25 ส.ค. 2019 เวลา 11:02 • ธุรกิจ
🚩หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการสอน หรือการสื่อสารกับทีมงาน ในการทำธุรกิจหรือบริหารงานต่างๆในองค์กร วันนี้ผมไปค้นหามาฝากแล้วนะครับข้อมูลที่สำคัญ 😊{{เลื่อนอ่านด้านล่าง}}⏬
✓ให้คำปรึกษา, ✓หารายได้ ในโลกออนไลน์ 🐱🚩สนใจติดตั้งเครื่องมือ เพิ่มลูกค้า ในคอร์ส 107เคล็ดลับออนไลน์ 🚩ทักมาด่วนครับ เน้นใช้ แอพพลิเคชั่นต่างๆ และ social สร้างกิจการ https://107topsponser.blogspot.com ✓เหมาะสำหรับนักธุรกิจมือใหม่ พ่อค้าแม่ขาย ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ ✓รองรับระบบ network marketing และระบบตัวแทน หรือกดเรียนรู้เพิ่มเติม (learn more )
T. 095 605 0106 นุ
Training แปลเป็นไทยว่าการฝึกอบรม ซึ่งทีมงานและผู้จัดการส่วนใหญ่ในองค์กรบ้านเรามีความเข้าใจคำนี้ตรงกันมากที่สุด ความหมายง่ายๆ ของคำนี้ก็คือ การที่ ทีมงานไปเข้าชั้นเรียน ที่มีการเรียนการสอน เพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ ทักษะในการทำงานด้านต่างๆ เป้าหมายของการฝึกอบรมก็คือ การเพิ่มพูนความรู้ ทักษะใหม่ๆ ให้กับทีมงาน โดยอาศัยวิทยากร และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ด้านนั้นมาถ่ายทอดให้ฟังกัน
Coaching แปลเป็นไทยว่าการสอนงาน ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับความหมายของคำๆ นี้จริงๆ โดยความหมายที่แท้จริงของคำว่า Coaching นั้นก็คือ การช่วยทำให้ผู้ถกโค้ชสามารถตระหนักถึงความสามารถของตนเองในการไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ ผมชอบความหมายของคำว่า Coaching ที่เขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษว่า “Helping people to unlock their potential” ซึ่งก็คือ เป็นการช่วยให้ทีมงานได้รู้ว่าตนเองมีศักยภาพอะไรบ้าง เป็นการปลดล็อค ข้อจำกัดในตัวเอง เพื่อจะได้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการช่วยให้ทีมงานได้เรียนรู้ เป็นการส่งเสริม กระตุ้น และผลักดัน ให้ทีมงานได้เรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเอง และสามารถที่จะรู้ได้ด้วยตนเอง มากกว่าการมานั่งสอนกันทีละขั้นทีละตอน แบบนี้เราจะเรียกกว่า Teaching มากกว่า
Counselling การให้คำปรึกษาหารือ คำนี้จริงๆ แล้วแตกต่างกับสองคำข้างต้นค่อนข้างมาก แต่ก็เห็นหลายคนใช้ปะปนกันไปมาเหมือนกัน การ Counselling นั้น เป็นการให้คำปรึกษาหารือ โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาในอดีตที่ผ่านมา เป็นการช่วยให้ ทีมงานสามารถที่จะก้าวผ่านปัญหาในอดีตที่อาจจะมีผลต่อผลงานในอนาคต แต่ถ้าเป็นการ Coaching จะเน้นไปที่อนาคต เพื่อจะดูว่า เราจะทำให้พนักงานไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างไร ด้วยวิธีการใดบ้าง มองอนาคตเป็นหลัก แต่การ Counselling จะมองอดีตเป็นหลัก เช่นพนักงานมีปัญหาเรื่องของความท้อแท้ หมดพลัง แบบนี้ก็ต้องแก้ไขที่อดีต ลักษณะนี้จะถือเป็นการ Counselling มากกว่า Coaching
Mentoring หรือภาษาไทยใช้คำว่า พี่เลี้ยง ลักษณะของการเป็นพี่เลี้ยงก็คือ เป็นการนำเอาคนที่มีประสบการณ์มากๆ มากให้คำแนะนำถึงแนวทางต่างๆ ในการทำงาน โดยเน้นไปที่ให้คนๆ นั้นเป็นตัวอย่างที่ดี (Role Model) เพื่อที่จะทำให้ทีมงานเข้าใจวิธีการและแนวทางในการทำงานมากขึ้น แต่คำว่า Coaching นั้น คนที่เป็น Coach อาจจะไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบทุกอย่าง แต่ต้องมีความสามารถที่จะช่วยให้พนักงานหาคำตอบนั้นได้ด้วยตนเอง
ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้คำว่า Coaching เพื่อการบริหารผลงานแล้ว สิ่งที่ท่านจะต้องเน้นมาก็คือ คนที่เป็นโค้ช จะต้องเป็นผู้ที่ช่วยให้ ทีมงานตระหนักถึงความสามารถของตน และสามารถที่จะหาทางออกเพื่อไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ ด้วยตนเองได้ ถ้ายังหาไม่เจอ หรือยังไม่ใช่ โค้ชก็จะค่อยๆ ชี้แนะไปเรื่อยๆ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้คำตอบทุกอย่าง
เมื่อเห็นภาพดังนี้แล้ว ผมคิดว่าน่าจะพอเห็นภาพของคำว่า Coaching ในระบบบริหารผลงานมากขึ้นนะครับ เนื่องจากในระบบบริหารผลงานนั้น เราจะต้องบริหารทีมงานให้เขาสร้างผลงานให้ได้ตาม KPI ที่กำหนดไว้ ซึ่งก็คือเป้าหมายในอนาคตที่องค์กรต้องการ ดังนั้นคำว่า coaching ก็จะเข้ามามีส่วนมากหน่อย เพราะเป็นการช่วย ทีมงานโดยการมองไปที่อนาคตมากกว่าอดีต และเป็นการทำให้ ทีมงานตระหนักว่าตนเอง มีความสามารถในการทำงานให้ได้ตาม ที่ตั้งไว้ได้ โดยที่หัวหน้าอาจจะไม่ได้เป็นผู้บอกคำตอบ แต่จะเป็นผู้ชี้แนะ และใช้คำถามเพื่อให้ทีมงานได้คิด ไตร่ตรอง และหาแนวทางนั้นได้ด้วยตนเอง
ถ้าเราทำให้ทีมงานสามารถคิดหาแนวทางได้ด้วยตนเองจริงๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ พนักงานจะเก่งขึ้น มีความสามารถมากขึ้น คิดหาทางแก้ไขปัญหาได้ลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งนี่ก็คือ ผลดีของการ Coaching
โฆษณา