24 ส.ค. 2019 เวลา 12:40 • กีฬา
สโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน "บิวรี่" กำลังจะโดนลดชั้นไปสู่ดิวิชั่น 8 ของอังกฤษ เรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้น วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
เกมฟุตบอลนั้น มีองค์ประกอบที่สำคัญมากมาย ทั้งเรื่องทักษะของผู้เล่นในสนาม , เรื่องประวัติศาสตร์, เรื่อง Passion ของแฟนบอล
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าสิ่งสำคัญที่สุด ที่ขับเคลื่อนให้ลีกฟุตบอลอาชีพ ดำเนินต่อไปได้คืออะไร แน่นอน คำตอบนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือ "เงิน"
1
เพราะฟุตบอลอาชีพ ใช่ ใครๆก็อยากจะประสบความสำเร็จ ทุกคนอยากจะชนะในสนามกันทั้งนั้น แต่ในโลกนี้ มันไม่มีใครจะยอมเล่นฟุตบอลให้ฟรีๆหรอก ทุกคนต้องกินต้องใช้กันทั้งนั้น
ดังนั้นถ้าหากสโมสรไหน ไม่เข้าใจความสำคัญของการ "บริหารการเงิน" พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ ในสารบบฟุตบอลอาชีพ
สำหรับฟุตบอลอังกฤษนั้น เป็นลีกที่มีเงินสะพัดมากที่สุดของโลก สำหรับพรีเมียร์ลีกไม่ต้องพูดถึง แต่ละสโมสรได้เงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด รวมถึงเงินรางวัลจากผู้จัด ไปรวมๆ สโมสรละประมาณ 140 ล้านปอนด์
ขณะที่แชมเปี้ยนชิพ ก็อาจจะได้เงินน้อยลงมาหน่อย ทีมนึงได้เงินปีละประมาณ 7-8 ล้านปอนด์ แต่ก็ถือว่าเป็นลีกรอง ที่มีมูลค่าถ่ายทอดสดแพงที่สุดในโลกแล้ว
เมื่อมีเงินมากมายขนาดนี้ สิ่งเดียวที่ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ย้ำชัดกับทุกสโมสรคือ คุณต้องบริหารการเงินให้เป็น
ต้องมีเงินจ่ายให้นักเตะ และสตาฟฟ์ของสโมสรตรงเวลา และไม่ติดหนี้ยืมสินจากใคร โดยไม่จ่ายคืน
ถ้าหากบริหารการเงินไม่เป็น นั่นแสดงว่าการดำเนินธุรกิจผิดพลาด และย่อมต้องรับบทลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษต่อไป
เรื่องที่กำลังจะเล่าในบทความนี้ คือเรื่องของสโมสรในระดับลีกวัน ที่ชื่อ บิวรี่ ซึ่งกำลังจะล่มสลายในอีกไม่กี่อึดใจ
มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ถึงตกอยู่ในเฮดไลน์ของสื่ออังกฤษในวันนี้
สโมสรบิวรี่ เอฟซี เป็นสโมสรเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ พวกเขาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1885 หรือเมื่อ 134 ปีที่แล้ว
บิวรี่ เป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นเกรตเตอร์ แมนเชสเตอร์ มีประชากร 7 หมื่นเศษๆ ถือว่าเป็นเมืองเล็ก แต่ว่า พวกเขาก็มีความภูมิใจในทีมฟุตบอลของตัวเอง
เพราะสโมสรบิวรี่ ไม่เคยหล่นจากระบบฟุตบอลลีกของอังกฤษเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ต้องขออธิบายก่อนว่า ในฟุตบอลอังกฤษ จะเรียก 4 ลีกบนสุดของประเทศ ว่า "ระบบฟุตบอลลีก" (EFL)
- พรีเมียร์ลีก
- แชมเปี้ยนชิพ
- ลีกวัน
- ลีกทู
ทีมที่อยู่ใน EFL จะมีสิทธิพิเศษมากกว่า ทั้งเรื่องสิทธิการแข่งขันถ้วยลีกคัพ , นักเตะมีสิทธิโหวต PFA Awards รวมถึง ทุกทีมจะได้เงินลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ
สำหรับทีมตั้งแต่ดิวิชั่น 5 ลงไป เรียกว่า "ทีมนอกลีก" ซึ่งความฝันของทีมเหล่านี้ คือเลื่อนขึ้นมาสู่ระบบฟุตบอลลีกให้ได้ในสักวัน
บิวรี่ แม้จะได้เล่นลีกสูงสุดครั้งสุดท้ายเมื่อ 90 ปีก่อน แต่พวกเขาก็ประคองตัวเองได้เรื่อยมา อยู่ลีกวันบ้าง ลีกทูบ้าง แฟนบอลก็มีทีมบ้านเกิดให้เชียร์อย่างสนุกสนาน แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ก็เถอะ
ปัญหาของบิวรี่ คือเจอแต่เจ้าของรวยไม่จริง กะจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจฟุตบอล แต่สุดท้าย บิวรี่ ไม่ทำเงิน แล้วตัวเองไม่มีทุนหนาพอ ก็ต้องยอมขายทีมหนี
1
ปี 2002 เจ้าของเดิม ชื่อจอห์น สมิธ กับ เฟรด เมสัน ประสบปัญหาทางธุรกิจ จนไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนให้นักฟุตบอล และสตาฟฟ์
สองเจ้าของทีม ต้องไปกู้ยืมเงินจากแหล่งต่างๆ รวมแล้ว 2.6 ล้านปอนด์ เพื่อเอามาจ่ายเงินเดือนให้บุคลากรของสโมสร และเสริมสภาพคล่องให้กับทีม
สถานะทางการเงินของบิวรี่ ปีชนปีตลอด ทีมไม่เคยมีกำไรเป็นชิ้นเป็นอัน เจ้าของมีการเปลี่ยนมือกันหลายหน ก่อนสุดท้าย ในปี 2013 สจ๊วร์ต เดย์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสร
6 ปีผ่านไป ธุรกิจของสจ๊วร์ต เดย์ มีปัญหาอย่างรุนแรง และใกล้จะล้มละลาย ทำให้ เดย์ ต้องประกาศขายสโมสรบิวรี่ทิ้ง เพราะตัวเขาเองจ่ายค่าเหนื่อยให้ผู้เล่นไม่ไหวอีกแล้ว โดยตั้งราคาขายสโมสรแค่ 1 ปอนด์เท่านั้น
นักธุรกิจ ชื่อ สตีฟ เดล เห็นว่าสโมสรฟุตบอลอะไร ราคาถูกขนาดนี้ เลยเข้ามาเทกโอเวอร์ ในราคา 1 ปอนด์ และให้คำสัญญาว่าจะทำกำไรให้สโมสร เพื่อล้างหนี้เดิม และจ่ายเงินให้ผู้เล่นได้อย่างครบถ้วน
1
อย่างไรก็ตาม พอเทกโอเวอร์เข้าจริงๆ ถึงรู้ว่าสโมสรฟุตบอลบิวรี่ ไม่ทำเงินเลย อย่าว่าแต่จะล้างหนี้เก่า แค่เงินเดือนนักเตะ ก็ยังหาแทบไม่ได้
แม้จะได้เงินเดือนไม่ครบ แต่บรรดาโค้ชและนักเตะ ก็ไม่สามารถทอดทิ้งแฟนๆได้ ดังนั้นพวกเขาจึงฝืนลงเล่น ทั้งๆที่ยังไม่ได้เงิน จนสุดท้าย ในซีซั่น 2018-19 บิวรี่ จบอันดับ 2 ในลีกทู เลื่อนชั้นมาเล่นลีกวันได้สำเร็จ
ก่อนฤดูกาล 2019-20 จะเริ่มขึ้น สตีฟ เดล ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายผู้เล่นและสตาฟฟ์ได้ครบตามสัญญา นั่นทำให้เหล่าผู้เล่น ไปร้องเรียนกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ว่าพวกเขาไม่ได้รับเงินเดือนกันมาพักใหญ่แล้ว
นั่นทำให้สมาคมฯ สั่งให้ EFL ลงมาสืบสวนในเรื่องนี้อย่างจริงจัง และปรากฏว่า สโมสรบิวรี่ ทำผิดจริงๆ พวกเขาเบี้ยวเงินผู้เล่น ติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้ว รวมถึงสตีฟ เดล ก็ยังไม่ยอมชำระหนี้ ที่เคยสัญญาเอาไว้ตอนเทกโอเวอร์ด้วย
EFL สั่งปรับบิวรี่ 12 แต้มทันที ก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น เป็นการลงโทษในเบื้องต้น จากนั้นสั่งปรับแพ้ ในเกมลีกคัพ รอบแรก ที่ต้องเจอกับเชฟฟิลด์ เว้นสเดย์
3 สิงหาคม 2019 ฤดูกาลของลีกวันเริ่มแล้ว แต่บิวรี่ ยังหาเงินมาจ่ายหนี้ และจ่ายเงินคั่งค้างของผู้เล่นไม่ได้ ทำให้ EFL สั่งเลื่อนโปรแกรมลีก ของบิวรี่ออกไปเรื่อยๆ และยื่นคำขาดว่า ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ถ้าหาก สตีฟ เดล หาเงินมาจัดการหนี้สินไม่ทัน สโมสรบิวรี่ ต้องโดนขับไล่ออกจากระบบฟุตบอลลีก โทษฐานทำผิดกฎทางการเงิน
การติดหนี้สินถือเป็นเรื่องใหญ่มากของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ทีมที่ไม่สามารถจัดการเรื่องการเงินได้ ต้องมีบทลงโทษอย่างรุนแรง เพื่อเป็นตัวอย่างให้ทีมอื่นเห็นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
โดยคาดว่า หลังจากไล่ออกจากระบบฟุตบอลลีกแล้ว บิวรี่จะต้องไปเริ่มต้นใหม่ จากระดับดิวิชั่น 8 ซึ่งก็แน่นอน ถ้าหล่นลงไปไกลขนาดนั้น กับสภาพทีมที่แตกร้าว ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกกี่สิบปีกว่าจะเลื่อนชั้นมาสู่ระบบฟุตบอลลีกได้อีกครั้ง
และเผลอๆ เมื่อตกชั้นไปแบบนั้น อาจจะไม่มีคนอยากทำทีมเลยก็ได้ บิวรี่อาจจะยุบทีมไปเลยก็มีสิทธิเช่นกัน
สำหรับ สตีฟ เดล ไม่มีเงินจะเอามาจ่ายหนี้ได้ ดังนั้นเขามีทางเดียวคือ หาคนมาเทกโอเวอร์สโมสรให้ได้ เพื่อชำระหนี้สินทั้งหมดแทน โดยเขามีเวลาหานักลงทุนผู้สนใจ เพียงแค่ 20 วันเท่านั้น (3 ส.ค. - 23 ส.ค.)
เข็มนาฬิกาถอยหลังลงเรื่อยๆ ปัญหาคือ การหาคนเทกโอเวอร์มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะไม่มีใครอยากมาจ่ายหนี้ให้เฉยๆ
บิวรี่ ไม่ใช่สโมสรทำเงิน อย่าลืมว่า ทีมก็โดนตัดไปแล้ว 12 แต้ม คือการันตีได้เลยว่า น่าจะตกชั้นจากลีกวันแน่ๆ ว่ากันตรงๆ มองไม่เห็นอนาคตของทีมเลย
ดังนั้น จึงไม่มีนักธุรกิจคนไหนอยากจะเสี่ยงมาแบกรับเผือกร้อนชิ้นนี้
ขณะที่แฟนบอล และชาวเมืองบิวรี่ ก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เพราะสโมสรฟุตบอลที่พวกเขารักกำลังจะแหลกสลาย
มีการเดินประท้วงรอบเมือง และด่ากราดใส่สตีฟ เดล ว่าถ้าไม่มีเงินแต่แรกแล้วจะเทกโอเวอร์ทำไม รวมถึงด่า EFL ด้วย ว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทรัพย์สินของสตีฟ เดล ก่อน ว่ามีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ทำไมปล่อยให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้
บรรยากาศนั้นตึงเครียดอย่างมาก เพราะดูลู่ทางแล้ว ไม่เห็นเหลี่ยมจริงๆว่า บิวรี่ จะรอดจากวิกฤติครั้งนี้อย่างไร จะมีพระผู้ทรงโปรดที่ไหน มาช่วยจ่ายหนี้สินทั้งหมดให้กับสโมสร
ก่อนจะพ้นเที่ยงคืนของเดดไลน์ วันที่ 23 สิงหาคม เจ้าของทีม สตีฟ เดล ได้แจ้ง EFL ว่า มีนักลงทุนจากลอนดอน ให้ความสนใจอยากจะซื้อสโมสร
แถลงการณ์ของ EFL ระบุว่า "EFL ได้รับการแจ้งจากสตีฟ เดล ว่าเขาตอบรับข้อเสนอจากกลุ่ม C&N Sporting Risk ในการขายสโมสรบิวรี่ เรียบร้อยแล้ว"
ดังนั้น EFL จึงเตรียมพิจารณายืดเวลาในการไล่ บิวรี่ ออกจากลีกไปอีก 48 ชั่วโมง เพื่อดูว่า การซื้อขายครั้งนี้ จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
ถ้าการเทกโอเวอร์สำเร็จจริง สโมสรก็จะอยู่รอดต่อไปได้ ในสภาวะโดนตัด 12 แต้ม
แต่ถ้าการเทกโอเวอร์ไม่ลุล่วง สโมสรบิวรี่ ก็ต้องถูกขับไล่ออกจากสารบบฟุตบอลลีกทันที
ซึ่งคิดแล้วก็น่าเศร้า เพราะ บิวรี่ คือสโมสรเก่าแก่ แต่สุดท้ายต้องมาพังพินาศ เพราะดันไปพลาดในเรื่องสำคัญที่สุด นั่นคือ การบริหารเงิน นั่นเอง
จากเรื่องบิวรี่ เราจะเห็นได้ว่า การเทกโอเวอร์สักครั้งของทีมฟุตบอล ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทิศทางของสโมสรจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของทีมเขาจริงจังแค่ไหนกับการทำสโมสร
อยากจะสร้างทีมให้ประสบความสำเร็จจริงๆ หรือหวังใช้ฟุตบอลเป็นเครื่องมือรวยทางลัดเท่านั้น
ในมุมของนักธุรกิจ สมมุติซื้อทีมฟุตบอลมา แล้วสุดท้ายทีมเจ๊ง เขาก็ทิ้งสโมสรไป แล้วก็ไปทำอะไรอย่างอื่นแทน แต่กับแฟนฟุตบอลล่ะ พวกเขาจงรักภักดีกับทีมมาตลอด และมีความสุขที่ได้ชมเกมฟุตบอลทุกๆสัปดาห์ แต่อยู่ดีๆสโมสรที่ตัวเองรัก กลับโดนถีบร่วงลงไปดิวิชั่น 8 แบบนี้ เพียงเพราะเจ้าของไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ จะว่าไป มันก็ไม่ยุติธรรมกับแฟนบอลเท่าไหร่นัก
ดังนั้นก่อนจะมีการเทกโอเวอร์สักครั้งเกิดขึ้น สื่อมวลชนท้องถิ่น และแฟนบอล ต่างต้องสกรีนกันอย่างหนักจริงๆ ว่าคนที่เข้ามาคือใคร รวยจริงหรือเปล่า และจะไม่พาทีมไปพินาศกลางทางใช่ไหม
คนที่น่าเห็นใจที่สุด ในเรื่องนี้ แน่นอนคือแฟนๆบิวรี่ คนทั้งเมืองพยายามจะเรี่ยไรเงินกันช่วยเหลือสโมสร ซึ่งได้เงินมานับแสนปอนด์ ซึ่งก็ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่มันไม่มากเพียงพอจะจ่ายหนี้หรอก
ขณะที่ธุรกิจท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล ก็มีสิทธิจะล่มสลายตามไปด้วย เช่นร้านอาหารใกล้เคียงกับสนามแข่งขัน รวมถึงร้านขายของที่ระลึก
ทุกกิจการเมื่อไม่มีคนมาดูบอลอีกแล้ว ก็อาจจะต้องปิดตัวลง เพราะไม่เหลือลูกค้าอีก
"สโมสรฟุตบอลคือหัวใจและจิตวิญญาณของชุมชนของเรา มันคงใจสลายมาก ถ้าหากทีมต้องยุบไปด้วยเรื่องนี้" เฮเลน ริชาร์ดสัน เจ้าของตั๋วปีของทีมบิวรี่ กล่าวด้วยความเศร้าใจ
ความรู้สึกของแฟนบอลที่ทีมตัวเองล่มสลาย ยังไงมันก็น่าเศร้า
ลองคิดดู วันนึงถ้าทีมที่เราเชียร์อย่างลิเวอร์พูล แมนฯยู อาร์เซน่อล เชลซี สเปอร์ส ฯลฯ รู้ตัวอีกทีโดนถีบเปรี้ยงไปอยู่ดิวิชั่น 8 แบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
ในขณะที่นักธุรกิจเข้ามา และผ่านไป ก็คงมีแต่แฟนบอลเท่านั้น ที่จะอยู่เชียร์ทีมของตัวเองด้วยความภักดีไปตลอดกาล
แต่ในโลกของความจริง มีสิ่งที่ต้องยอมรับ ว่าฟุตบอลยุคนี้ มันคือธุรกิจ
และสำหรับธุรกิจ แค่ความรักอย่างเดียว โดยไม่มีเงิน มันไม่พอจริงๆ
#BURY
โฆษณา