28 ส.ค. 2019 เวลา 07:41 • กีฬา
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเรื่องราวจากอดีตสู่ปัจจุบัน!!
หากเอ่ยถึงทีมฟุตบอลจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่มีแฟนบอลอยู่ทั่วโลกคงจะไม่พ้นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดซึ่งถือว่าเป็นทีมฟุตบอลที่โด่งดังมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 140 ปีและ มีรางวัลการันตีมากมายถึงความสำเร็จของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้และเราเชื่อว่ายังมีแฟนบอลอีกหลายคนที่อยากทราบประวัติและข้อมูลของทีมนี้
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคแรก
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคแรก นั้นใช้ชื่อทีมว่านิวตันฮีทโดยก่อตั้งขึ้นในปี 1878 จากกลุ่มพนักงานรถไฟ Lancashire and Yorkshire Raiwayและที่ใช้ชื่อนี้เพราะตั้งตามชื่อเมืองซึ่งอยู่ในเมืองนิวตันฮีทและประสบความสำเร็จสามารถคว้าชัยชนะจากการแข่งขันได้หลายรายการหลังจากนั้นก็ได้ก่อตั้งทีมฟุตบอลในรูปแบบของบริษัทและสามารถคว้าแชมป์ของเมืองแมนเชสเตอร์มาครองแต่ต่อมาทางทีมนิวตันฮีทได้ถูกฟ้องล้มละลายเพราะมีหนี้สินจากการบริหารที่ผิดพลาดมากกว่า 2,670 ปอนด์และถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ซึ่งตอนนั้นมีกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาบริหารแทนกลุ่มพนักงานรถไฟในช่วงปี 1902 โดยผู้บริหารนั้นนำทีมโดย John Henry David และได้เปลี่ยนชื่อจากนิวตันฮีทมาเป็นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและก็สามารถทำทีมฟุตบอลได้ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์แรกหลังจากการเปลี่ยนชื่อในฤดูกาล 1970-1980 หลังจากนั้นถัดมาอีก 1 ฤดูกาลก็สามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพและได้มีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นสนามรังเหย้าซึ่งย้ายจากเมืองนิวตันฮีทมาอยู่ที่ เมืองโอลด์แทรฟฟอร์ดและได้สร้างสนามรังเหย้าโดยใช้ชื่อเดียวกับเมืองซึ่งเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 1910 และรองรับการแข่งขันกับคู่รักคู่แค้นตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล
จุดกำเนิดของสนาม โอลด์แทรฟฟอร์ด
ก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนจากนิวตันฮีทมาเป็น Manchester United นั้น ได้ใช้สนามซ้อมและสนามรังเหย้าในย่านคริสตัลของเมืองแมนเชสเตอร์ที่มีชื่อสนามว่าแบงค์สตรีทและได้ใช้สนามนี้เป็นสนามรังเหย้าต่อเนื่องมาหลายปีตั้งแต่ปี 1893 จนถึง 1910 และสาเหตุที่เปลี่ยนจากแบงค์สตรีทมาเป็นโอลด์แทรฟฟอร์ดนั้นเป็นเพราะสนามเดิมไม่สามารถจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้และมีความจุของที่นั่งเพียงแค่ 50,000 นั่งเท่านั้นทางฝ่ายบริหารจึงได้ย้ายสนาม มาอยู่ที่ใหม่และสร้างให้ใหญ่กว่าเดิมซึ่งเกมสุดท้ายที่ใช้รังเหย้า Bank Street นั้นเป็นการโคจรมาพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์
ซึ่งสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดนั้นได้ใช้พื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมและมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้มีการออกแบบสนามได้อย่างทันสมัยและถือว่าเป็นอีกหนึ่งสนามที่ดีที่สุดติดอันดับโลกเลยทีเดียวโดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1908 และสร้างเสร็จสิ้นในปี 1910 และได้วางแผนโครงสร้างให้สามารถจุแฟนบอลได้กว่า 80,000 คน และที่สนามแห่งนี้ก็ได้สร้างเกียรติประวัติมากมายให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในการแข่งขันรายการต่างๆและก็มีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆเพื่อให้สนามคงความทันสมัยสวยงามและแม้ว่าในช่วงปี 1939 จะประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้นเพียง 2 ปีสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดก็ต้องมีการปรับปรุงใหม่กันอีกครั้งเพราะถูกลูกหลงจากการทิ้งระเบิดของกองทัพนาซีซึ่งทางรัฐบาลอังกฤษก็ได้ให้เงินสนับสนุนซ่อมแซมและได้มีการขยายสนามไปพร้อมกับการซ่อมในครั้งนั้นด้วยจากแผนเดิมที่ต้องการให้สามารถจุแฟนบอลราวๆ 80,000 นั่งได้ถูกปรับเปลี่ยนให้รองรับแฟนบอลได้สูงสุดง 120000 คนแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ในตอนนั้น
และหลังจากผ่านพ้นช่วงสงครามโลก โอลด์แทรฟฟอร์ดก็ได้ถูกเปิดใช้อีกครั้งในปี 1949 และแน่นอนว่าแฟนบอลของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีจำนวนมากขึ้น การปรับปรุงสนามให้ทันสมัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆก็ย่อมตามมาเป็นเงาตามตัวจากเดิมที่เป็นสนามไม่มีหลังคาก็ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นมีหลังคาและจากสนามยืนก็กลายเป็นสนามนั่งเพราะทางผู้บริหารได้ปรับปรุงติดเก้าอี้ในทุกที่นั่งของสนามเพื่อให้แฟนบอลได้รับความสะดวกเพิ่มมากขึ้น
และแน่นอนว่ายังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ทางฝ่ายบริหารมีนโยบายที่จะปรับและขยายสนามให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมซึ่งมีแผนกันไว้ว่าอาจจะต้องขยายพื้นที่ออกไปโดยรอบและด้วยพื้นที่ใกล้กับทางรถไฟทำให้ตอนนี้ยังไม่สามารถขยายออกไปได้ใหญ่กว่าเดิมเพราะหากทำจริงก็คงจะเป็นสนามที่คร่อมทางรถไฟและคาดการณ์กันว่าน่าจะขยายพื้นที่ให้รองรับแฟนบอลได้ถึง 90,000 ที่นั่งก็ต้องรอกันในอนาคตว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ซึ่งยุคต่างๆของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นแน่นอนว่าสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเป็นรังเหย้าที่รองรับแฟนบอลและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน
ตราสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ในส่วนของโลโก้ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นเราคงจะเห็นโลโก้ที่แสดงความเป็นManchester United ได้อย่างชัดเจนและเป็นที่มาของฉายาผีแดงเพราะโลโก้นั้นจะมีตัว Devil อยู่ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของทีมแต่ในยุคแรกที่ เป็นนิวตันฮีทนั้นจะมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างออกไปโดยจะมีรูปเรือใบ ,ลูกโลก ,กวางขาวและสิงโตซึ่งแต่ละสัญลักษณ์นั้นก็มีความหมายไม่ว่าจะเป็น
เรือใบที่หมายถึงความรุ่งเรือง
ลูกโลกที่หมายถึงอำนาจ
กวางสีขาวที่หมายถึงความปราดเปรื่องและล้ำหน้าในเรื่องของอุตสาหกรรม
สิงโตหมายถึง ประวัติศาสตร์จากยุคโรมัน
และมีคำขวัญติดอยู่ในโลโก้นั้นว่า Consilio et laboreคือสติปัญญาและความพยายาม นี่เป็นโลโก้ในยุคแรกที่ทางนิวตันฮีทและต่อมาได้มีการเปลี่ยนจากนิวตันฮีทมาเป็น Manchester United โลโก้ก็มีการออกแบบใหม่ซึ่งโลโก้แรกที่ใช้นั้นอยู่ในช่วงปี 1960 ที่จะเป็นสัญลักษณ์รูปเรือใบและมีคำว่าManchester United Football Club และต่อมาในปี 1970 ก็ได้มีการปรับปรุงโลโก้ใหม่อีกครั้งซึ่งยังคงลักษณะคล้ายของเดิมแต่เปลี่ยนจากรูปดอกกุหลาบที่อยู่ด้านข้าง 2 รูปมาเป็นลูกฟุตบอลแต่ก็ยังใช้คำว่าManchester United Football Club และต่อมามีการปรับเปลี่ยนโลโก้กันอีกครั้งในปี 1973 ทุกอย่างยังคงใช้เหมือนเดิมในปี 1970 เพียงแต่โลโก้ตรงกลางเป็นสีแดงและคาดแถบนั้นเปลี่ยนมาเป็นรูปเดวิลถือหอกสามง่ามหรือที่คนไทยเรียกว่า ตรีศูลย์ และโลโก้สุดท้ายเปลี่ยนอีกครั้งในปี 1998 และใช้มาจนถึงปัจจุบันก็คือคงรูปแบบเดิมตั้งแต่ปี 1973 แต่ตัดคำว่า Football Club ออกไปด้านบนจะเหลือเพียงแค่คำว่าManchesterและด้านล่างใช้คำว่าUnitedเพราะฝ่ายบริหารมองเห็นว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่ใช่แค่ฟุตบอลคลับอีกต่อไป
ชุดแข่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แน่นอนว่าชุดแข่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องอยู่คู่กับสโมสรมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตามและสำหรับเสื้อชุดแข่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นผูกขาดโดยแบรนด์กีฬาดัง Adidas มาตั้งแต่ยุคปี 1980 จนถึงปี 1990 ซึ่งจะมีดีไซน์ที่เรียบง่ายดูขลังและเน้นสีแดงเป็นหลักซึ่งจะมีโลโก้ของสปอนเซอร์ติดอยู่กลางหน้าอกเสื้อซึ่ง Sponsor นี้ก็จะเปลี่ยนแปลงกันไปในแต่ละช่วงปีและทาง Adidas เองก็จะมีการเปลี่ยนดีไซน์ให้ทันสมัยกับกระแสแฟชั่นไม่ว่าจะเป็นในรูปลักษณ์ของคอปกการเดินเส้นหรือรูปทรงของเสื้อ
แต่ช่วงหลังจาก ปี 1992 นั้นทางบริษัท Umbro ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตเสื้อ แทนบริษัทหลักอย่าง Adidas แต่ ก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมากมายนักยังคงใช้สีแดงซึ่งเป็นสีหลักในแบบเดิมแต่มีลวดลายอื่นๆแทน และต่อมาในปีพัน 2002 จนถึงปี2014 ได้เปลี่ยนแบรนด์ผู้ผลิตเสื้อจากUmbroมาเป็น Nike และใช้ต่อเนื่องมานานกว่า 13 ปีจนถึงปี2015 Adidas ได้กลับเข้ามาดูแลเพื่อให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกครั้งและได้ใช้ดีไซน์หลักแบบเดิมที่เคยทำไว้ และแน่นอนว่าสีแดงก็ยังเป็นสีหลักของทีมนี้อยู่ตลอดมา
ความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ก็คงต้องยอมรับกันว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียวโดยเฉพาะกับการคว้าถ้วยแชมป์ที่สามารถครองแชมป์ในรายการต่างๆดังนี้
• พรีเมียร์ลีก20 สมัย
• เอฟเอคัพ 12 สมัย
• ลีกคัพ 5 สมัย
• charity คอมมูนิตี้ชิลด์ก 21 สมัย
• ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย
• ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 1 สมัย
• ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย
• European Cup Winner 1 สมัย
• อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย
• ยูฟ่ายูโรป้าลีก 1 สมัย
โฆษณา