6 ส.ค. 2019 เวลา 13:52 • ธุรกิจ
Net Profit Margin (NPM) หรือกำไรสุทธิ คือค่าที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ออกมา เพื่อดูความสามารถในการทำกำไรของบริษัทนั้น ว่าเป็นกี่ % ของรายได้
พูดง่ายๆว่ารายได้หักต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว เหลือเป็นกำไรอยู่เท่าไหร่
1
นั่นคือค่านี้ยิ่งสูง จะยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงบริษัทมีการบริหารต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงกำหนดราคาขายไว้เรียบร้อยแล้ว
และที่น่าสนใจก็คือ แล้วบริษัทไหนบ้างล่ะ ที่สามารถควบคุมต้นทุน และทำกำไรสุทธิ เติบโตติดต่อกันได้หลายปีบ้าง
ในส่วนนี้เราได้เปิดเรดาร์ชื่อว่า “Net Profit Growth 5 Y” เพื่อค้นหาหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกันครับ
1. บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หุ้น IVL ทำธุรกิจด้านการลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีแบบครบวงจร
1
กำไรปี 2556 1,325.87 ล้านบาท
กำไรปี 2561 26,465.40 ล้านบาท
2. บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หุ้น EA ดำเนินธุรกิจหลัก 5 ธุรกิจ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์พลอยได้ 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 3) ธุรกิจพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ 4) ธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานีบริการน้ำมัน เชื้อเพลิงอื่นๆ เพื่อยานยนต์ รวมถึงกิจการขายปลึกสินค้า ในร้านค้าปรึกทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจศูนย์การค้า พร้อมการให้บริการด้านโลจิสติก 5) ธุรกิจวิจัย และพัฒนา
กำไรปี 2556 267.92 ล้านบาท
กำไรปี 2561 4,975.21 ล้านบาท
3. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หุ้น MTC ทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ และสินเชื่อส่วนบุคคล
กำไรปี 2556 351.44 ล้านบาท
กำไรปี 2561 3,713.39 ล้านบาท
4. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หุ้น CPF ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร จำแนกเป็น 1) ธุรกิจอาหารสัตว์ 2) ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ 3) ธุรกิจอาหาร (Food) รวมถึงกิจการค้าปลีกอาหารและร้านอาหารต่างๆด้วย
กำไรปี 2556 7,065.25 ล้านบาท
กำไรปี 2561 15,531.47 ล้านบาท
5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หุ้น BAY เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศในด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และยังเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก โดยธนาคารให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ผ่านบริษัทย่อยและการร่วมค้าทั้งในด้านการบริหารความมั่งคั่ง บัตรเครดิต ประกันวินาศภัย การบริหารสินทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และเครื่องจักร แฟคเตอริ่ง ไมโครไฟแนนซ์และสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ
กำไรปี 2556 11,866.65 ล้านบาท
กำไรปี 2561 24,812.64 ล้านบาท
6. บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หุ้น AP พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ เช่น บ้านและคอนโดมิเนียม
กำไรปี 2556 2,013.30 ล้านบาท
กำไรปี 2561 3,865.41 ล้านบาท
7. บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หุ้น HMPRO ธุรกิจค้าปลีก โดยจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร โดยใช้ชื่อ โฮมโปร (HomePro) เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ
กำไรปี 2556 3,068.48 ล้านบาท
กำไรปี 2561 5,612.62 ล้านบาท
8. บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หุ้น TISCO ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินทิสโก้ โดยมีธนาคารทิสโก้เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันให้บริการทางด้านการเงินอันประกอบด้วย บริการสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริการสินเชื่อพาณิชย์ธนกิจ บริการเงินฝากรายย่อย บริการลูกค้าธนบดีธนกิจ บริการตัวแทนขายประกันผ่านธนาคาร บริการจัดการการเงิน และบริการคัสโตเดียน
กำไรปี 2556 4,249.05 ล้านบาท
กำไรปี 2561 7,015.68 ล้านบาท
9. บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หุ้น BH โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล ในกรุงเทพมหานคร มีการให้บริการทางการแพทย์ครบวงจรทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมทั้งศูนย์บริการผู้ป่วยต่างชาติ และลงทุนในธุรกิจการแพทย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ
กำไรปี 2556 2,520.78 ล้านบาท
กำไรปี 2561 4,151.89 ล้านบาท
#StockRadars #ทำเรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย
Website: www.stockradars.news
ใช้สต็อกเรดาร์ซื้อขายหุ้น: www.stockradars.co/open
เพิ่มเติมที่เรดาร์ชื่อ “Net Profit Growth 5 Y” >> http://stockradars.co/radars/?id=338&name=Net%20Profit%20Growth%205%20Y
โฆษณา