29 ส.ค. 2019 เวลา 10:44 • ธุรกิจ
จุดตกต่ำสุดขีดของชีวิตนักลงทุนที่เป็นคนเก่ง
ในชีวิตนักลงทุน จุดนึงที่เราเริ่มได้รับการยกย่อง นับถือจากคนรอบข้าง สิ่งหนึ่งที่เป็นอันตรายมากอย่างทันคิดคือเรื่องของ "อีโก้" ที่แฝงติดมาโดยไม่รู้ตัว
คนเก่งๆที่เป็นตำนานหลายๆคน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ดี ในยามที่เป็นเพียง no one ไม่มีชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่มีใครนับถือ เขามักจะสร้างผลงานอันสุดยอดในช่วงเวลานั้น
การเป็นคนธรรมดานั้นแหละ คือ การไม่ต้องแบกรับกับอีโก้ไว้ เขาจะคิดผิด จะทำผิด จะตัดสินใจผิดยังไงก็ได้.... เขาจะสามารถรับรู้ได้ด้วยตนเองว่า สิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ถูกต้อง และจะสามารถยอมรับกับความผิดพลาดของตัวเอง รับคำทักเตือนจากผู้อื่นได้ง่าย และไม่แคร์ว่าจะเสียฟอร์ม เพราะยังไงก็ไม่มีใครสนใจเขาอยู่แล้ว
แต่เมื่อคนเราเริ่มเป็นที่รู้จัก ที่ยกย่อง เป็นที่นับถือ เป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจ... การตัดสินใจของเขาจะดูเหมือนถูกไปเสียหมด แม้ว่าจริงๆจะผิดก็ตาม
เมื่อวันที่เราผิดจริงๆ เรารู้สึกว่า ผิดไม่ได้ การผิดพลาดให้คนที่นับถือเราเห็น... มันยากที่จะยอมรับ เรามักจะเริ่มมีอีโก้เกิดขึ้นว่า สิ่งที่เรานั้นคิดไม่ผิด
ในขณะที่ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดมันยังไม่มาถึง เรายังคงจะดื้อด้านอดทนต่อสถานะการณ์ไปเรื่อยๆ
ซึ่งในขณะนั้นคนที่เริ่มนับถือเรา จะเริ่มหมดศรัทธา และกลายเป็นความรู้สึกสมเพช กับตัวเราที่ยังจมปลักอยู่กับอีโก้ของตัวเอง
คนคนนั้นไม่ใช่ใคร
วันนึงเขาอาจจะคือ ... เราเอง
ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเผื่อว่าจะมีประโยชน์กับน้องๆที่เป็นนักลงทุนที่เก่งและขยัน สักวันนึงเขาจะกลายเป็นนักลงทุนที่เก่งแน่นอน
"แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุด ก็มีพฤติกรรมแบบนี้เช่นกัน “
“คุณจะต้องไม่ปล่อยให้ wish ว่าความคิดว่าตัวเองถูกต้อง สำคัญไปกว่า wish ที่จะหาว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ”
หนึ่งในประโยคจากหนังสือ The Principle
การหาว่าอะไรที่ถูกต้องจริงๆนั้นคือ Key ที่สำเร็จ แต่มันจะเริ่มหายากขึ้นในวันที่เราเริ่มเก่งขึ้น เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะเราจะกลายไป focus ที่การอยากให้ตัวเองถูกต้อง
วันที่เรากระจอก งอกง่อย เรามักรู้ตัวว่าเราไม่มีอะไร เราจึงมุ่งหาว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกกันแน่ โฟกัสของเราจึงชัดกว่า
ผมมาอ่าน the principle ถึง chapter ที่พูดถึงชีวิตของ เรย์ ตอนหนึ่ง เขาพบจุดตกต่ำที่สุดในชีวิต bridge water ในปี 1982 ตอนนั้นเขาคิดว่าเศรษฐกิจของอเมริกาต้องเกิดวิกฤต และเดิมพันอย่างหนักบนความคิดนั้น และมันทำให้ Bridge Water ต้องล่มสลาย
“ Something terrible happen to be in 1982 when I bet everything on the depression that never came
The period between 1979-1982 was one of extreme turbulence for world economy , market and for me … "
คือประมาณว่าช่วงนั้น Ray เขามั่นใจมากว่าจะต้องเกิด depression แน่ๆ เขาไปพูดต่อหน้าสาธารณะ ออกรายการ และตลาดหุ้นมันก็ตกลงมาเรื่อยๆจริงๆ
ภาพจาก youtube สรุป the principle ของ ray dalio in 30 mins
แต่หลังจากนั้นไม่นาน หุ้นก็เด้งขึ้นมา และมันก็วิ่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดติดต่อกันเป็นเวลา 18 ปี !!!! กลายเป็น Big Bull Market ในประวัติศาสตร์ของ U.S. economy
ทุกคนหันหลังหนีให้แก่เรย์ Bridge Water ไม่มีเงินจ่ายพนักงงาน ทุกคนออกไป รวมถึง co-founder คนแรกที่ก่อตั้งร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น เขาเป็นคนสุดท้ายที่จำใจต้องจากRayไปทั้งน้ำตา
ภาพจาก youtube สรุป the principle ของ ray dalio in 30 mins
Ray ต้องกลับมาเป็นพนักงงานประจำ เพื่อเลี้ยงชีพ. ชีวิตเหมือนถูกถีบตกลงมาจากที่สูง ให้มาเริ่มต้นใหม่บนพื้นดินผมอ่านช่วงชีวิตของเรย์ตอนนั้น ขุนลุกมากๆ (นั่งอึในห้องน้ำอยู่) เขาบอกว่าชีวิตของคนที่ประสบความาสำเร็จอีกคนนึงที่เขายกย่อง และมีชะตาเดียวกันกับเขา ( คือ Steve Jobs ที่ถูกไล่ออกจากบริษัท ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาเอง )
สุดท้าย Ray หวนคืนกลับสู่ความรุ่งเรืองได้อีกครั้งด้วยความยิ่งใหญ่กว่าเดิม Bridge Water กลับมาอีกครั้งด้วยทฤษฎีใหม่ที่ Ray นำมาประยุกต์ใช้ และเขาบอกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่จะทำให้ Bridge Water ไม่มีทางเผชิญกับการขาดทุนที่รุนแรงอีกต่อไป
นั้นคือ Holy Grail หรือ จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งการลงทุน
ความหมายมันคืออะไร ? เขาใช้วิธีอะไรที่ทำให้ Bridge Water กลับมาเป็นกองทุน Hedge Fund ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและยังทำผลตอบแทนระยะยาวได้ดีเยี่ยม
ทั้งๆที่ต้องบริหารจัดการกับปริมาณเงินที่สูงขนาดนี้ ให้เอาชนะตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ?
ติดตามต่อตอนไป
ทุกๆบทความที่ได้ดาว GMH จะนำรายได้ทั้งหมดมอบให้เด็กพิการและผู้ป่วยยากไร้
ขอบคุณที่ติดตาม GMH Blockdit
โฆษณา