6 ส.ค. 2019 เวลา 02:21 • ประวัติศาสตร์
มารู้จักราชวงศ์แห่งกรุงศรีอยุธยากันเถอะ 1
(ราชวงศ์อู่ทอง)
ตามที่เราได้เรียนรู้กันมาแต่สมัยเป็นนักเรียนประถมมัธยมนั้น จะเข้าใจกันแต่เพียงว่ากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวงของชาวสยาม ที่จัดเป็นอาณาจักรที่ 2 ต่อจากสุโขทัย โดยคิดกันว่าอาณาจักรอยุธยาโค่นล้มอาณาจักรสุโขทัยได้ก่อนจะตั้งอยุธยาขึ้น แล้วคงอยู่เป็นนครหลวงนานนับ 400 กว่าปีและมีกษัตริย์ถึง 33 พระองค์ ก่อนจะโดนพม่ามาตีแตกทำลายไปเสียสิ้น
ซึ่งอันที่จริงแล้วอยุธยานั้นมีอะไรมากกว่าที่เรารู้และคิดอยู่มาก ตั้งแต่อาณาจักรอยุธยาตั้งขึ้นควบขนานกับสุโขทัยมานานนับหลายสิบปี เรียกว่าใช้เวลาเกือบร้อยปี อยุธยาถึงได้ผนวกเอาสุโขทัยเป็นส่วนหนึ่งเข้าไปได้ และที่สำคัญตลอดเวลานั้น อยุธยาประกอบไปด้วยถึง 5 ราชวงศ์ ที่มีการชิงราชบัลลังก์ไปมา จนเอาว่าไม่แพ้ละครจีนหรือเกาหลีที่มีการแย่งชิงอำนาจกันเลยทีเดียว
1
ว่ากันที่ราชวงศ์แรกที่สถาปนาอาณาจักรอยุธยาขึ้นมานั้นคือราชวงศ์อู่ทอง และได้มีปฐมบรมกษัตริย์คือพระเจ้าอู่ทองที่ครองราชย์ในช่วงปี พ.ศ.1893-1912 โดยตรงกับช่วงเวลาในรัชสมัยของพระเจ้าลิไทแห่งสุโขทัย นับเวลาครองราชย์ของพระเจ้าอู่ทองยาวนานราว 20 ปี (ช่วงเวลาครองราชย์ของพระเจ้าอู่ทองและพระเจ้าลิไทนั้นแทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันทีเดียว)
2
ซึ่งแต่เดิมแล้วสมเด็จกรมกระยาดำรงราชานุภาพท่านได้สันนิฐานว่า พระเจ้าอู่ทองเป็นเจ้าครองเมืองอู่ทองมาก่อน พอเกิดโรคระบาดแล้วก็ได้ย้ายเมืองมายังอยุธยาในที่สุด แต่ปัจจุบันการขุดค้นโบราณสถานอู่ทองพบว่าเมืองนั้นร้างไปก่อนการตั้งอยุธยานับ 200 ปี จึงทำให้ข้อสันนิฐานนี้ไม่น่าจะเป็นจริง ซึ่งก็มีหลายทฤษฎีเกิดขึ้น แต่จากหลักฐานโบราณคดีได้มีการสรุปเอา 3 ทฤษฎีนั้นมารวมกันว่าเจ้าชายวรเชษฐ์ เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมราชา กษัตริย์แห่งอาณาจักรละโว้ ต่อมาพระราชชนกโปรดให้ไปครองเมืองพริบพรี และหลังจากพระราชชนกเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงกลับมาครองเมืองอโยธยา จากนั้นจึงเกิดโรคระบาด จึงทรงย้ายที่ตั้งเมืองมายังตำแหน่งปัจจุบัน
2
ในรัชสมัยของพระองค์ ได้มียอดนักรบคู่ใจที่ร่วมกันก่อสร้างบ้านเมืองคือขุนหลวงพะงั่ว ที่ตำนานเชื่อว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ ของพระเจ้าอู่ทองนั่นเอง เมื่อได้ตั้งกรุงศรีอยุธยาแล้วก็โปรดให้ขุนหลวงพะงั่วไปครองเมืองสุพรรณบุรีหัวเมืองตะวันตก ส่วนพระราเมศวรพระโอรสก็ครองเมืองลพบุรีหัวเมืองทางเหนือ
จนกระทั่งพระองค์สวรรคตลงในปี พ.ศ. 1912 พระราเมศวรจึงได้ถูกอัญเชิญขึ้นครองราชย์ในฐานะประมุของค์ที่ 2 ของอาณาจักรและและราชวงศ์อู่ทอง หากแต่ก็ทรงอยู่ในสิริราชสมบัติได้เพียงปีเดียว ขุนหลวงพะงั่วผู้เป็นลุง ได้ยกทัพจากสุพรรณบุรีเข้าพระนคร ความทราบถึงพระราเมศวรจึงยกทัพไปต้อนรับและอัญเชิญท่านขึ้นปราบดาภิเษกเป็น สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ
ตลอดเวลาในรัชกาลของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 พระราเมศวรได้ถอยทัพไปรั้งเมืองลพบุรีอันเป็นที่มั่นเดิม จนกระทั่งในปี พ.ศ.1931 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 เสด็จสวรรคตและพระเจ้าทองลั่นพระราชโอรสขึ้นครองราชย์ได้เพียง 7 วัน (สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย คือไม่มีกระทั่งเวลาเฉลิมพระนาม เพราะพระนามพระเจ้าทองลั่นเป็นชื่อสมัยเป็นองค์ชาย) พระราเมศวรก็ได้เคลื่อนทัพเข้ากรุง แล้วจับพระเจ้าทองลั่นสำเร็จโทษ ก่อนที่พระองค์จะครองบัลลังก์เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงปี พ.ศ.1931-1938 ซึ่งในปีแรกของการครองราชย์ครั้งนี้ พระองค์ได้แผ่อำนาจเข้าไปในดินแดนอาณาจักรสุโขทัยได้ โดยทางสุโขทัยในสมัยของพระเจ้าลือไท ได้ยอมตกอยู่ในการเป็นรัฐบรรณการต่ออโยธยาเป็นครั้งแรก
1
เมื่อสิ้นรัชกาลไปทางสมเด็จพระรามราชาธิราชพระราชโอรสได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบมาในช่วงปี พ.ศ. 1938-1952 โดยในช่วงปลายรัชสมัยพระองค์ได้มีปัญหากับเจ้าพระยามหาเสนาบดี อัครมหาเสนาบดีผู้หนึ่ง จึงได้ยกกำลังหนีไปเข้าร่วมกับเจ้านครอินทร์ พระราชนัดดา (หลาน) ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1(กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์สุพรรณภูมิ) แล้วยกกำลังจากสุพรรณบุรีกลับมาปลดสมเด็จพระรามราชาธิราชลงแล้วส่งไปครองเมืองปทาคูจาม (บ้างว่าปทาคูจามเป็นภาษาเขมรแปลว่าตแลงแกง จึงว่ามีการสำเร็จโทษพระองค์ด้วยเช่นกัน)
นับถึงตรงนี้ราชวงศ์อู่ทองผู้ก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาก็สิ้นสุดลงโดยมีพระราชาเพียง 3 พระองค์ 4 สมัยเท่านั้น และนับถึงตรงนี้อาณาจักรสุโขทัยก็ยังคงดำรงอยู่ในฐานะรัฐบรรณการที่ยังไม่ได้ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอยุทธยาดังที่เข้าใจกัน เป็นอันว่าเราจบเรื่องราวของราชวงศ์ที่ 1 ไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนต่อไปเป็นราชวงศ์ที่ 2 ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ท่านที่สนใจเรียนเชิญติดตามต่อไป
โฆษณา