2 ก.ย. 2019 เวลา 12:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Cryptocurrency กับ Blockchain คือสิ่งเดียวกันไหม?
ที่มา: coindesk.com
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Cryptocurrency และ Blockchain
แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า Cryptocurrency คืออะไร
และ Blockchain คืออะไร
5
ก่อนอื่นขอเริ่มก่อนเลยว่า 2 อย่างนี้ “ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน”
ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆ
Cryptocurrency คือ “สกุลเงิน”ที่อยู่ในรูป Digital
เหมือนกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือไทยบาท (THB)
ที่มา:https://www.ourpursuit.com/congress-uses-24-billion-in-funny-money-in-spending-bill/funny-money/
ตัวที่ดังที่สุดที่ทุกคนคงเคยได้ยิน ก็คงจะเป็น Bitcoin
แต่จริงๆแล้วโลกของเราไม่ได้มีเพียง Bitcoin เท่านั้น
ยังมีเหรียญสกุลดิจิตัลบนโลกอีกมากมายเป็นพันๆเหรียญ
เช่น Ethereum (ETH) และ Binance coin (BNB)
ที่มา: bitcoinexchangeguide.com
สิ่งที่ทำให้ Bitcoin ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันเนื่องจากเป็นระบบ Decentralized
ความหมายคือ ไม่มีผู้ควบคุมระบบ ไม่มีใครสามารถควบคุมการทำธุรกรรมได้เพียงผู้เดียว
ถ้ามีคนถามว่า Bitcoin มี “คุณค่าหรือ Value” จริงๆหรือเปล่า
ผมอยากให้เพื่อนๆ มองเหมือนกันเงิน Fiat หรือเงินที่อยู่ในกระเป๋าของเพื่อนๆ
ว่ากระดาษหรือเหรียญนั้นมันมี “คุณค่าหรือ Value” จริงๆหรือเปล่า
คำตอบก็คือ ไม่มี
แล้วทำไมเพื่อนๆถึงยังใช้กันอยู่?
คำตอบก็คือ “เพราะทุกคนเค้าใช้กัน”
สิ่งที่มีค่าจริงๆไม่ใช่ตัวกระดาษหรือเหรียญ
แต่มันคือ Network effect
ที่มา:https://trak.in/tags/business/2018/03/24/potential-benefits-of-the-network-effect/
ลองนึกภาพว่า เพื่อนๆเป็นคนเดียวในโลกที่มีเงิน Fiat หรือเงินกระดาษที่เราใช้กัน
แน่นอนว่าเพื่อนๆ คงใช้มันเป็นเหมือนกระดาษปกติ ที่เอาไว้จดสิ่งที่ต้องการ
ไม่สามารถเอามาใช้แลกเปลี่ยนกับสินค้าหรือบริการอย่างในทุกวันนี้
แล้ว Cryptocurrency เป็นแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า
คำถามนี้ทุกคนอาจจะเคยได้ยินในช่วงที่ผ่านมา
อยากจะเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ ว่า Cryptocurrency ทุกตัวมี Protocol ที่แตกต่างกันไป
ก่อนที่จะไปถึงคำว่า Protocol อยากอธิบายเกี่ยวกับ Blockchain ก่อนเพื่อนๆจะได้ไม่งงกัน
อยากให้เพื่อนๆนึกกันก่อนว่า Internet คืออะไร?
ผมคิดว่าหลายคนคงไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
เพราะสิ่งที่เราใช้ในปัจจุบันมันคือ Application ที่สร้างต่อมาจาก Protocol ของ Internet
เช่น การส่ง Email ผ่าน Gmail หรือ Outlook
จริงๆ แล้วการส่ง Email เราใช้ Protocol ที่เรียกว่า SMTP
ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์
หรือแม้กระทั่งการเข้า Website เราก็ใช้ Protocol ที่เรียกว่า HTTPS
ซึ่งเป็น Protocol ที่ช่วยรักษาความถูกต้องของข้อมูล
ทีนี้เพื่อนๆจะเห็นว่า สิ่งที่เราเรียกว่า Internet มันคือ
Protocol ที่วิ่งหรือทำงานอยู่หลังบ้านในการจะทำ Application หรือ Function หนึ่งๆ
เช่น การส่ง Email หรือการส่ง message ผ่าน Line และ Facebook messenger
Blockchain ก็เช่นกัน
แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Internet กับ Blockchain (หรือจะเรียกว่า Internet 2.0 ก็ไม่ผิด)
คือ Internet สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยน “ข้อมูล”
แต่ Blockchain สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยน “มูลค่า”
ทำไมยุคที่ผ่านมา Internet ถึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนมูลค่าได้
ลองนึกภาพการส่ง Email (อีกแล้ว) การที่เราส่ง file ไปถึงผู้รับ
ไม่ได้หมายความเราส่ง file นั้นไปจริงๆ
แต่เป็นการ Duplicate หรือการปั้ม file นั้นซ้ำขึ้นมาอีก 1 ฉบับ แล้วส่งให้กับผู้รับ
ถ้าลองเปลี่ยนคำว่า “file” เป็นคำว่า “เงิน”แทนล่ะ
แน่นอนปัญหาเกิด เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบการเงินโลกจะล่มสลายภายในไม่ถึง 1 วัน
แต่ Blockchain มาแก้ไขปัญหาตรงนี้
สมมติให้นาย ก และ นาย ข มีเงินในบัญชีเริ่มต้น 100 บาท เท่ากัน
หลักการง่ายๆ คือ ถ้านาย ก โอนสินทรัพย์ชิ้นหนึ่ง (ยกตัวอย่างเป็นเงิน 20 บาท) ให้นาย ข
ก่อนอื่นระบบจะทำการตรวจสอบก่อนว่านาย ก มีเงินมากกว่า 20 บาทจริง
ในกรณีนี้ถือว่าเข้าเงื่อนไข เพราะนาย ก มีเงินในบัญชี 100 บาท
หลังจากนั้นพอเริ่มเกิด transaction
นาย ก ต้องถูกบันทึกว่าเงินในบัญชีหายไป 20 บาท (มี 80 บาทในบัญชี)
และนาย ข ต้องถูกบันทึกว่าเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น 20 บาท (มี 120 บาทในบัญชี)
ข้อมูลหรือ transaction ที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกลงใน Block
ซึ่งแต่ละ Block จะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้
เนื่องจากแต่ละ Block จะถูกเชื่อมต่อกันกับ Block ก่อนหน้า
จึงเป็นที่มาของคำว่า Blockchain
สิ่งที่ใช้ในการเชื่อมระหว่าง Block เรียกว่า Hash
Hash คือ ฟังก์ชันในการแปลงข้อมูลที่อยู่ใน Block ด้วยฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
จนออกมาเป็นตัวอักษรหรือตัวเลขที่มีลักษณะเฉพาะตัวของข้อมูลนั้น
โดย Hash นั้นไม่สามารถทำย้อนกลับไปเป็นข้อมูลได้
เช่น หากพูดว่าเลขอะไรที่บวกกันได้ 10
ก็จะมีตั้งแต่ 1+9, 2+8 หรือแม้กระทั่ง 3.74+6.26 เป็นต้น
ที่มา: www.investopedia.com/terms/b/blockchain.asp
ด้วยหลักการนี้ สินทรัพย์ชิ้นหนึ่งก็จะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก
เพราะมีการบันทึก transaction ทุกอย่างที่เกิดขึ้นลงบน Blockchain
ดังนั้น แท้ที่จริงแล้ว Cryptocurrency ถูกสร้างมาจาก Blockchain นั่นเอง
สุดท้ายผมมีความเชื่อลึกๆว่า Blockchain จะเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่จะเปลี่ยนโลกได้ในอนาคต
หวังว่าเพื่อนๆจะได้ความรู้จากบทความนี้เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ
ทุกๆบทความที่ได้ดาว GMH จะนำรายได้ทั้งหมดมอบให้เด็กพิการและผู้ป่วยยากไร้
บทความนี้เรียงเรียนขึ้นโดย Champ สมาชิก GMH
ขอบคุณที่ติดตาม GMH Blockdit
โฆษณา