12 ส.ค. 2019 เวลา 11:50 • ประวัติศาสตร์
shutdown Hong Kong เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ตอนนี้ในฮ่องกงกำลังดุเดือด ใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์ ผู้ติดตามข่าวนี้ คงกำลังลุ้นว่าจะจบลงได้อย่างไร
ตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมก็ปิด การจราจร รถไฟ สุดท้ายปัจจุบันก็ปิดสนามบิน
แถมยังมีกองกำลังชายชุดดำ ออกมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่มาสลายม็อบอีกต่างหาก เหมือนจะเหตุการณ์ที่คุ้นเคย
เครดิต สำนักข่าว AFP
ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ คำกล่าวนี้ใช้ได้เสมอ
พอเห็นข่าวนี้ ผู้เขียนก็พลอยทำให้นึกถึง ประเทศไทยของเรา ก็เคยผ่านเหตุการณ์ประมาณนี้มาแล้ว
ถ้าหลายคนยังจำได้นั่นคือเหตุการณ์ที่ กปปส.ออกมาชุมนุม ช่วงมกราคม 2557 เพื่อ shutdown Bangkok ปิดกรุงเทพฯ ก็มีการปิดสนามบิน เพื่อต่อต้าน นายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งเหตุการณ์คลี่คลายโดยการออกมาปฏิวัติของ คสช.ซึ่งนำโดยพลเอกประยุทธ จันทรโอชา หรือบิ้กตู่ของเรานั่นเอง
หรือแม้กระทั่ง เหตุการณ์ที่กลุ่ม พธม.เสื้อเหลืองทำการปิดสนามบิน ในช่วง 2551 เพื่อต่อต้าน นายกสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งท่านนายกสมชาย ไม่ยอมลาออกโดยเด็ดขาด
ซึ่งเหตุการณ์ก็จบลงโดยที่ ศาลรัฐธรรมนูญทำการยุบพรรคพลังประชาชน ส่งผลให้นายกสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยอัตโนมัติ และ พธม.ก็ประกาศยุติการชุมนุมในอีก 1 วันต่อมา
ถ้าวิเคราะห์เหตุการณ์ shutdown Hong Kong นี้โดยใช้ thailand model แล้วล่ะก็
นายกฮ่องกงต้องลาออก เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และประกาศให้มีเลือกตั้งใหม่ ถ้าจะไม่ให้มีการนองเลือด
ที่ฮ่องกงไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ คอยช่วยเหมือนบ้านเราด้วยสิ ถ้านายกไม่ลาออกเอง ใครก็ไล่ไม่ได้
ที่ฮ่องกงก็ปฏิวัติไม่ได้ด้วยสิ เพราะคนไม่ยอมรับทหารแน่นอน โชคดีที่ประเทศไทยยังปฏิวัติได้ เลยคลี่คลายสถานการณ์ได้
ถ้าทำการปฏิวัติโดยทางการจีน และเปลี่ยนนายกที่ส่งมาจากประเทศจีน ต้องมีการนองเลือดแน่นอน และรุนแรงมาก ประมาณจตุรัสเทียนอันเหมิน แน่นอน ท่านสีจิ้นผิง จะทำแบบนี้มัย
อย่าลืมว่าสถานะฮ่องกงในตอนนี้คือ เมืองหลวงของโลก เหมาะกับการประลองกำลังระหว่าง จีนและอเมริกา เป็นอย่างมาก
เห็นแล้วได้แต่ภาวนาว่า อย่าให้มีการบาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์นี้เลย ขอให้เหตุการณ์จบลงด้วยดี
ถ้าชอบบทความนี้อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม ด้วยนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา