31 ส.ค. 2019 เวลา 16:47 • การศึกษา
คุณรู้เรื่องกัญชาดีแค่ไหน ?
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับกัญชา : ธรรมชาติรู้ดีที่สุด!
เผยแพร่: 16 มิ.ย. 2562 18:04 โดย: ประสาท มีแต้ม
16 มิ.ย. 2562 18:04
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กรุณานำบทความผมไปอ่านบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายชิ้น หนึ่งในนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ จุดใหญ่ใจความอยู่ที่ว่า การที่มนุษย์มีวิวัฒนาการจนเดินสองขา ทำให้ฝ่ามือสามารถจับฉวยและสัมผัสสิ่งต่างๆ เมื่อได้สัมผัสก็มีความรู้สึก ความคิด และมีจินตนาการส่งผลให้สมองของมนุษย์ได้พัฒนาจนฉลาดกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ
นอกจากนี้ ร่างกายของมนุษย์ได้พัฒนามาจนมีกล่องเสียงที่ซับซ้อนจนทำให้เสียงพูดของแต่ละคนทั้งโลกจำนวนกว่า 7,600 ล้านคน มีเสียงพูดไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่คู่ฝาแฝด
นี่เป็นความมหัศจรรย์มากๆ มากกว่าจำนวนลอตเตอรี่เลข 6 ตัวของไทยถึงเกือบหนึ่งหมื่นเท่า และจะมากกว่านี้อีกในอนาคตธรรมชาติของมนุษย์จึงมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก
มาที่ข้อถกเถียงเรื่องกัญชาในสังคมไทยขณะนี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องการจะควบคุมการใช้บอกว่า “กัญชาสามารถรักษาได้เพียง 4 กลุ่ม(โรค)เท่านั้น” แต่อาจารย์เดชา ศิริภัทร ซึ่งได้ลงทุนทดลองด้วยตัวเองและพวก กล่าวว่า “ยังไม่พบว่ามีโรคใดที่กัญชารักษาไม่ได้”
บทความนี้ นอกจากผมจะยกเอาผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ทุ่มเทวิจัยมาทั้งชีวิตจนได้รับการขนานนามว่า “เป็นบิดาแห่งวงการกัญชาเพื่อการแพทย์สมัยใหม่” มาอธิบายแล้ว ผมจะนำกฎของวิชานิเวศวิทยา (ecology) ที่กล่าวว่า “ธรรมชาติรู้ดีที่สุด” มาอธิบายด้วย
กฎ 4 ข้อของนิเวศวิทยา (The Four Laws of Ecology)
กฎนี้เขียนโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ผมได้นำเสนอทั้ง 4 ข้อในแผ่นภาพครับ
ผมเข้าใจว่า กฎทั้ง 4 ข้อนี้สอดคล้องกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ไม่มีอะไรขัดแย้งกันเลยการนำกฎนี้ไปอธิบายสิ่งใดจำเป็นต้องใช้พร้อมกันทั้ง 4 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อที่ 4 ที่ว่า “ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นเองโดยไม่เหตุปัจจัย”
ขอย้อนกลับไปที่เรื่องทำไมเสียงพูด (และลายนิ้วมือ) ของคนทั้งโลก 7,600 ล้านคนจึงไม่ซ้ำกันเลย
เท่าที่ผมทราบ นักชีววิทยาอธิบายว่าอวัยวะที่กำหนดให้เสียงของคนเราเกิดขึ้นมีหลายอวัยวะ คือตั้งแต่ปอด กล่องเสียง เส้นเสียง ลูกกระเดือก ลิ้นไก่ ฟัน ฯลฯ ถ้าเรารู้ปัจจัยเหล่านี้อย่างชัดเจน นักคณิตศาสตร์สามารถคำนวณได้ครับว่า ต้องมีคนกี่หมื่นล้านคนจึงจะมีเสียงซ้ำกันได้ 1 คู่
เรื่องเสียงพูดของมนุษย์มีความซับซ้อนมากก็จริง แต่สามารถคำนวณได้ครับ กฎข้อที่ 3 ที่ว่า “ธรรมชาติรู้ดีที่สุด” ไม่ใช่คำตอบแบบ “กำปั้นทุบดิน” แต่มีเหตุปัจจัยและสามารถคำนวณได้
ในภาพข้างต้น ผมได้นำผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลมาลงไว้ด้วย คือ “สมองของมนุษย์จะทำหน้าที่ผลิตสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า cannabiboid ขึ้นมาเอง” นี่เป็นการค้นพบภายหลังการค้นพบว่า “ในต้นกัญชา(และกัญชง)มีสารชนิดเดียวกันคือ cannabinoid” ถึง 30 ปีโดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มเดียวกัน แต่เรียกสารที่มนุษย์ผลิตขึ้นเองว่า Endocannabinoid เพราะคำว่า Endo หมายถึงภายในและไม่ได้มีเฉพาะในมนุษย์ แต่มีในสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดด้วย
หน้าที่ของสาร Endocannabinoid ทำงานอย่างเป็นระบบที่เรียกว่า EndocannabinoidSystem (ECS)
เท่าที่ผมเข้าใจ การทำงานของ ECS คล้ายกับระบบโทรศัพท์มือถือ คือมีตัวส่ง ตัวรับ โดยไม่มีสายส่ง แต่สามารถส่งสารเคมีดังกล่าวได้มากกว่าระบบเส้นประสาทที่มีจำนวนหลายพันล้านสายในร่างกายของคนคนเดียว
เรารู้ว่าระบบประสาทมีความซับซ้อนแล้ว แต่ระบบ ECS มีความซับซ้อนกว่าอีก
สำหรับหน้าที่ของ ECS อยู่ในแผ่นภาพข้างล่าง (พร้อมแหล่งอ้างอิง) แต่โดยสรุปก็คือ ECS ทำหน้าที่ควบคุมและรักษาระบบต่างๆ ในร่างกายให้สมดุล หรือเป็นซีอีโอของร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลคนเดิม Prof. Raphael Mechoulam (1930-) ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลปี 2558 กล่าวในคำนิยมหนังสือเล่มหนึ่งว่า “แทบจะไม่มีระบบสรีระใด(ในร่างกาย)เลยที่ระบบ Endocannabinoid ไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ด้วย”
ศาสตราจารย์ Mechoulam ได้กล่าวในสารคดีเรื่อง The Scientist: are we missing something? ว่า “นักวิจัยที่มีความมุ่งมั่นมากกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ระบบ Endocannabinoid มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับโรคทุกชนิดในมนุษย์”
นั่นคือ สามารถตีความได้ว่า การเกิดโรคทุกชนิดเกี่ยวข้องกับความบกพร่องของระบบ ECS นั่นเอง การห้ามไม่ให้มนุษย์สามารถเข้าถึงกัญชาได้ จึงเป็นการทำลายหลักวิวัฒนาการของมนุษย์
เมื่อพูดถึงกฎ 4 ข้อของนิเวศวิทยาแล้ว จึงขอพูดถึง “กฎ 4 ข้อของทุนนิยม” (ในภาพ)
ในขณะที่กฎ 4 ข้อของนิเวศวิทยาเชื่อว่า “ธรรมชาติรู้ดีที่สุด” แต่ กฎ 4 ข้อของทุนนิยมเชื่อว่า “การควบคุมกันเองของระบบตลาดรู้ดีที่สุด” ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงเพราะระบบทุนนิยมเองได้พัฒนาไปสู่การผูกขาด โดยใช้กลไกของรัฐซึ่งก็คือกฎหมายเพื่อผูกขาด เพียงเพื่อ “เงิน” ซึ่งเป็นสื่อสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวของมนุษย์ที่ระบบทุนเชื่อ
โฆษณา