ในเดือนมิถุนายน ปี 1977 “ดิ แอปเปิลทู”(Apple 2) ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ ไม่มีใครเคยเห็นมากก่อน
กับการออกแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน ภายในเวลาไม่ถึงปี “ดิ แอปเปิลทู”(Apple 2) สามารถทำเงินให้กับบริษัทได้ถึง แปดล้านดอลลาร์ และเมื่อแอปเปิลสามารถตีตลาดคอมพิวเตอร์ได้เป็นครั้งแรกได้ “บิล เกตส์” กลับพบว่า เขาสามารถหาประโยชน์จาก “ดิ แอปเปิลทู”(Apple 2)ให้กับ ไมโครซอฟต์ได้
ซึ่งแม้ว่า “ดิ แอปเปิลทู”(Apple 2) จะสมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าทั่วไป แต่กลับไม่สามารถใช้งานรูปแบธุรกิจได้ เกตส์และวิศวกรจึงพัฒนาซอฟต์การ์ด และแผงวงจรต่างๆ ของ “ดิ แอปเปิลทู”(Apple 2) ให้สามารถรองรับใช้งานในเชิงธุรกิจได้
ปี 1980 ไมโครซอฟต์ สามารถขายซอฟต์การ์ดให้กับผู้ใช้งาน “ดิ แอปเปิลทู”(Apple 2) และบริษัทไมโครซอฟต์สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึงสามเท่า และในขณะนั้น “บิล เกตส์” ก็ได้มองเข้าผ่าน “สตีฟ จ็อบส์” ไปแล้ว เป้าหมายต่อไป กับการสร้างความยิ่งใหญ่ในวงการเทคโนโลยี ก็เขาคือ “ไอบีเอ็ม”(IBM)
ซึ่งกว่าทศวรรษ ไอบีเอ็ม ได้ยึดอำนาจในวงการธุรกิจด้านเทคโนโลยี และตอนนี้ ไอบีเอ็ม ก็อยากจะหันมาจับตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เกตส์จึงทำข้อตกลงกับไอบีเอ็ม ว่าจะผลิตระบบปฎิบัติการให้ ทั้งๆ ที่บริษัทไมโครซอฟต์ ยังไม่ได้ทำระบบปฎิบัติการนี้ ขึ้นมาเลยก็ตาม แต่ “บิล เกตส์” รู้ว่าจะหามันได้จากที่ไหน
บิล เกตส์ซื้อระบบปฏิบัติการที่พัฒนาสำเร็จแล้ว จากบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ขนาดเล็ก แล้วนำมาตั้งชื่อใหม่ว่า “ไมโครซอฟต์ดอส” (MS DOS) โดย “บิล เกตส์” เสนอเป็นผู้รับสิทธิ์ในการขาย “ไมโครซอฟต์ดอส” เอง ดังนั้น บ.ไมโครซอฟต์ จึงมีสิทธิ์ที่ จะขายระบบปฏิบัติการนี้ ให้กับบริษัทไหนก็ได้ บนโลกใบนี้ ซึ่งในตอนนั้น “ไอบีเอ็ม” เอง ก็คงไม่คาดคิดว่า ระบบปฏิบัติการนี้ จะไปได้ถึงขนาดไหน