4 ก.ย. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“พระราชวังเครมลิน (The Kremlin) มรดกโลกแห่งประวัติศาสตร์รัสเซีย” ตอนที่ 8
สิ้นสุดราชวงศ์โรมานอฟ
ภายหลังไฟไหม้ครั้งใหญ่ในมอสโคว ก็ได้มีการปรับปรุงเครมลิน
ได้มีการสร้างคูเมืองรวมถึงปรับปรุงโบสถ์
แต่นอกเครมลินนั้น รัสเซียตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม มีตึกถูกเผาเป็นจำนวนมาก แต่นี่ก็นับเป็นโอกาสดีที่จะปรับปรุงให้เมืองทันสมัย
มีการตั้งสถานีดับเพลิงที่มีพนักงานดับเพลิงกว่า 1,000 คนรวมถึงม้าอีก 450 ตัว
มอสโควใช้เวลานานนับปีในการปรับปรุงและรัสเซียก็มีการผลัดแผ่นดินมาเรื่อยๆ จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (Nicholas II)
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (Nicholas II)
พระองค์เสด็จพระราชสมภพในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ.1868 (พ.ศ.2411) โดยเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3
พระองค์ได้เข้าพิธีบรมราชาภิเษกในปีค.ศ.1896 (พ.ศ.2439) โดยพระองค์เป็นกษัตริย์ราชวงศ์โรมานอฟพระองค์สุดท้ายและเป็นซาร์องค์สุดท้ายแห่งรัสเซีย
พระองค์และพระราชินี คือ “จักรพรรดินีอเล็กซานดรา (Alexandra Feodorovna)” พระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรมีพระราชบุตรห้าพระองค์ เป็นพระราชธิดาสี่พระองค์และพระราชโอรสหนึ่งพระองค์
พระองค์และครอบครัวจัดว่าเป็นพระราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในขณะนั้น
พระองค์ทรงครอบครองสิ่งล้ำค่ามากมาย ทั้งเพชร ทองคำ ที่ดินมูลค่านับพันล้าน และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหรา
พระราชวังของพระองค์นั้นมีห้องมากกว่าร้อยห้อง สวนที่สวย สระน้ำ มีแม้กระทั่งช้าง และยังมีภาพวาดที่สวยงามประดับเต็มพระราชวัง
แต่คนธรรมดาในรัสเซียยังมีฐานะยากจน และพวกเขาก็ไม่ชอบใจกับความยากลำบากในขณะที่กษัตริย์มีฐานะร่ำรวย
ถึงแม้ทาสในรัสเซียจะถูกยกเลิกไปนานแล้ว แต่ชนชั้นแรงงานก็ยังคงมีชีวิตที่ยากลำบาก
1
22 มกราคม ค.ศ.1905 (พ.ศ.2448) ได้มีการชุมนุมอย่างสงบนอกพระราชวังฤดูหนาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ต่อมา ตำรวจก็ได้ยิงปืนฆ่าผู้ชุมนุมนับร้อย
ถึงแม้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 จะไม่ได้ประทับที่นั่น แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้จุดประกายให้เกิดการปฏิวัติ ซึ่งต่อมาคือ “การปฏิวัติรัสเซีย (Russian Revolution)”
เดือนมีนาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงสละบัลลังก์ภายหลังจากถูกกดดันให้สละบัลลังก์
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวถูกทางการควบคุมตัว ราชวงศ์โรมานอฟที่ยาวนานหลายร้อยปีสิ้นสุดลงแล้ว
ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น แต่ในไม่ช้าก็ได้มีกลุ่มที่ชื่อ “บอลเชวิค (Bolshevik)” ขึ้นมาปกครองประเทศ
กองทัพของบอลเชวิคซึ่งประกอบด้วยกรรมกรและชาวนา เรียกว่า “กองทัพแดง (Red Army)” โดยมีหัวหน้าคือ “วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin)”
1
ในขณะเดียวกัน พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวก็ทรงหวังว่าจะได้รับอนุญาตให้เสด็จออกนอกรัสเซียได้ พระองค์และครอบครัวจะได้ปลอดภัย
แต่ดูเหมือนความหวังของพระองค์จะไม่เป็นจริง
จะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามในตอนต่อไปนะครับ
โฆษณา