23 ส.ค. 2019 เวลา 09:35 • การศึกษา
“ต้นไม้ริมถนนล้มทับคนเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบหรือไม่ ?”
ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝนเต็มตัวแล้ว เวลาจะเดินทางไปไหนก็ขอให้ทุกคนใช้ความระมัดระวังกันให้มากนะครับ
Cr. pixabay
เรื่องไหนที่เราสามารถใช้ความระมัดระวังด้วยตัวเองได้ก็ควรทำ เช่น หากใครใช้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ในการเดินทาง ก็ต้องตรวจสภาพรถของเราให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ไฟหน้าสว่างเพียงพอมั้ย สัญญาณไฟเลี้ยวติดทุกดวงรึเปล่า ยางสภาพยังดีสามารถลุยถนนเปียกได้หรือไม่ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของตัวเราเองที่จะต้องใส่ใจ ใช้ความระมัดระวังเพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น
แต่ในบางครั้ง แม้จะได้ใช้ความระมัดระวังในส่วนของตัวเองเต็มที่แล้ว แต่อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นได้ หากคนรอบข้างหรือสภาพแวดล้อมในขณะนั้น เกิดความบกพร่อง หรือขาดการดูแลเอาใจใส่ เหมือนกับตัวอย่างที่แอดมินจะยกขึ้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในวันนี้
คุณป้าแขไข (นามสมมุติ) ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนไปตามท้องถนน แต่ไม่รู้เพราะความโชคร้ายหรือความมักง่ายของคนกันแน่ อยู่ดี ๆ ต้นจามจุรีซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งปลูกอยู่ริมถนนได้หักโค่นลงมาทับคุณป้าแขไขจนเสียชีวิต
Cr. pixabay
ต่อมาลูกชายของคุณป้าแขไข ได้เป็นโจทก์ฟ้องหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเป็นจำเลยในคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 700,000 บาทพร้อมดอดเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น...
และสิ่งที่แอดมินจะเขียนต่อไปนี้ เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลระหว่างฝ่ายโจทก์และจำเลยอย่างสั้น ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านได้เห็นภาพวิธีพิจารณาในชั้นศาลมากขึ้น
โดยทั้งสองฝ่ายต่างอ้างข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและเหตุผลต่าง ๆ กันต่อศาล ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานที่ทั้ง 2 ฝ่ายนำมาเสนอ ว่าฝ่ายไหนมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ โดยไม่ตรวจตราให้ดีว่าต้นจามจุรีซึ่งปลูกอยู่ริมถนนดังกล่าวมีสภาพผุกลวง
Cr. pixabay
จะต้องโค่นออกไปเสียหรือใช้ค้ำยันหรือกระทำการอื่นใดเพื่อให้ต้นจามจุรีอยู่ในสภาพที่ไม่เกิดอันตรายต่อบุคคลผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมา
แต่จำเลยหาได้ใช้ความระมัดระวังไม่ เป็นเหตุให้ต้นจามจุรีล้มทับผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ทำให้โจทก์เสียหาย
โดยฝ่ายโจทก์มีพยานเบิกความว่าต้นจามจุรีที่หักลงมาทับผู้ตายมีสภาพผุกลวงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และยืนยันว่าในวันเกิดเหตุฝนตกไม่หนักและลมพัดไม่แรง
Cr. pixabay
ก่อนเกิดเหตุต้นจามจุรีดังกล่าวมีสภาพเอียงโน้มเข้าหาถนนประมาณ 60 องศา และโคนต้นไม้เป็นรูกลวงมาประมาณ 2 ปี พยานเคยแจ้งเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ไปซ่อมถนนให้จัดการโค่นต้นจามจุรีดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะมีอันตราย และเคยโทรศัพท์แจ้งเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานของจำเลยหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ก็เพิกเฉยไม่ยอมมาตัด
จำเลยให้การต่อสู้ว่า มิได้ทำละเมิดจนทำให้ผู้ตายซึ่งเป็นมารดาโจทก์ถึงแก่ความตาย เหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย เกิดจากภัยธรรมชาติ บุคคลในภาวะเช่นจำเลยไม่อาจป้องปัดอุบัติภัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติได้
เนื่องจากวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ฝนตกหนักมีลมพายุพัดกรรโชกแรง ทำให้กิ่งสดของต้นหางนกยูงฝรั่งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ถึง 6 นิ้ว ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดิน 6 ถึง 7 เมตร หักแล้วแรงลมหอบกิ่งไม้ที่หักร่วงหล่นเข้ามาบนผิวถนนหลวง โดยหล่นใส่ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายไม่ใช่ต้นไม้ทั้งต้นโค่นล้มทับผู้ตาย
Cr. pixabay
ต้นหางนกยูงฝรั่งดังกล่าวเป็นต้นไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในเขตไหล่ทางหลวงแผ่นดิน กิ่งไม้ไม่ได้ยื่นล้ำเข้ามาในเขตพื้นผิวถนนทางหลวงแผ่นดินที่เกิดเหตุ
การดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ในเขตทางหลวงแผ่นดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยนั้น จำเลยจะตัดโค่นต้นไม้เมื่อต้นตายทั้งต้น ส่วนกิ่งไม้ที่ผุหรือกิ่งที่ไม่อาจรับน้ำหนักและอาจจะหักลงมาได้จะใช้วิธีรานกิ่งเพื่อมิให้หักร่วงหล่นบนผิวถนนเสมอ
แต่สำหรับกิ่งที่หักเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น หากเกิดลมฝนที่ตกตามปกติธรรมดากิ่งจะไม่หัก และเมื่อหักก็จะไม่ตกลงบนผิวถนน แต่จะลงบนไหล่ทาง
Cr. pixabay
แต่เนื่องจากฝนตกหนักและลมกระโชกพัดกิ่งที่หักไปร่วงหล่นบนผิวถนน และทับผู้ตายที่ขับรถผ่านไปเป็นเหตุประจวบเหมาะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาจากพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เห็นว่า วันเกิดเหตุฝนตกไม่มากและลมพัดไม่แรง การที่ต้นจามจุรีริมทางหลวงล้มทับผู้ตายขณะขับรถจักรยานยนต์ไปตามทางหลวงจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายมิใช่เกิดจากเหตุสุดวิสัย
แต่เป็นเพราะความบกพร่องของหน่วยงานจำเลยที่ไม่โค่น หรือปล่อยปละละเลยไม่สั่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยไปโค่นต้นจามจุรีที่มีสภาพผุกลวงเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น อันเป็นการกระทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
(อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 5205/2550)
📌 สรุป เรื่องนี้ศาลท่านมองว่า ในขณะเกิดเหตุฝนตกไม่มากและลมไม่ได้พัดแรง แสดงว่าต้นจามจุรีมีสภาพผุกลวงมากแล้วตามที่พยานโจทก์ได้กล่าวอ้างไว้จริง
การที่ต้นจามจุรีได้โค่นลงมาทับผู้ตายจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ไม่ดูแลต้นไม้ซึ่งอยู่ในทางที่ตนต้องรับผิดชอบ
สุดท้าย แอดมินได้แต่หวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกไม่ว่ากับใครก็ตาม เพราะหากเราใส่ใจกันซักนิด ปัญหาเหล่านี้ก็คงจะหมดไป
Cr. pixabay
ขอบคุณภาพจาก pixabay
ถ้าได้ประโยชน์จากบทความนี้ ช่วยกด Like, Share ด้วยนะครับ 😻

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา