร้านร่มแดง ก็จะได้วิวข้างหน้าเป็นหุบเขา มองเห็นภาพทั้งหมู่บ้าน สีร่มต่อมาที่เราเห็นคือ ร่มขาว ร่มม่วง ต่อๆ ไปน่าจะมีอีกหลากสีให้เราได้เลือกหลบมุม จิบกาแฟ แลดอย ในแบบของเรา..
🏘พูดถึงที่พัก แทบทุกร้านกาแฟ จะมีที่พัก แบบเล็กๆ ที่ละ 4-5 ห้อง สนนราคาส่วนใหญ่จะเท่ากันคือ 750 ต่อคนต่อคืน ราคานี้จะรวมอาหารเย็น(สุดอลังการ) และมื้อเช้า พร้อมกาแฟดริปให้จิบกัน แต่จะมีบางที่ ห้องดีหน่อย ก็จะราคา 800บาท/คน/คืน จะไม่เกินไปกว่านี้ และที่สำคัญ จะหักเข้ากองกลาง 50 บาท ไว้บำรุงหมู่บ้าน
♨️คราวนี้มีโอกาสได้นั่งรถไปด้านหลังหมู่บ้าน ชมโรงโรงคั่วกาแฟ ช่างเป็นโรงคั่วที่บรรยากาศดีมากๆ สายหมอกคลอเคลียร์ใบหน้า สุดจะชื่นใจ หันไปบนมองต้นไม้ใหญ่ เห็นเด็กน้อย นอนอ่านหนังสืออยู่ ภาพแบบนี้หาดูได้ยาก ช่างเป็นชีวิตที่ย้อนวันวาน ห่างไกลจากเทคโนโลยี
🏡น่าจะได้เวลา กลับห้องไปอาบน้ำ อาบท่า ให้เจ้าของที่พักได้เคลียร์ห้องเพื่อรับแขกชุดใหม่ ได้มามีประสบการณ์เฉกเช่นเรา
🏞จบท้ายถึงเวลาร่ำลาบ้านผาฮี้ ยังมีกาแฟดริปอุ่นๆ ให้ดื่มก่อนไป ฝากไว้ทั้งรสสัมผัสแห่งความอร่อย และความทรงจำที่ทรงค่า..
💟ขอบคุณบ้านผาฮี้ รีชาร์ทฉันได้อย่างเต็มพลัง💟

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา