9 ส.ค. 2019 เวลา 15:25 • ประวัติศาสตร์
Ep.003
แนนนี่ ดอลล์ เธอฆ่าคนในครอบครัวกว่า10คน
ฆาตกรโรคจิต แนนนี่ ดอลล์ (เนื้อหา18+)
แนนนี่ ดอลล์
เธอเป็นผู้หญิงโหยหาความรักจนกลายเป็นฆาตกรวางยาพิษสามีถึง 4 คน นอกจากนั้นยังฆ่า ลูก หลาน น้องสาว แม้กระทั้ง....แม่บังเกิดเกล้า เธอเล่าเรื่องการฆาตกรรมด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก จนได้รับฉายาว่า "คุณยายเส้นตื้น" และ "แม่ม่ายเริงร่า"
แนนนี่ ดอลล์ หรือชื่อเดิมคือ แนนนี่ แฮเซิลถือกำเนิดในปี 1905 ในครอบครัวเกษตรกรที่แสนยากจน ในหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขาทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐอลาแบม่า ประเทศสหรัฐอเมริกา
แนนนี่ มีน้องสาวสามคน น้องชายอีกคน แม่ชื่อ ลูลิสา เป็นแม่ที่ชอบจู้จี้จุกจิ และกลัวสามีอารมณ์ร้าย นามว่าเจมส์ แฮเซิล
ด้วยความที่พ่อใจร้าย เจ้าอารมณ์ ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของแนนซี่ไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เจมส์ แฮเซิล เป็นนายใหญ่ของบ้าน ทุกคนในบ้านต้องปฏิบัติ วันไหนที่ครอบครัวจะทำไร่ทำนา พวกลูกๆ ต้องหยุดเรียนเพื่อมาทำไร่ทั้งวัน ถ้าไม่ทำตาม บทลงโทษที่ตามมาคือ การเฆี่ยนตี
แนนนี่ต้องทำงานบ้านอย่างนักหนัก สำหรับเด็กอายุแค่ 5 ขวบ แต่ต้องทำงานเกินเด็ก เช่น ตัดไม้ พรวนดิน ถางหญ้า ล้างหม้อ ล้างกะทะ จนชาวบ้านรู้กันทั่วว่าถ้าไฟบ้านแฮเซิลไม่ดับเวลากลางคืนแสดงว่าครอบครัวนี้กำลังทำงาน
ไม่มีความบังเทิงใดๆ ทั้งสิ้นในครอบครัวของแนนนี่ เพราะการไปเที่ยวคือสิ่งต้องห้ามของครอบครัวแฮเซิล นอกจากนั้นครอบครัวนี้ยังห้ามใช้เครื่องสำอาง การสวมถุงน่อง การตกแต่งทรงผม การใส่เสื้อรัดรูป ห้ามทุกอย่าง ทำให้สิ่งบังเทิงสิ่งเดียวของแนนนี่ที่เป็นเด็กมีสิ่งเดียวเท่านั้นคือ การนั่งดูแสงตะเกียงแกว่งไกวเข้าจังหวะพร้อมกับจินตนาการในโลกส่วนตัว
ความจริงแฮเซิลผู้พ่อไม่ค่อยชอบแนนนี่ สักเท่าไหร่ เพราะเธอมักชอบแหกกฎของครอบครัวประจำ โดยเฉพาะความรัก เธอเป็นคนประเภท "มีความรักไม่รู้จักพอ" เวลาว่างๆ ที่พ่อเผลอ เธอมักทำอะไรโน่นอะไรนี้กับเด็กผู้ชายที่ชอบเธอที่เพิงเก็บหญ้าหรือฉางข้าวโพดเป็นประจำส่วนผู้ชายทั้งหลายก็ชอบเธอด้วยสิ เธอทั้งผมดำ ตาดำ และเสียงหัวเราะคิกคักสดใสของเธอ (รวมทั้งความใจง่ายของเธอด้วย)
ด้วยเหตุนี้ พ่อของแนนนี่ จึงทนไม่ไหว จึงคิดเห็นการจับแนนนี่กับผู้ชายที่เขาเลือกเอาไว้ ก่อนที่เธอจะทำอะไรเกินหน้าเกินตากับครอบครัว
1
และชาร์ลีย์ แบร็กส์ คือผู้โชคดีในขณะนั้น และโชคร้ายในเวลาเดียวกัน!!
ชาร์ลีย์ แบร็กส์ เป็นเด็กหนุ่มที่ทำงานปั่นด้ายที่แนนนี่ทำงานอยู่ เขาเป็นหนุ่มหล่อ ผมหยัก ขยัน และนี้เองที่ทำให้พ่อของแนนนี่ชอบมากกว่าวัยรุ่นทั่วไป ถึงกับจับชาร์ลีย์และแนนนี่มาแต่งงานกันในปี 1921
แต่แนนนี่ ไม่ชอบนายคนนี้เลยสักนิด หลายปีต่อมาแนนนี่บันทึกหลังแต่งงานกับชายคนนี้ว่า "ฉันแต่งงานตามที่พ่อต้องการ กับเด็กหนุ่มที่ฉันรู้จักแค่สี่ห้าเดือน ชาร์ลีย์ ไม่มีครอบครัว มีแม่คนเดียว และครอบงำชีวิตฉันโดยสิ้นเชิงเมื่อเราแต่งงานกัน แม่ของชาร์ลีย์ไม่เคยว่าลูกชายเมื่อเขาทำอะไรผิด เธอบงการลูกชายทุกเรื่อง แม้กระทั้งแม่ของฉันเองเธอก็ไม่ยอมให้นอนค้างด้วย"
แนนนี่เกลียดแม่ของสามี ประมาณว่าหนีเสือปะจระเข้ ทั้งๆ ที่รอดจากพ่อกับเจอแม่สามีใจดำไม่ต่างกันสักนิด
และยิ่งเพิ่มความกดดันไปอีก เมื่อแนนซี่มีลูกสาวถึง 4 คน ในช่วงเวลา 4 ปี คนแรกชื่อ เมลวิน เกิดปี 1923 คนสุดท้อง ฟลอรีน 1927 ความกดดันกับการเลี้ยงลูกๆ และความเอาแต่ใจของแม่สามี ทำให้แนนนี่เริ่มหันหาเหล้าบุหรี่ และเป็นชู้
ชีวิตแต่งงานของแนนนี่เริ่มลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งผัวทั้งเมีย นับวันยิ่งห่างเหิน ประมาณว่าถ้าคนทั้งคู่กินอาหารบนโต๊ะร่วมกันแสดงว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
จนกระทั้งเกิดเรื่องขึ้น
ต้นปี 1927 จู่ๆ ครอบครัวแบร็กส์ เสียลูกสาวสองคนในคราวเดียวกัน ด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษทั้งคู่ แพทย์ท้องถิ่นระบุว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ชาร์ลีย์ แบร็กส์ไม่เชื่อ นับตั้งแต่นั้นมาชาร์ลีย์ก็ไม่กินอาหารและเครื่องดื่มของแนนนี่อีกเลย
จนในที่สุดชาร์ลีย์ก็ทนไม่ไหว
ปี 1928 ชาร์ลีย์ควงผู้หญิงใหม่เข้ามาบ้าน แนนนี่โกรธสุดขีด เธอเก็บข้าวของ พาลูกที่เหลือออกจากบ้าน พร้อมกับคำสาปแช่งสามีและผู้หญิงใหม่ สาปแช่งชะตาของตัวเอง พร้อมขีดเขียนคำสาปไว้หนังบ้านก่อนจากไป
โชคดีที่ชาร์ลีย์มีชีวิตรอด เพราะหลังจากนั้น สามี คนที่ สอง สาม สี่ และห้า ของแนนนี่ ก็ตายอย่างลึกลับ พวกเขาเหล่านั้นพบจุดจบอย่างน่าสยดสยอง ไม่มีเวลามานั่งฟังคำสาปของแนนนี่เหมือนกับที่ชาร์ลีย์เจอเลยสักคน
หลังจากแยกทางกับชาร์ลีย์ แบรกส์ แนนนี่ก็กลับไปอยู่กับครอบครัวของเธอและทำงานโรงงานปั่นด้ายตามเดิม
ในช่วงเวลานี้แนนนี่เริ่มหาคู่เยียวยารักษาแผลใจทางจดหมาย เธอหวังว่า ชายคนนั้นจะตอบสนองความรักของเธอได้
และแล้วจดหมายที่แนนนี่ปิ๊งที่สุด เป็นจดหมายของคนทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งนามว่า แฟรงค์ ฮาร์เรลสัน เขาหล่อราวกับเทพบุตร ยิ้มเหมือนดารา แนนนี่วาดฝันเขาต้องเป็นสุภาพบุรษสุดดีเริด คนที่เธอใฝ่ฝันถึง แค่ปีเดียว การดูตัวก็สิ้นสุด แนนนี่แต่งงานกับแฟรค์ ปี 1929
หนึ่งปีให้หลังจากการแต่งงานกัน แฟรงค์ เทพบุตรกับกลายเป็นปีศาจ ชายคนนี้มีประวัติติดคุกหัวโต ขี้เหล้า เมาแล้วชอบอาละวาด แต่กระนั้นแนนนี่และลูกสาวทั้งสองคนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ยาวนานถึง สิบหกปี
ปี 1943 เมลวินา และ ฟลอรีน ลูกสาวสองคนของแนนนี่ โตเป็นสาวแล้ว ทั้งคู่ต่างแต่งงาน มีครอบครัว เมลวินได้ลูกชาย ชื่อ โรเบิร์ต พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1945 ก็ตั้งท้องอีก สามี โมเซ เฮนส์ จึงรับแม่ภรรยา มาช่วยดูแลลูกสาวทั้งคืน ทั้งเช็ด ปลอบประโลม จนกระทั้งเมลวินาคลอดลูกเป็นผู้หญิง
และไม่กี่ชั่วโมงเด็กคนนั้นก็ตาย!!!
ซึ่งตอนนั้นเมลวินา กำลังสลึมสลือ เธอพึ่งตื่นหลังยาสลบหมดฤทธิ์ ในตอนนั้นเธอชำเลืองเห็นแม่นั่งอุ้มหลานไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็เห็นแม่เอาปิ่นปักหมวกปักกลางหัวของหลานอย่างสุขใจ
ภาพนี้รบกวนเมลวินาตลอดเวลา ยังไม่ทนเอ่ยปากถามแม่อีก หกเดือนต่อมา โรเบิร์ต ลูกชายของเมลวินาก็เสียชีวิตอีกในระหว่างการดูแลของแนนนี่ โดยสาเหตุขาดออกซิเจน เมลวินาหัวใจสลาย ส่วนแนนนี่หัวเราะชอบใจเพราะได้ค่าประกันชีวิตที่เธอทำไว้ให้หลาน
การตายของเด็กสองคนของเมลวินา ไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก เพราะช่วงนี้พอดีอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองพอดี คนอเมริกาต่างจดใจจดจ่อกับสงครามที่อยู่ข้างหน้า มากกว่าการตายของคนในประเทศ ทำให้คดีเด็กสองคนเก็บเข้ากรุอย่างน่าเสียดาย
1
16 กันยายน 1945 ความอดทนของแนนนี่ต่อแฟรงค์สามีของเธอ ก็สิ้นสุดลง เมื่อเธอพบว่ามีขวดเหล้าซุกอยู่ในพุ่มดอกกุหลาบแสนรักของเธอ เธอโกรธมาก เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดีจากชายขี้เหล้าคนนี้
อะไรสักอย่าง.........
คืนนั้น แฟรงค์ ฮาร์เรลสัน เกิดอาการป่วยประหลาด เจ็บปวด ทรมานนานอยู่หลายชั่วโมง ก่อนที่จะตายด้วยวัยสามสิบแปดปี ในขณะที่แนนนี่เอาขวดเหล้าข้าวโพดเปล่ามาล้างจานอย่างสบายอารมณ์
เรื่องราวชีวิตของแนนนี่หยุดหายไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากแนนนี่ย้ายที่อยู่เป็นว่าเล่น จนสุดท้ายเธอมาหยุดที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ชื่อเล็คซิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา ปี 1947 เธอหยุดที่เมืองนี้เพื่อไปหาคู่ในคอลัมน์เสี่ยงรัก โดยสามีใหม่คนนี้ชื่อ อาร์ลี แลนนิง แค่พบครั้งแรกก็ตกลงปลงใจแต่งงานกันอีกสองวันต่อมา
จะว่าไปอาร์ลี ก็ไม่ใช้สามีที่ดีนัก เขาเป็นคนขี้เหล้า และเจ้าชู้ แต่มีข้อดีคือเขาไม่ชอบความรุนแรง ส่วนแนนนี่ก็ใช้ว่าเป็นภรรยาที่ดี เพราะเธอมักออกจากบ้านบ่อยครั้ง ไม่ค่อยกลับบ้าน แต่กระนั้นเพื่อนบ้านก็แอบชื่นชมแนนนี่อยู่เนื่องๆ เพราะเธอเป็นแม่ศรีเรือนตัวอย่าง
ต่อมาไม่นานนัก อาร์ลีเกิดตายอย่างปัจจุบันทางด่วน หมอบอกว่าเป็นเพราะหัวใจล้มเหลว ก่อนตายหมอบอกว่าเขาเจ็บปวดทรมานอยู่สองสามวันก่อนสิ้นลม มีอาการเหงื่อออก อาเจียน วิงเวียน หน้ามืด ก่อนที่เขาจะตายในที่สุด
ในงานศพอาร์ลี แนนนี่แสดงบทแม่ม่ายสูญเสียสามีแบบตีบทกระจุย "อาร์ลีดื่มกาแฟและกินลูกพรุนที่ฉันทำไว้ให้เขาตอนเช้า"แนนนี่เล่าให้เพื่อนบ้านที่ยืนล้อมหน้าโลงศพ "ตอนนั้นก็ยังดูดีๆ อยู่ แต่พอสองวันต่อมาเขาก็จากไป ฉันพยายามช่วยเขาจริงๆ แต่ทำไม่สำเร็จ......"
"รู้ไหมว่าเขาพูดอะไรก่อนสิ้นลม" แนนนี่ซับหน้าตา "ต้องเป็นกาแฟถ้วยนี้แน่"
ความจริงแล้วเมื่ออาร์ลีตาย ทรัพย์สมบัติต้องตกน้องสาวของอาร์ลี แต่พอดี วันที่ 21 เมษายน บ้านอาร์ลีเกิดไฟไหม้บริษัทประกันจึงส่งเช็ดให้ภรรยาม่ายนั้นคือแนนนี่ ซึ่งในขณะนั้นเธอพักอยู่กับแม่ของอาร์ลี
ในคืนนั้นเองการเสียชีวิตอย่างลึกลับของนางแลงนิงแม่ของอาร์ลีก็เกิดขึ้น
แนนนี่รับเช็คและเผ่นออกไปจากรัฐนอร์ทแคโลไลนา
ไม่กี่วันต่อมา 30 มิถุนายน โดวี่ น้องสาวของแนนนี่ ก็สิ้นใจขณะกำลังหลับในขณะที่แนนนี่ขอมาพักอาศัยอยู่ด้วย
ไดอามอน เซอเคิล คลิบ คือสมาคมจัดหาคู่ทางจดหมาย ที่มีสมาชิกทั้งหญิงทั้งชายตามมาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย โดยเสียค่าสมาชิกปีละ 15 ดอลล่าร์ แนนนี่จึงชอบใช้บริการสมาคมนี้มาก
ปี 1952 รูปร่างของแนนนี่ในขณะนั้นเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อครั้งยังสาว สะโพกแฟบลง คางเป็นสองชั้น สายตาสั้นลง เธอเริ่มรู้ว่าหุ่นอย่างเธอจะหาสามีหนุ่มเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เธอเริ่มหาชายที่มีอายุ
ริชาร์ด มอร์ตัน นักธุรกิจปลดเกษียณ คือสามีล่าสุดของแนนนี่
ถึงแม้เอวแนนนี่จะใหญ่ขึ้น แต่เสียงหัวเราะคิกคักแบบเด็กสาวของเธอยังอยู่ อีกทั้งจากประสบการณ์กับสามีหลายคนทำให้แนนนี่จับสามีคนนี้ไม่ยาก
ปี 1952 แนนนี่หอบผ้าไปอยู่กับสามีใหม่ที่เมืองเอ็มโพเรีย โดยมีความหวังว่าจะสมหวังรักครั้งนี้สักที
แต่....หลังจากอยู่ด้วยกัน ไม่กี่อาทิตย์ ตัวจริงของมอร์ตันก็เริ่มออกลาย เขาเป็นคนมีหนี้สินรุงรัง แถมยังมีเมียเก็บอีก
แนนนี่พลาดอย่างแรงที่เลือกผู้ชายจอมปลอม แต่มอร์ตันพลาดทำผิดพลาดยิ่งกว่าเพราะเธอเลือกฆาตกรเป็นภรรยา
มกราคม 1953 นางแฮเวิล แม่ของแนนนี่มาขออาศัยอยู่กับลูกสาว เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ไม่รู้เหตุใดแนนนี่ถึงฆ่าแม่ตัวเอง เพราะในคดีนี้แนนนี่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษแม่ แต่การตายอย่างปัจจุบันทางด่วน เป็นการยากที่จะเชื่อว่าแนนนี่ไม่ได้ฆ่าแม่
สามเดือนให้หลัง ลูกเขยที่ชื่อ ริชาร์ด มอร์ตัน ก็ตามไปอยู่เป็นเพื่อน เขาเสียชีวิตด้วยอาการเดียวกับแม่ยาย
ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่ว่าครอบครัว เพื่อนฝูง แม้กระทั้งหมอ ที่จะมาซักไซ้ไล่เลียงเรื่องนี้
เวลาว่างที่แนนนี่โปรดปรานมากที่สุดคือการดูนิยายน้ำเน่า หนังน้ำเน่า รักเฟ้อฝัน
เธอชอบมากจนเรียกได้ว่าถ้าใครมาขัดขวาง ติเตียน ละครน้ำเน่าที่เธอดู ละก็ มันผู้นั้นต้องตาย !
แซม ดอสส์ สามีคนที่ 5 คือเหยื่อที่แนนนี่ฆ่าเพราะเหตุผลนั้น
แซม ดอสส์ วัย 59 ปี แต่ดูจากภายนอก เขายังหนุ่ม ดูภูมิฐาน มีฐานะ น่าเชื่อถือ เขารู้จักกับแนนนี่ทางจดหมายระหว่างที่เธออยู่กับสามีคนที่ 4 มานานแล้ว ซึ่งหลังจากงานฝังศพของริชาร์ดเสร็จ แนนนี่รีบจับรถเที่ยวแรก ไปหาดอสส์ในเมืองทูลซา รัฐโอคลาโฮมาทันที
ด้วยบุคลิกขอแซม แนนนี่ เชื่อว่าเขาต้องเป็นสามีของเธอที่ดีแน่ เพราะเขาไม่บ้าอำนาจ ไม่เจ้าชู้ ไม่ชอบความรุนแรง เธอเริ่มเห็นชีวิตสดใสในวันข้างหน้า
แต่ แซมก็เป็นแซม เขาเป็นคนเคร่งศาสนา เจ้าระเบียบ ขี้เหนียว ไม่ชอบแนนนี่ที่วันๆ เอาแต่อ่านนิยายน้ำเน่า ดูหนังฟังวิทยุรายการน้ำเน่า เขามักด่านิยายน้ำเน่าของแนนนี่ว่า
"ผู้หญิงคริสเตียนไม่จำเป็นต้องหาความสุขจากโทรทัศน์หรือนิยายประโลมโลก"
จนกระทั้งแซมจัดแนนนี่เป็นผู้รับเงินประกันชีวิตนี้แหละ คือที่มาของจุดจบที่สยดสยอง
กันยายน1953 ฤดูหนาวเหน็บ แซม ดอสส์กินอาหารค่ำของแนนนี่จนหมด พร้อมรับประทานของหวานเป็นเค้กลูกพรุน คืนนั้นเองเขาเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง นอนบิดไปบิดมา เขานอนป่วยอย่างทรมานบนเตียงในบ้านนานหลายวัน อาการทรุดลง น้ำหนักหายไปหลายกิโล จนต้องส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง
แต่กระนั้นแซมยังรอดมาได้ หมอให้ออกจากโรงพยาบาล วันที่ 5 ตุลาคม แนนนี่ต้อนรับการกลับบ้านของสามีด้วยหมูย่าง และกาแฟ สองยามต่อมา ดอสส์ก็สิ้นใจ
แต่คราวนี้แนนนี่ผิดมหันต์ เมื่อหมอสงสัยการตายของดอสส์ จึงทำการชันสูตร ผลสรุปคือ แซม ดอสส์ ไม่ได้เสียชีวิตตามธรรมชาติ ในลำไส้และกระเพาะอาหารมีหมูย่างและสารหนูในปริมาณมากสามารถฆ่าม้าได้ทั้งคอกอย่างสบาย
แนนนี่ ดอสส์ ไม่สามารถตอบคำถามว่าสารหนูเหล่านี้มาจากไหน ตำรวจจึงรีบคุมตัวทันที
"อ๋อ ยังไงก็ได้" แนนนี่หัวเราะ "พวกเขาจะทำอย่างไรฉันรับได้ทั้งนั้น"
แนนนี่ตอบคำถามแก่นักข่าว
นี้คือคำให้การบางส่วนเมื่อตำรวจสอบสวนแนนนี่ฐานผู้ต้องสงสัยฆ่าแซม ดอสส์
"ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ฉันนะหรือวางยาพิษให้สามี"แนนนี่หัวเราะคิกคัก
ตำรวจสอบปากคำหลายชั่วโมง แต่แนนนี่เอานิตยสารปิดหน้าพลิกไปพลิกมาแล้วหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะบ่งบอกว่าเธอไม่มีอันตรายและไร้เดียงสา
"แนนนี่ เราอยู่นี้หลายชั่วโมงแล้วนะ คุณเป็นคนสามีใช่หรือเปล่า"
"โอ้ พ่อหนุ่ม ไม่เอาน่า ทำไมพวกคุณถึงคิดว่าฉันเป็นคนทำ" แนนนี่บ่นอย่างรำคาน
"เราได้โทรศัพท์ สามีคนก่อนหน้าเธอตายด้วยลักษณะเดียวกัน"
"คุณกำลังพูดเหรอว่าฉันเป็นคนทำ ฉันฆ่าสามีทั้งหมดใช่ไหม" แนนนี่หัวเราะคิกคัก ก่อนพลิกหน้าแม็กกาซีนต่อไป
ตำรวจทนไม่ไหว กระซากหนังสือออกจากมือแนนนี่
"ไม่มีการอ่านอีกแล้ว นี้ไม่ใช้ห้องอ่านหนังสือ คุณต้องตอบคำถามเรา"
แนนนี่มองหน้า ไม่หัวเราะ
"แนนนี่ มีหลายคนที่อยู่รอบตัวคุณใช่ไหม ที่คุณทำให้เขาตาย ตอนนี้พวกเขาอาจเป็นผีอาฆาตที่กำลังกลับมาแก้แค้นคุณ ตอนนี้อาจอยู่ในห้องนี้ก็ได้ แนนนี่ คุณไม่คิดจะส่งพวกเขาไปสู่สุขคติบางเหรอ"ทั้งสองจ้องหน้ากันไม่กระพริบ แนนนี่ถอดหายใจยาว ก่อนพยักหน้า "ก็ได้ ก็ได้ ว่าแต่....คุณคิดจะคืนหนังสือให้ฉันมั้ย?"
หลังจากแนนนี่ให้การรับสารภาพ ตำรวจรื้อพื้นคนตายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนนนี่ทั้งหมดมาสืบสวนพบว่า ศพสามีคนก่อน 4 คน, แม่ของอาร์ลี แลนนิง พบสารหนูพบทุกศพ ยกเว้น แม่ของแนนนี่, น้องสาวแนนนี่ที่ชื่อโดวี่, หลานชาย โรเบิร์ต ไม่พบสารพิษ แต่มีร่องรอยเสียชีวิตเพราะขาดออกซิเจน สันนิษฐานว่าถูกรัดคอตอนหลับ
หลักฐานมัดแน่นจนแนนนี่ดิ้นไม่หลุด
แนนนี่ถูกส่งฟ้องศาลเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1955 เธอรับสารภาพข้อกล่าวหา
แนนนี่ถูกตัดสินชีวิตให้จำคุกตลอดชีวิต ยกเว้นโทษประหารชีวิตเพราะเธอเป็นเพศหญิง
แนนนี่ใช้ชีวิตปั้นปลายในเรือนจำรัฐโอคลาโฮมา เสียชีวิตด้วยโรคโลหิตจางในปี 1965 แต่ยังไม่วายยังถวิลหาความรักที่เป็นอมตะชั่วนิรันดร์
ขอบคุณทุกท่านมากนะคะที่อ่านจนจบ คดีสะเทือนขวัญคดีหน้าจะเป็นยังไงติดตามกันนะคะ
โฆษณา