31 ส.ค. 2019 เวลา 05:30
บูเช็กเทียน จากนางสนมปลายแถวสู่จักรพรรดินี ตอนที่2
ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า The return of บูเช็กเทียน
หลังจากที่นางได้กลับเข้าวังครั้งนี้ นางกลับมาพร้อมกับความแค้น เพราะว่านางเกือบต้องตาย ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่เพียงเพราะคำทำนาย ด้วยความแค้นนางจึงตั้งเป้าหมายว่า นางจะอยู่เหนือทุกคนตามคำทำนาย
ด้านฮ่องเต้ก็กลับมาหลงใหลบูเช็กเทียนอีกครั้ง จนลืมนางสนมคนใหม่ตามแผนการของฮองเฮา แต่ว่ามันมีปัญหาตรงที่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้กลับมารักกับฮองเฮาเหมือนเดิม
1
ทั้งยังหลงใหลบูเช็กเทียนจนเลื่อนตำแหน่งให้นางเป็นสนมเอก และยังไปอยู่กับนางที่ตำหนักทั้งวันทั้งคืน จนนางมีองค์ชายให้กับฮ่องเต้
ทำให้ฮองเฮากลัวว่าลูกชายของบูเช็กเทียนจะมาแย่งตำแหน่งรัชทายาท
ด้านราชสำนักก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายขุนนางเก่าซึ่งอยู่ฝั่งฮองเฮา และฝ่ายขุนนางใหม่ซึ่งอยู่ฝั่งบูเช็กเทียน
2
ขุนนางทั้ง2ฝ่ายคอยขัดแย้งกันเรื่อยมา จนกระทั่งบูเช็กเทียนทนไม่ไหว จึงคิดอุบายกำจัดฮองเฮา
ในขณะนั้นเองบูเช็กเทียนนั้นมีลูกสาว ซึ่งอยู่ในวัยที่กำลังน่ารักและก็ยังเป็นองค์หญิงน้อยที่ฮ่องเต้รักมากที่สุดอีกด้วย
นางสังเกตุเห็นว่า ฮองเฮาชอบมาแอบเล่นกับลูกสาวของนาง นางจึงวางแผนยอมเสียส่วนน้อยเพื่อให้ได้ส่วนที่ใหญ่กว่า
วันหนึ่งบูเช็กเทียนแกล้งสั่งให้หญิงรับใช้ทุกคนออกไปทำงาน จนทุกคนวุ่นวายไม่มีเวลาดูองค์หญิง
วันนั้นเองฮองเฮาก็ได้แอบมาเล่นกับองค์หญิงตามปกติ และได้ส่งองค์หญิงนอนกลางวันก่อนที่นางจะกลับไป
1
แต่หารู้ไม่ว่าบูเช็กเทียนได้แอบอยู่ในห้องบรรทมขององค์หญิง เมื่อฮองเฮากลับไปแล้ว บูเช็กเทียนก็ออกมาและฝืนใจฆ่าองค์หญิงด้วยการอุดปากอุดจมูกด้วยหมอน
1
เมื่อฮ่องเต้กลับมาจากการว่าราชการ บูเช็กเทียนก็ออกไปรับเสด็จตามปกติ และสั่งให้หญิงรับใช้นำตัวองค์หญิงมา แต่เมื่อฮ่องเต้ได้สัมผัสตัวองค์หญิงก็รู้ทันทีว่านางเสียชีวิตแล้ว
บูเช็กเทียนแสร้งร้องไห้จนเป็นลม ส่วนฮ่องเต้ก็โกรธจัดสั่งให้ทำการสอบสวนทุกคนที่อยู่กับองค์หญิง
หญิงรับใช้ทุกคนตอบตรงกันว่า ผู้ที่อยู่กับองค์หญิงคนสุดท้ายคือฮองเฮา
ในตอนนี้เมื่อฮองเฮาถูกใส่ร้ายอย่างไม่มีข้อแก้ตัว ฝั่งขุนนางใหม่ที่สนับสนุนบูเช็กเทียนจึงขอให้ถอดยศของฮองเฮา
แต่ฝั่งบูเช็กเทียนแสร้งทำเป็นสงสารและขอร้องให้ฮ่องเต้อย่าถอดยศฮองเฮา เพราะว่านางไม่อยากให้ราชสำนักเสื่อมเสีย
สิ่งที่นางกำลังทำอยู่นี้ คือการทำให้มีคนรักนางเพิ่มขึ้นและมาอยู่ฝั่งนาง ตำแหน่งฮองเฮาจึงเป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น
ด้านฮ่องเต้แม้จะอยากถอดยศฮองเฮามากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เพราะบูเช็กเทียนขอไว้ พระองค์จึงคิดหาแผนการที่จะปลดฮองเฮา โดยอ้างว่า ฮองเฮานั้นไม่สามารถมีองค์ชายรัชทายาทให้ฮ่องเต้ได้
ในที่สุดแผนการปลดฮองเฮาของบูเช็กเทียนก็สำเร็จและแยบยล ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
ฮองเฮาถูกถอดยศและถูกเนรเทศออกไปจากวังหลวง ส่วนบูเช็กเทียนก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา
เมื่อบูเช็กเทียนขึ้นเป็นฮองเฮา ด้านฮ่องเต้ก็เริ่มป่วย จึงให้บูเช็กเทียนขึ้นว่าราชการแทน
ด้านบูเช็กเทียนเมื่อมีอำนาจสูงสุดก็พัฒนาประเทศอย่างดี ทั้งล้มล้างระบอบใช้เส้นสายเครือญาติ การจะเข้ารับราชการต้องผ่านการสอบเท่านั้น ห้ามใช้เส้นสาย
ทั้งปฏิวัติระบบผู้หญิงอยู่ใต้อำนาจผู้ชาย เช่น ชาวจีนจะเชื่อกันว่าพ่อเป็นใหญ่ที่สุด ถ้าหากพ่อตายทุกคนจะต้องไว้ทุกข์2ปี ถ้าไม่ทำถือว่าผิดกฎหมาย แต่ถ้าหากแม่ตายไม่ต้องทำอะไร นางจึงร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ให้ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมผู้ชาย
และนางยังปฏิรูปประเทศด้วยความเข้าใจชนชั้นรากหญ้า เพราะว่านางก็เคยเป็นสามัญชนมาก่อน
นอกจากนี้นางยังยกเลิกระบบนางสนมอีกด้วย ให้เหลือไว้แค่ตำแหน่งสำคัญ เนื่องจากนางสนมในวังหลวงมีมากเกินไป ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฮ่องเต้ป่วยบ่อย
มาดูที่ด้านรัชทายาท บูเช็กเทียนได้ให้กำเนิดองค์ชาย 4 องค์ นางจึงแต่งตั้งองค์ชายคนแรกขึ้นเป็นรัชทายาท
แต่ว่าองค์ชาย1 นั่นไปเข้าข้างฝ่านขุนนางเก่าที่คอยต่อต้านแม่ตัวเองมากกว่า จึงทำให้แม่ลูกไม่ถูกกัน จนมีเรื่องเล่าว่านางแอบวางยาลูกชายของตนเอง แต่ก็ไม่มีหลักฐาน (แต่นักโบราณคดีเชื่อว่าองค์ชาย1 ป่วยตายมากกว่า)
เมื่อองค์ชาย1เสียชีวิต องค์ชาย2 จึงขึ้นมาเป็นรัชทายาท แต่ครั้งนี้หนักกว่า เพราะนอกจากองค์ชาย2 จะไม่ชอบแม่ตัวเองแล้ว ยังมีนิสัยเสเพล ชอบเที่ยวเล่น และยังหลงใหลกระเทย จนถึงขนาดยกให้เป็นสนมคู่ใจจึงเป็นเรื่องที่น่ากลุ้มใจของบูเช็กเทียนมาก
วันหนึ่งโหรหลวงได้บอกกับบูเช็กเทียนว่า ให้ระวังองค์ชาย2 จะทำให้ประเทศพินาศ เมื่อองค์ชาย2ที่แอบฟังอยู่รู้เรื่องก็โกรธมาก
วันต่อมาก็มีคนพบศพโหรหลวง เมื่อบูเช็กเทียนสืบสาวราวเรื่องก็รู้ว่าองค์ชาย2 เป็นคนสั่งการ ทั้งยังสืบจนรู้ว่าองค์ชาย2 จะทำการกบฎ นางจึงตัดสินใจสั่งประหารลูกชายของตน
จากนั้นก็ยกองค์ชาย3 ขึ้นเป็นรัชทายาท แต่ว่าในขณะนั้นฮ่องเต้สวรรคตพอดี นางจึงแต่งตั้งให้องค์ชาย3 ขึ้นเป็นฮ่องเต้ และให้ปกครองบ้านเมืองด้วยตนเอง
เมื่อองค์ชาย3ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็ปกครองประเทศแบบผิดๆ ยกพ่อตาของตนเองมาเป็นเสนาบดีใหญ่ เพื่อเอาใจฮองเฮา ทำให้ระบบเครือญาติที่บูเช็กเทียนล้มล้างไปกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
เหล่าขุนนางทั้งเก่าและใหม่ เห็นท่าไม่ดีจึงร่วมมือกันถวายฎีกาให้บูเช็กเทียน เมื่อบูเช็กเทียนทราบเรื่อง นางจึงจำใจลอบสังหารลูกชายของตนเอง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
สุดท้ายนางจึงแต่งตั้งองค์ชาย4 ขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ครั้งนี้นางตัดสินใจให้องค์ชาย4 เป็นหุ่นเชิดและนางจะว่าราชการหลังม่านไม้ไผ่แทน
องค์ชาย4 นั้นรักนางมาก จนถึงขนาดขอสละสิทธิตำแหน่งฮ่องเต้ให้นาง และขอเปลี่ยนไปใช้แซ่ของนางแทน
ในตอนนี้บูเช็กเทียนขึ้นเป็นจักรพรรดินีเต็มตัว นางปกครองประเทศอย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีกบฎสักกี่ครั้งนางก็ปราบปรามได้ทุกครั้ง
จนถึงช่วงบั้นปลายของชีวิต มีกบฎบุกเข้ามาถึงเตียงของนาง และขอให้นางสละราชสมบัติ บูเช็กเทียนในวัย 83 ปี เหนื่อยล้าเกินกว่าจะสู้กับกบฎครั้งนี้ได้ นางจึงสละราชสมบัติ และใช้ชีวิตบั้นปลายแบบคนชราทั่วไป
เสริมเกร็ดความรู้
ภาพศิลาจารึกหน้าหลุมฝังศพของบูเช็กเทียน
1
จะสังเกตุได้ว่าศิลานั้นไร้ตัวอักษร จนปัจจุบันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
แต่นักโบราณคดีตั้งสมมุติฐานไว้หลายทฤษฎี เช่น
1. บูเช็กเทียนมีความประสงค์ไม่ให้จารึก เพราะต้องการให้คนรุ่นหลังตัดสินเองว่า ตนเองนั้นเป็นคนดีหรือไม่ดี
2. เป็นเพราะว่านางเป็นฮ่องเต้ที่เป็นผู้หญิง จึงเป็นข้อกังขา ทำให้ไม่มีใครกล้าจารึก
1
หนังสือ ฮ่องเต้หญิงบูเช็กเทียน หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์จีน / บุญศักดิ์ แสงระวี
ภาพประกอบจาก ซีรีย์ The empress of china
โฆษณา