4 ก.ย. 2019 เวลา 03:33 • กีฬา
New Balance thekop
ในฐานะแฟนลิเวอร์พูล ผมรู้สึกว่านานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้รู้สึกชื่นชมแบ๊กซ้ายของทีมแบบต่อเนื่องแบบนี้มานานแล้ว นับไปนับมาก็ 10 ปีแล้ว นับจากริเซ่ แบ๊กซ้ายเท้าหนักในยุครุ่งเรืองของลิเวอร์พูลที่คว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 5 เมื่อปี 2005 และเข้าชิงอีกครั้งในปี 2007 แต่แพ้ให้กับเอซีมิลาน ตอนนั้นทีมลิเวอร์พูลมี ริเซ่ ประจำการอยู่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นแบ๊กซ้ายที่เติมเกมรุกดีที่สุดคนหนึ่งในยุโรปตอนนั้น พลังเท้าซ้ายที่หนักแน่น ขนาดที่ว่า อลัน สมิธ วิ่งเข้ามาบล็อกลูกยิงของเขาจนขาหัก นอกจากนั้นยังมีจุดเด่นเรื่องลูกฟรีคิก ลูกยิงไกล อีกด้วย
แต่หลังจากริเซ่ฟร์อมตกในปี 2007-2008 และย้ายออกไปอยู่โรม่าในฤดูกาล 2008-2009 จนถึงปัจจุบัน ลิเวอร์พลูใช้แบ๊กซ้ายหลัก ๆ ไปแล้วถึง 6 คน คือ Fábio Aurélio, Emiliano Insúa, José Enrique, Aly Cissokho, Alberto Moreno, James Milner ยังไม่นับดาวรุ่งที่ดันขึ้นมา และกองหลังบางตัวที่ต้องสลับไปเล่นตำแหน่งแบ๊กซ้ายอยู่บ่อยครั้ง ทั้งคาราเกอร์ แอกเกอร์ เป็นต้น เฉลี่ยแล้วลิเวอร์พูลเปลี่ยนแบ๊กซ้ายทุก ๆ 2 ปี
แบ๊กซ้ายแต่ละคนก็มีช่วงเวลาที่เล่นดีมาก และแย่มาก แต่ปัจจัยหนึ่งที่ฉุดไม่ให้พวกเขาไปต่อได้ก็คืออาการบาดเจ็บที่มักจะมาพรากฟร์อมดี ๆ ของแบ๊กซ้ายลิเวอร์พูลไป เห็นได้ชัดเลยคือในรายของ เอ็นริเก กับโมเรโน่ ที่กำลังอยู่ในฟร์อมที่ดีเมื่อเจ็บยาว กลับมาฟร์อมก็สะดุด
และอีกปัจจัยหนึ่งคือการที่ลิเวอร์พูลเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อย เพราะหลังจากราฟาเอล เบนิเตส ออกไป ลิเวอร์พูลเปลี่ยนผู้จัดการทีมแล้วถึง 4 คน รวมคล๊อปป์ ทำให้แผนการเล่นเปลี่ยน มีการดึงผู้เล่นเข้ามาใหม่ ตำแหน่งแบ๊กซ้ายก็มักจะถูกเปลี่ยนบ่อย ๆ เมื่อมีผู้จัดการใหม่เข้ามา ทำให้นักเตะปรับตัวกับแผนการเล่นใหม่ไม่ค่อยได้
เมื่อคล๊อปป์เข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูล ในครึ่งหลังของฤดูกาล 2015-2016 คล๊อปป์ก็พยายามสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ตอนนั้นแบ๊กซ้ายของลิเวอร์พูลมีโมเรโน่เป็นตัวจริงอยู่ และเหมือนกำลังจำเล่นเข้าแผนของคล๊อปป์ แต่สุดท้ายก็บาดเจ็บยาว จนทำให้ในฤดูกาล 2016-2017 คล๊อปป์ต้องถอยมิลเนอร์ลงไปเป็นแบ๊กซ้ายจำเป็น ซึ่งผลงานโดยรวมก็ถือว่าดี แต่ยังไม่ใช่ เพราะคล๊อปป์ต้องการแบ๊กซ้ายธรรมชาติมากกว่า
เมื่อจบฤดูกาลจึงมีข่าวว่าคล๊อปป์มองหาแบ๊กซ้ายตัวใหม่ ตอนนั้นลิเวอร์พูลมีข่าวกับแบ๊กซ้ายเยอะมาก สุดท้ายก็ได้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จากฮัลล์ซิตี้ มาในราคาแค่ 8 ล้านปอนด์ ผมมองว่าคล๊อปป์เองอาจไม่ได้ตั้งใจปั้นเจ้าหนูคนนี้จริงจัง แต่อาจเอามาเป็นอะไหล่ของโมเรโน่ ตอนเปิดฤดูกาลนั้น โรเบิร์ตสันก็ได้เล่นหลายนัดเพราะโมเรโน่ยังไม่หายดี แต่ฟร์อมโดยรวมก็เหมือนว่ายังไม่ดี เพราะการเติมเกมแบบทื่อ ๆ วิ่งสุดเส้นหลังแล้วเปิด นั่นทำให้เมื่อโมเรโน่หายกลับมา คล๊อปป์จึงเลือกใช้โมเรโน่มากกว่า
จากนั้นชื่อของโรเบิร์ตสัน ก็หายไปนานมาก แม้แฟนบอลจำนวนหนึ่งจะเรียกร้องให้คล๊อปป์ส่งเขาลงสนาม เพราะฟร์อมของโมเรโน่ไม่ไหวแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล ตอนนั้นผมเองแอบหวั่นใจแล้วว่าเจ้าหนูคนนี้อาจหมดอนาคตแล้ว จนในที่สุดโมเรโน่ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอีกครั้ง โรเบิร์ตสัน จึงได้โอกาสลงเป็นตัวจริงอีกครั้ง แต่รอบนี้เขากลับมาพร้อมพัฒนาการที่ดีขึ้น การเล่นเข้าขากับเพื่อน ๆ ในแดนกลาง และแดนหน้า เติมเกมรุกดี ไม่เปิดบอลพร่ำเพรื่อ มีจังหวะตัดเข้าในสวย ๆ จนมาถึงช่วงหนึ่งแม้ว่าโมเรโน่จะหายเจ็บกลับมาอีกครั้ง แต่สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม คล๊อปป์เลือกใช้โรเบิร์ตสันเป็นตัวจริงของทีมแทนที่โมเรโน่แล้ว
ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มที่เมื่อปี 2013 เขายังเล่นอยู่ในลีก3 ของสก๊อตอยู่เลย ก่อนที่จะย้ายมาเฮาส์ซิตี้ แต่ก็ต้องตกชั้นพรีเมียร์ลีกไปในปี 2017 และเป็นลิเวอร์พูลที่ซื้อเขาเข้ามา โดยที่คล๊อปป์เองก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะเล่นดีอะไรมาก แต่กลายเป็นว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่พาให้ทีมของหงส์แดงคว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 6 และเป็นหนึ่งในกองหลังที่แอสซิสต์มากที่สุดเป็นอันดับสองตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกจากการทำผลงาน 11 แอสซิสต์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เป็นรองเพียงอาร์โนล์ดเพื่อนร่วมทีมของเขาเท่านั้นที่ทำไป 12 ประตู ก็ได้แต่ภาวนาว่าโรเบิร์ตสันจะยืนระยะได้ยาวนาน และพัฒนาการเล่นขึ้นเรื่อย ๆ ให้สมกับที่เรารอคอยแบ๊กซ้ายที่เล่นคงเส้นคงวามานานถึง 10 ปี และจะสามารถพาทีมของเราสร้างประวัติศาสตร์ได้สักครั้ง กับแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอมานาน
โฆษณา