2 ก.ย. 2019 เวลา 23:30
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ นอสตราดามุส ผ่านหูกันมาบ้าง
แต่เชื่อเถอะว่า ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร
วันนี้เรามาทำความรู้จักกันครับ
บิดาแห่งการทำนาย
ผู้ทำนายโลกเบื้องหน้ากว่า ห้าร้อยปี
นอสตราดามุส
นอสตราเดมัส ไทยมักเรียก นอสตราดามุส (Nostradamus) เป็นภาษาละติน ซึ่งเขาใช้เป็นนามปากกาตอนเขียนหนังสือ แต่เขาชื่อจริงว่า มีแชล เดอ นอสทร์ดาม (Michel de Nostredame) เป็นชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีเชื้อสายยิว ซึ่งเชื้อสายยิวที่เขามีนี่แหละครับ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในความอัจฉริยะของเขา
นอสตราดามุส นั้น มีพื้นฐานด้านการทำนายมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะปู่ของเขานั้น ได้สอนพื้นฐานเรื่องนี้ให้ เนื่องจากเล็งเห็นพรสววรค์ อันน่าทึ่งของเขา แต่น่าเสียดาย ที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับปู่ได้ไม่นาน ปู่เขาก็จากไปซะก่อนเขาจึงต้องอยู่กับบิดา
ด้วยความอัจฉริยะของเขานั้น​ เรียกว่าเก่งเกินวัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่ออายุได้เพียง 14 ปี เขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย Avignon เพื่อศึกษาแพทยศาสตร์ แต่ศึกษาได้เพียงปีเดียว มหาวิทยาลัยก็ปิดไป เพราะมีการระบาดของ กาฬโรค
ซึ่งช่วงเวลานี้เอง นอสตราดามุส ก็ออกเดินทางไปยังเมืองต่างๆ เพื่อศึกษาและหายารักษา กาฬโรค ทำให้เขาได้ รู้จักกับ ความรู้ใหม่ๆ เช่น ไสยศาสตร์ และดาราศาสตร์ มากขึ้นด้วย เขาใช้เวลาเดินทางไปที่ต่างๆ นานถึง 8 ปี และก็กลับเข้ามาเพื่อเรียนในระดับปริญญาเอกอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ก็ถูกไล่ออก เพราะ ว่าไปผิดกฎของมหาวิทยาลัย ที่เขาทำหน้าที่เป็นเภสัชกร
หลังจากนั้นเขาก็หาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้ โดยเขาได้ผลิตยาขึที่มีชื่อว่า "ลูกกลอนกุหลาบ" (rose pill) ซึ่งคาดว่า มีสรรพคุณป้องกันกาฬโรค
ในปี 1531 ตราดามุสได้รับเชิญจาก Julius Caesar Scaliger นักปรัชญาที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ให้ไปอยู่ด้วย เขาจึงตอบตกลงไป
และ ณ ที่นั่น เขาได้พบรัก กับสตรีผู้หนึ่ง เขาได้แต่งงาน มีลูกด้วยกัน ถึง 2 คน ชีวิตเขาก็ดูมีความสุขดี จนกระทั่ง ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตนั่นก็คือ
1
ทั้งภรรยาและลูกของเขา ต่างเสียชีวิตจาก กาฬโรค
เขาเป็นคนรักษาโรคนี้ มียา มีความรู้ แต่กลับไม่สามารถช่วยทั้งลูกและภรรยาของตัวเองได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก
และนั่นคงเป็นหนึ่งเหตุผลว่า ทำไมจู่ ๆ เขาที่ศึกษา ด้านแพทย์มาอย่างยาวนาน กลับเบนความสนใจไปด้านไศยศาสตร์ และการทำนาย​อย่างจริงจัง
1
ในปี 1547 เขาก็แต่งงานใหม่กับหญิงหม้ายที่เป็นเศรษฐีนี
1
ในปี 1550 เมื่อเขาเริ่ม เก่งกาจในด้านการทำนายแล้ว เขาจึงลองเขียนหนังสือขึ้นมา ชื่อว่า
"Nostradamus" ซึ่งเป็นหนังสือ กาลานุกรม (almanac) (กาลานุกรมคือหนังสือที่ว่าด้วยการทำนาย พยากรณ์อากาศ เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก และช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง)​ซึ่งหนังสือนี้ ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จัก ในด้านการทำนายมากขึ้น
เขาเขียนหนังสือเล่มนี้เป็นเวลาหลายต่อหลายปี อย่างน้อย​ 11​ปี (หนังสือเป็นการทำนายปีต่อปี)
จากนั้นเขาได้เขียนหนังสือขึ้นมาอีกเล่มชื่อว่า​
"เลพรอเฟซี" ซึ่งเป็นการเขียนโดยใช้โคลง และกลอน เป็นภาษาละติน แทรกไปด้วยภาษาอิตาลี ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเล่มนี้นี่แหละครับ ที่กลายมาเป็น คำทำนาย ต่างๆ ที่ถูกอ้างอิงกันมากที่สุด
ชีวิตบั้นปลายของเขานั้น ได้เข้าไปรับใช้ในกรุงปารีส ภายใต้ตำแหน่งหมอหลวงของพระเจ้าชารล์ที่ 9 จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยโรคเกาต์ในปี 1566
หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว ก็มีคนนำหนังสือ เลพรอเฟซี มาแปลครับ ในตอนนั้น หลายๆ คนก็ลงความเห็นว่า เขาคงเขียนมั่วๆ ขึ้นมา เพราะสิ่งที่เขาเขียนนั้นมันดูเพ้อเจ้อสำหรับยุคสมัยนั้น แต่เมื่อผ่านเวลานานมากขึ้น คำทำนายที่เขาได้เขียนไว้ กลับค่อยๆ กลายเป็นจริงขึ้นมา ทีละอย่าง นั่นจึงทำให้ชื่อของเขากลับมาเป็นที่รู้จักและได้ยินกันอีกครั้งสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะใน ช่วงปี 1998-2000 มีคำทำนานบทหนึ่งของเขาบอกไว้ว่า โลกจะแตกในปี 2000 แต่นั่นก็ไม่ได้กลายเป็นความจริง
ด้วยว่านอสตราดามุสเขียนคำนำทายเอาไว้เป็นประเภทบทกลอน ทำให้ การอ่านแล้วต้องมีการตีความอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการตีความนี้แหละครับ บางคนก็ตีแบบหนึ่ง บางคนก็ตีแบบหนึ่ง ทำให้คำทำนายของเขานั้น มีทั้งคนที่บอกว่าจริง และไม่จริงนั่นเอง
สำหรับประวัติของนอสตราดามุ​ุส​ ก็มีเพียงเท่านี้
ในตอนหน้า​ จะพาไปพบกับคำทำนาย​ ของเขากันครับ
ที่มา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา