15 ส.ค. 2019 เวลา 00:15 • ไลฟ์สไตล์
"เรื่องเล่าของอิแม๋เฒ่า"
ตอนเด็ก ๆ เรื่องราวที่ชวนให้น่าฟังกว่านิทานปรัมปราก็คงจะเป็นเรื่องเล่าบ้าน ๆ จากคุณยาย หรือหลาน ๆ จะเรียกกันว่า 'อีแม๋เฒ่า' ในภาษาอีสานแถบอุบล
เมื่อน้ำจันทร์กำลังได้ที่ต่างคนก็ต่างพากันเล่าเรื่องราวต่าง ๆ นา ๆ ให้ได้สนุกและเพลิดเพลิน มีทั้งเสียงหัวเราะขบขัน มีทั้งเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าจากแม๋เฒ่า (แม่เฒ่า) ที่ฉันยังไม่เคยลืม นั่นก็คือเรื่อง 'นกแสกเรียกเอาวิญญาณ'
มีอยู่ครั้งหนึ่งในตอนที่ช่วงหลังจากฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตของชาวนาในหมู่บ้านเสร็จสิ้นลง เป็นวันที่พวกฉัน 4 คน ซึ่งจะประกอบไปด้วยพี่ผู้ชายในหมู่บ้าน 2 คน น้องชายฉัน และตัวฉันเอง พวกเราต่างก็พากันเดินถือถุงพลาสติก ส่วนพี่ ๆ ก็จะถือครุใบไม่ใหญ่มาก พากันเดินไปหาจับปลาตามทุ่งนา หรือเรียกอย่างอย่างหนึ่งว่า 'ปลาข่อน' นั่งเอง
บรรยากาศในบ่ายของวันนั้น มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากบ่ายของในทุก ๆ วัน แดดที่กำลังร้อนได้ที่แต่ไม่ถึงกับอะรุสักเท่าไร ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะเดินตามพี่ชายทั้งสองคนข้ามลำห้วยของหมู่บ้านไป พร้อมทั้งน้องชายที่อายุไล่เลี่ยกัน
ฉันแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มสังเกตเห็นว่ามีนกสองตัวกำลังบินวนรอบอยู่ที่ข้างบนนั้นเป็นวงกลม ทันใดนั้นนั่นเองเรื่องเล่าของแม่เฒ่าที่เคยเล่าให้ฟังในคืนก่อนหน้านั้นก็ดังขึ้นเข้ามาในโสตประสาทหูว่า...
"ขั่นนกสองโตมันบินอยู่เทิ่งฟ้านำกันเป็นวงกลม แล้วขั่นนกมันบินไปเกาะอยู่บ้านไผแปลว่าบ้านนั่นสิมีคนตาย"
และบ่ายเกือบค่อนข้างเย็นของวันนั้นนั่นเอง พวกเราต่างก็พากันได้ปลากันไปเต็มครุและเต็มถุงกันพอสมควร พอเริ่มตกเย็นหน่อย ๆ ก็พากันเดินกลับเข้ามาภายในหมู่บ้าน พวกเราทั้งสี่คนต่างก็พากันสังเกตเห็นบ้านพี่คนหนึ่งที่เราเคยไปวิ่งเล่นด้วยกำลังเตรียมงานอะไรกันก็ไม่รู้สักอย่าง แถมพวกผู้ใหญ่ต่างก็พากันมารวมตัวกันที่ใต้ถุนบ้านพี่คนนั้นเยอะแยะเต็มไปหมด
พอเราเดินมาจนถึงบ้าน ก็ได้ยินคนแถวบ้านเขาพูดกันว่าคุณยายบ้านนั้นเสียชีวิตลงแล้วนะ เห็นเขาบอกว่ามีนกตัวหนึ่งบินมาจับที่ต้นไม้ข้างบ้านเห็นว่านั่งคุยกับลูกชาย อยู่ ๆ หน้าแกก็เหลืองขึ้นมาแล้วก็ล้มตึ้งลงไปในระหว่างที่กำลังนั่งคุยพูดคุยกันอยู่
ฉันที่ตอนนั้นยังเด็กไม่ประสาอะไรมาก ก็ได้แต่นิ่งฟังผู้ใหญ่เขาพูดคุยกันที่แคร่ข้างบ้าน ก่อนที่ค่ำนี้เด็ก ๆ และพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างก็คงจะพากันไปร่วมงานฌาปนกิจศพของคุณยายท่านนั้นและก็คงจะเหมือน ๆ กับงานศพในหมู่บ้านที่มักจะมีวงไพ่ โบก ไฮโล ซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาจนชินหูตาไปแล้วสำหรับเด็ก ๆ อย่างพวกฉัน
และในคืนนั้นนั่นเองที่ฉันได้รู้จักกับตลกอีสาน "คณะเพชรพิณทอง" ฉันจำได้ว่าเป็นตลกที่ทำให้ทุกคนมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาได้ในคืนงานศพนั้น ก็เพราะตลกคณะนี้นี่แหละ และก็พึ่งได้รู้มาอีกอย่างหนึ่งในตอนนั้นว่า "งูตัวผู้จะมีอวัยวะเพศ" เพราะได้ยินเสียงผู้ใหญ่เขาร้องเรียกตะโกนจับงูกันในคืนนั้น และฉันได้เห็นงูตัวใหญ่กับตาเป็นครั้งแรกอีกด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจมาก ๆ เลยนะ
จะว่าไปแล้วเรื่องราวในวันนั้นฉันก็ยังจดจำมาได้จนถึงทุกวันนี้ จำได้ถึงบรรยากาศ ผู้คนที่รายล้อมในสถานการณ์ในวันนั้นด้วยกัน พวกเราต่างก็พากันสนุกไปตามประสาเด็ก
และฉันก็ชอบที่ซักถามเรื่องราวต่าง ๆ กับแม่เฒ่า เพราะฉันก็หวังว่าสักวัน หากแม่เฒ่าไม่ได้อยู่กับพวกเราหลาน ๆ แล้ว เรื่องราวที่ท่านได้เคยเล่าสู่หลานคนนี้ฟังไว้ อาจจะได้เล่าและบอกต่อคนอื่น ๆ ให้ได้รับความสนุก ความรู้ภูมิปัญญาใหม่ ๆ จากท่าน และถ้ายิ่งท่านเมาแล้วล่ะก็ ฉันจะชอบมากที่จะได้นั่งฟังจนไม่รู้สึกเบื่อเลยแหละ....
และในคำคืนนั้นนั่นเองที่เรื่องเล่าของฉันจบลง ทุกคนต่างก็พากันนิ่งฟัง แม่ น้า และน้อง ๆ ต่างพากันส่งยิ้มพร้อมทั้งเสียงหัวเราะขบขันเมื่อนึกถึงวันเก่า ๆ เหล่านั้น และมันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า เรื่องราวเหล่านี้ไม่เคยจากฉันไปไหน มันอยู่ที่ว่า ฉันจะเลือกหยิบเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมาเล่าในสถานการณ์ใด ก็คงจะเหมือนกับวันนั้น วันหยุดที่พวกเราได้นั่งทานข้าวด้วยกัน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ถูกส่งผ่านทางสายตาและเรื่องเล่าต่าง ๆ นา ๆ ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าแลกเปลี่ยน และบอกต่อกันอย่างสนุกสนาน
ถ้าเราสามารถบินออกไปหมุนโลกได้เหมือนกับซูปเปอร์แมน ฉันก็คงจะรีบเตรียมสมุดกับปากการอที่จะจดบันทึกเรื่องราวในค่ำคืนของวันนั้น วันที่แม่เฒ่าเล่าเรื่องราวให้ฉันได้ฟังเป็นอย่างดีเลยล่ะ
สุดท้ายแล้ว เรื่องเล่าต่าง ๆ เราก็ต่างได้ไปพบเจอมา ในสถานการณ์ วันเวลาที่แตกต่างกันไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เพียงเรื่องราวในอดีตที่เคยผ่านเข้ามา แต่มันจะคือทุกความรู้สึกและความทรงจำที่ฉันจะไม่มีวันทิ้งให้มันต้องผ่านไป...
ขอบคุณนะจ้ะ 'อิแม๋เฒ่า'
#กูนี่แหละเขียน
#เล่าไปเรื่อย
#Bantuek28
โฆษณา