2 ส.ค. 2019 เวลา 23:00
วีรบุรุษคนสุดท้ายผู้กอบกู้ราชวงศ์หมิง
เจิ้งเฉิงกง เขาเป็นลูกครึ่งจีน-ญี่ปุ่น มีพ่อเป็นชาวจีนและแม่เป็นชาวญี่ปุ่น เขาเกิดและเติบโตที่เกาะฮิราโดะ เมื่ออายุ7ปี ก็ตามพ่อกลับมาอยู่ที่จีน และเมื่อโตขึ้นก็เข้ารับราชการทหาร
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ หลังจากที่ชนเผ่าแมนจูโจมตีซานไห่กวนแตก ทำให้เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์หมิงที่เหลือรอดต้องอพยพลงไปแดนใต้ เพื่อสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่ เรียกว่า อาณาจักรหนานหมิง
ในตอนนั้นอาณาจักรหนานหมิงถูกแบ่งออกเป็นก๊ก แต่ละก๊กต่างก็อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ ทำให้เกิดสงครามภายใน จนไม่คิดที่จะต่อต้านชนเผ่าแมนจูที่รุกรานเข้ามา
ถังหวาง หนึ่งในเชื้อพระวงศ์ได้ขึ้นครองราชย์ ที่เมืองฝูโจว และสถาปนาตนเองเป็น ฮ่องเต้หลงอู่
1
โดยมีแม่ทัพประจำกายชื่อ เจิ้งจือหลง เป็นผู้บัญชาการสูงสุดและเขามีลูกชายชื่อ เจิ้งเฉิงกง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรบ
1
เจิ้งเฉิงกง
เจิ้งจือหลงได้พาลูกชายของตนเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลงอู่ เมื่อฮ่องเต้เห็นหน้าเจิ้งเฉิงกงก็ตรัสถามเจิ้งเฉิงกงผู้เป็นลูกว่า "ยามนี้บ้านเมืองเข้าสู่ช่วงลำบากยากเข็ญ จะกอบกู้ชาติได้อย่างไร"
เจิ้งเฉิงกงจึงยกเอาคำพูดของอดีตแม่ทัพงักฮุก ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ขึ้นทูลว่า "หากจะกอบกู้ชาติให้เป็นผล ขุนนางพลเรือนต้องไม่โลภเงินทอง ขุนพลต้องกล้าหาญไม่กลัวตาย" ฮ่องเต้ได้ฟังก็พอพระทัยมากจึงแต่งตั้งให้เขาเป็นทหารราชองครักษ์
1
ต่อมาราชวงศ์ชิง(แมนจู) ได้ส่งคนมาติดต่อกับเจิ้งจือหลงอย่างลับๆ เกลี้ยกล่อมให้เขายอมจำนนเพื่อแลกกับลาภยศเงินทองและตำแหน่ง เขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวจึงทรยศฮ่องเต้ ยอมให้กองทัพราชวงศ์ชิงบุกเข้ามาที่เมืองฝูโจว และปลงพระชนม์ฮ่องเต้หลงอู่
1
เจิ้งเฉิงกงโกรธพ่อของเขามากที่ทรยศแผ่นดิน เขาจึงรวบรวมไพร่พลที่จงภักดีและตั้งกองกำลังต่อต้านราชวงศ์ชิงโดยยึดคำขวัญว่า เนรคุณบิดา แทนคุณชาติ
1
จากนั้นจึงยกทัพไปเข้าร่วมกับ ฮ่องเต้หย่งลี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์หมิงเช่นเดียวกันที่เกาะหนานเอ้า
กองทัพของเจิ้งเฉิงกงเอาชนะกองทัพของราชวงศ์ชิง(แมนจู)ได้หลายครั้งจนเป็นที่เลื่องลือ
จึงทำให้ตัวเอ่อกุน ผู้สำเสร็จราชการแทนฮ่องเต้ซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิง เขียนจดหมายเกลี้ยกล่อมให้เขายอมจำนน ไม่อย่างนั้นจะประหารเจิ้งจือหลงพ่อของเขาและครอบครัว แต่ว่าเจิ้งเฉิงกงนั้นไม่อาจจะทรยศชาติบ้านเมืองได้ เขาจึงปฏิเสธที่จะยอมจำนน จึงทำให้พ่อของเขาถูกประหารชีวิต
จากนั้นเจิ้งเฉิงกงก็ได้นำทัพเข้ายึดเมืองจางโจวเป็นที่ตั้งและแผ่อิทธิพลครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก จนสามารถระดมไพร่พลได้ถึง2แสนคน
1
ราชวงศ์ชิงในตอนนั้น จำเป็นต้องยอมให้ชาวประมงเข้ามาในเขตเมืองหลวง เพราะกลัวว่าเหล่าชาวประมงจะไปเข้าร่วมกองทัพของเจิ้งเฉิงกง
ครั้งหนึ่งเจิ้งเฉิงกงได้นำทัพเข้าตีหนานกิง แต่ว่าต้องแพ้ให้กลับกลศึกของราชวงศ์ชิง(แมนจู) ทำให้เขาติดพันศึกอยู่ที่หนานกิง ไม่อาจนำทัพกลับมาปกป้องเมืองจางโจวไว้ได้ จากนั้นทางราชวงศ์ชิงก็ส่งกองทัพใหญ่มาตีเมืองจางโจวจนแตก ฮ่องเต้หยงลี่ต้องลี้ภัยไปพม่า แต่ไปไม่ทันจึงถูกอู๋ซานกุ้ย แม่ทัพราชวงศ์ชิงปลงพระชนม์
1
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ความพยายามของเจิ้งเฉิงกงนับสิบปีต้องสูญเปล่า แต่เขาก็ยังไม่ท้อ เขายังคงนำไพร่พลที่เหลืออยู่ไปตั้งมั่นที่เกาะเซี่ยหมิน ซึ่งในขณะนั้นฮอลันดาได้เข้ามายึดเกาะไต้หวัน และได้ส่งกองเรือมารุกรานชาวจีนบนเกาะต่างๆ จึงกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการกู้ชาติของเจิ้งเฉิงกง
1
จากนั้นเค้าจึงคิดว่า ถ้าหากเรายังอยู่ที่เกาะเซี่ยหมิน จะต้องถูกทั้ง2กองทัพโจมตีแน่ เขาจึงตัดสินใจเข้ายึดเกาะไต้หวันเพื่อเป็นที่มั่นแทน
1
วันที่ 29 เมษายน ปีค.ศ.1661 เจิ้งเฉิงกงนำกองทัพเรือและพลทหาร25,000 คน ข้ามทะเลมุ่งสู่ไต้หวัน และได้ยึดเมืองท่าลู่เออร์หมิน ที่เกาะไต้หวันสำเร็จเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงบุกยึดป้อมปราการฉื้อคั่น ซึ่งเป็นที้ตั้งของทำเนียบข้าหลวงใหญ่ฮอลันดา โดยใช้เวลา3วัน ถึงจะเข้ายึดได้
1
และสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเข้าตีกองบัญชาการใหญ่ของฮอลันดา โดยใช้เวลาปิดล้อมนานถึง 7 เดือน จึงสามารถยึดได้
หลังยึดเกาะไต้หวันคืนมาได้ เจิ้งเฉิงกงก็เร่งพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ของเกาไต้หวัน เพื่อใช้เป็นที่ตั้งในการกู้ชาติต่อไป
เเต่หลังจากที่ยึดเกาะไต้หวันกลับมาได้ไม่นาน เจิ้งเฉิงกงก็ล้มป่วยและเสียชีวิตในที่สุด
จากนั้นเจิ้งเฉิงกงเสียชีวิต ชาวไต้หวันที่เหลือก็ยังคงต่อต้านราชวงศ์ชิงเรื่อยมา จนถึงสมัยฮ่องเต้คังซี แห่งราชวงศ์ชิง(แมนจู) จึงสามารถเอาชนะกองทัพชาวไต้หวันได้ เป็นการปิดฉากการสู้รบต่อต้านราชวงศ์ชิงอันยาวนาน
โฆษณา