25 ส.ค. 2019 เวลา 00:30
Kino Flo หลอดไฟราคาสามหมื่น
เมื่อพูดถึงเรื่องหลอดไฟส่องสว่าง
สำหรับคนทั่วไป คงนึกถึง Philips, Toshiba หรือ Panasonic
แต่รู้หรือไม่ว่า สำหรับวงการภาพถ่ายและภาพยนตร์นั้น
Kino Flo คือแบรนด์ที่บรรดาเหล่ามืออาชีพ จะนึกถึงเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ
ถึงขนาดที่ว่า ถ้าคุณเดินเข้าไปในกองถ่าย Hollywood คุณจะต้องเห็นโลโก้ Kino flo อย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง
แล้วที่ Kino Flo ได้รับความนิยมในระดับนี้ได้ เป็นเพราะอะไรกัน
เดี๋ยวบันทึกของฉันจะพาไปดู
เรื่องราวเริ่มต้นประมาณปี 1980
Frieder Hochheim เป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้ง Kino Flo
โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น เขาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับแสงในกองถ่าย หรือที่เรียกกันว่า Gaffer
ด้วยความหลงไหลในการถ่ายภาพยนตร์ เขาได้มีโอกาสทำงานกับทีมงานระดับมืออาชีพใน Hollywood หลังจากจบมหาลัยมาได้เพียงไม่กี่ปี
ในระหว่างการถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง อยู่ดีๆ Chuck Minsky หัวหน้าของเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเกิดเราใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์อันใหญ่ๆ จากในห้าง แยกส่วนแล้วเอาหลอดไปแปะไว้บนผนังได้ ทุกอย่างมันคงง่ายขึ้นมากเลยนะ”
การจัดแสงไฟหลักในกองถ่ายสมัยก่อน จะนิยมใช้หลอดทังสเตน เพราะแสงที่ได้จากหลอดเป็นสีธรรมชาติ และสว่างมากพอที่จะใช้กับงานวิดีโอ
แต่ความสว่างก็ต้องแลกมาด้วยความร้อนปริมาณมหาศาลจากหลอด ที่สามารถละลายเค้กในฉากได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที..
แล้วทำไมไม่ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แทนล่ะ?
หลอดฟลูออเรสเซนต์ในสมัยนั้น ทั้งใหญ่และหนัก จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องพื้นที่ใช้งานและการขนย้าย อีกทั้งคุณภาพของแสงจากฟลูออเรสเซนต์ ไม่ได้เกิดจากการเผาไส้หลอดโดยตรง ส่งผลให้แสงที่ได้ ไม่ใช่แสงธรรมชาติเหมือนอย่างหลอดไส้ทั่วไป
ปัญหาที่สำคัญของหลอดฟลูออเรสเซนต์อีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นต้นเหตุของ flicker หรืออาการภาพกระพริบ สาเหตุเนื่องมาจากระบบไฟบ้านแบบกระแสสลับ อย่างเช่นในประเทศไทย จะใช้ไฟฟ้าความถี่ 50 Hz
การที่กระแสไฟฟ้าวิ่งกลับไปกลับมา 50 รอบใน 1 วินาที ส่งผลให้หลอดฟลูออเรสเซนต์กระพริบตามจำนวนเฮิรตซ์ที่ใช้ ซึ่งภาพที่ได้ก็จะกระพริบตามไปด้วย
เขาจึงเริ่มทดลองซื้อหลอดไฟมาจากห้างสรรพสินค้า แยกส่วนและดัดแปลงมันหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวทุกครั้ง เพราะคุณภาพไม่ดีพอที่จะนำไปใช้ในระดับกองถ่าย
แต่นั่นก็เป็นการจุดประกายให้คุณ Frieder เริ่มสนใจเกี่ยวกับหลอดฟลูออเรสเซนต์มากยิ่งขึ้น
ต่อมาในปี 1987
เขาก็ได้พบกับบริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัท Xerox โดยเป็นผู้ผลิตบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ความถี่สูงที่ใช้ในเครื่องถ่ายเอกสาร
“ในเมื่อใช้ความถี่ 50 Hz ไม่ได้ แล้วทำไมไม่ใช้ความถี่สูงๆ ไปเลยล่ะ”
เมื่อเห็นดังนั้น Frieder จึงไม่ลังเลที่จะติดต่อไปยังบริษัท HMI เพื่อขออุปกรณ์ตัวอย่างมาทดลอง ซึ่งเขายังได้มันมาฟรีๆ อีกด้วย
และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ กับหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่กระพริบในอัตราสองหมื่นกว่าครั้งต่อวินาที
ทำให้เราได้เห็นฉากๆ หนึ่งในหนังเรื่อง Barfly ที่เป็นฉากมุมกว้างในที่แคบๆ และมีแสงเข้ามาจากทางหน้าต่าง
แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของโคมไฟอันเทอะทะ เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แทนนั่นเอง
หลังจากค้นคว้าเพิ่มเติมมาซักพัก ก็ถึงเวลาที่คุณ Frieder จะต้องตั้งบริษัท โดยเขากับเพื่อนอีกสองคนคือ Gary Swink และ Regan Dionne ก็ได้ตั้งบริษัท Kino Flo ขึ้นมานับตั้งแต่ตอนนั้น
แล้วทำไมถึงต้องราคาสามหมื่น?
ยกตัวอย่างชุดหลอดฟลูออเรสเซนต์เริ่มต้น Kino Flo 4' Kino 800ma KF55 SFC True Match ราคาประมาณ 5,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าแพงแล้วสำหรับหลอดไฟ
แต่ถ้าอยากให้ใช้งานได้ จะต้องใช้ชุดบัลลาสต์ Kino Flo 4Bank Select 4' 1-Light System โดยเฉพาะ และราคาจะเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 34,000 บาท
โดยในชุดประกอบไปด้วย ตัวยึด, ขายึดหลอด, สายต่อพ่วง และบัลลาสต์
ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูแพงสำหรับเรา แต่นี่เป็นราคาที่ช่างภาพอีกหลายคนยอมจ่าย เพราะคุณภาพของภาพที่ออกมา จะเปลี่ยนเป็นเงินเลี้ยงปากท้องของพวกเขา
ภาพด้านล่างเป็นการเปรียบเทียบระหว่างแสงที่ได้จากหลอดไฟต่างเกรดต่างราคา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีผลมากขนาดไหน
ด้วยคุณภาพของชุดหลอดที่ให้แสงสว่างคงที่ ใช้ไฟน้อยกว่า 1.4 แอมป์ แต่ให้แสงสว่างเท่ากับชุดหลอดธรรมดาขนาด 1000 วัตต์ ให้สีเที่ยงตรง ความร้อนต่ำ อีกทั้งยังน้ำหนักเบากว่าไฟแบบดั้งเดิม
ทำให้ในปัจจุบัน หลอดไฟจาก Kino Flo ได้เข้าไปอยู่ในสถานที่ต่างๆมากมาย ทั้งในกองถ่าย สตูดิโอของยูทูปเบอร์ชื่อดังต่างๆ หรือแม้กระทั่งในพิพิธภัณฑ์
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้ได้คุณภาพสีที่ดีที่สุดนั่นเอง..
ทิ้งท้ายไว้ให้คิดกันสักเล็กน้อย
จากที่เล่ามาจะเห็นได้ว่า นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของความสำเร็จ ที่เริ่มต้นจากการลองผิดลองถูก ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินพล็อตเรื่องแบบนี้มาจนชินชา
แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนที่ประสบความสำเร็จมากมายได้พิสูจน์มาแล้ว
ว่าพล็อตเรื่องแบบนี้สามารถเป็นจริงได้ เพียงแค่เรากล้าที่จะทำ
ถ้าลองสมมุติเล่นๆ ว่าคุณ Frieder ไม่กล้าโทรไปขอยืมอุปกรณ์จากบริษัทบัลลาสต์ในวันนั้น ก็คงจะไม่มีบริษัท Kino Flo ในวันนี้..
สวัสดีครับ สบายดีกันมั้ยคุณผู้อ่านทุกๆท่าน บางคนคงสังเกตเห็นว่าผมหายไปซักพัก ประมาณหนึ่งสัปดาห์เห็นจะได้ นั่นก็เพราะว่าผมติดงานยุ่งมากๆ จนไม่มีเวลาเขียนเลย
แต่ยังไงก็จะเขียนมาให้อ่านกันเรื่อยๆนะครับ อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนน้า
โฆษณา