รีวิวภาพยนตร์เรื่องที่ 18
หลังจากที่ได้รีวิวหนังไทยและหนังฝรั่งไปพอสมควรแล้ว รอบนี้ผมจะมารีวิวหนังอินเดียกันบ้าง และเรื่องนี้มีฃื่อว่า “PK – พีเค ผู้ชายปาฏิหาริย์ (2014)”
รีวิว PK – พีเค ผู้ชายปาฏิหาริย์ (2014)
ถ้าให้พูดถึง “หนังอินเดีย” คุณนึกถึงอะไร การร้องเพลง การเต้นระบำและสเปเชียลเอฟเฟค 5 บาท 10 บาทใช่หรือไม่ แน่นอนว่ามีหลายคนคิดแบบนี้ และมองหนังอินเดียในแง่ลบมากกว่าแง่บวก ผมอยากให้คุณลบความคิดทั้งหมดทั้งมวลพวกนั้นออกไปก่อน แล้วลองนั่งดูหนังเรื่องนี้ ในช่วงแรกๆคุณอาจจะรำคาญเสียงเพลงหรือภาษาพูดบ้าง แต่ถ้าคุณผ่านจุดนั้นมาได้ คุณจะพบกับหนังดีๆอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว และผมเชื่อว่ามุมมองที่คุณมีต่อหนังอินเดียจะเปลี่ยนไปด้วย
“PK” หรือชื่อ “นายเมา” (pee-kay เป็นภาษาฮินดี ตรงกับภาษาอังกฤษว่า tipsy ภาษาไทย คือ ซึ่งแปลว่า ขี้เมา นั่นเอง) เป็นมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาทำวิจัยที่โลก แต่ซวยจัดโดนขโมยรีโมทเรียกยานกลับไป แถมใครๆ ก็บอกเขาว่า“มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่จะนำรีโมทมาคืนให้ได้” งานนี้มนุษย์ต่างดาวต้องออกตามหาพระเจ้าให้เจอในประเทศอินเดียทำให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้นำคำสอนมากมายที่นำพระเจ้ามาเสนอให้ถึงที่ อีกทั้งเขายังเกิดไปมีความรักกับสาวชาวโลก“จั๊กกู”เข้าเสียอีก เรื่องรั่วป่วนฮา เสียดสีเจ็บจี๊ดจึงได้เริ่มขึ้น โดยสามารถรับชมผ่าน Netflix ได้แล้ว
นายเมา และ จั๊กกู
เนื้อเรื่อง : 10/10
ตัวละคร : 10/10
เสียดสีสังคม : 10/10
คะแนนรวม : 10/10
เนื้อเรื่อง
การเล่าเรื่องค่อนข้างราบรื่น สามารถพาคนดูตามหนังไปให้ทันได้ มีการร้องเพลงและการเต้นสไตล์อินเดียสอดแทรกมาในหนังนิดหน่อย ให้ฟิลตลกดีและไม่น่ารำคาญจนเกินไป หนังมีความกลมกล่อมและครบรสมากๆ สอดแทรกด้วยเนื้อหาสำคัญซึ่งอยู่ใกล้กับพวกเรามากๆนั่นคือ ศาสนา ความหวัง ความเชื่อ และศรัทธา โดยข้อคิดต่างๆของหนังสื่อออกมาได้ชัดเจนมากๆโดยไม่ต้องอาศัยการตีความเพิ่มเติมเลย
การร้องเพลงและการเต้นรำแบบฉบับอินเดีย
ตัวละคร
เรื่องนี้ใช้ตัวละครทุกตัวได้อย่างมีประโยชน์จริงๆ คนไหนที่เคยเจอตอนต้นเรื่องก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ตอนท้ายเรื่องได้ พูดได้ว่าไม่มีตัวละครคนไหนที่ถูกใช้อย่างทิ้งขว้างเลย ส่วนเคมีของคู่นายเมากับจั๊กกูก็มีความเข้ากันดีมากๆ ดูแล้วต้องมีการอมยิ้มตามแน่นอน
เสียดสีสังคม
สาระสำคัญของหนังเรื่องนี้คือ “ศาสนา ความหวัง ความเชื่อ และศรัทธา” ซึ่งหลายๆคนคงมองว่า ศาสนาหรือเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องไกลตัว ดูแล้วอาจจะน่าเบื่อหรือไม่อิน แต่ความจริงแล้วเรื่องพวกนี้มันใกล้ตัวมากกว่าที่คิดเสียอีก สาระสำคัญเหล่านี้ถูกเล่าผ่านตัวละครได้อย่างชัดเจนและเห็นภาพมากๆ มีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นอย่างเด่นชัดจนทำให้รู้สึกคล้อยตามไปกับหนัง และที่สำคัญเลยคือ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างในปี 2014 แต่เรื่องราวของมันยังคงเสียดสีและให้แง่คิดได้จนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเนื้อหาของหนังไม่ได้เก่าไปแม้แต่น้อย
สรุป
สำหรับหนังเรื่องนี้ผมอยากให้ทุกคนได้ดูกัน เพราะมันดีมากๆ ทั้งเนื้อหาและข้อคิดที่ได้จากเรื่อง เนื้อหามีความเข้าใจง่าย ตรงประเด็นและแฝงแง่คิดใหม่ๆที่เราอาจหลงลืม ไม่ได้ตั้งคำถาม หรือไม่กล้าที่จะพูดมันออกไป
สำหรับใครที่มีความเห็น หรือต้องการพูดคุย สามารถคอมเม้นมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ
ถ้าชอบก็กด Follow, Like, Share ให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณท่านที่ติดตามครับ
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
