5 ก.ย. 2019 เวลา 14:00 • ความคิดเห็น
ชีวิตที่ต้องอยู่กับความมืด. ไร้ซึ่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์. Peyton Madden เด็กชายจากเมืองเอลโดราโด สหรัฐอเมริกา. ต้องใช้ชีวิตในความมืดอย่างโดดเดี่ยวเพราะโรคที่เขาเป็น
โรคนั้นก็คือ. โรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘โรคแพ้แสงแดด’ 
คือความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ส่งผลทำให้ผิวหนังอ่อนไหวต่อการสัมผัสกับรังสียูวี
เพราะเหตุนั้นเอง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จึงไม่สามารถออกไปกลางแจ้งในตอนกลางวันได้ พวกเขาจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงอาทิตย์ เหมือนอย่างเด็กชายคนนี้…
อาการแพ้อะไรสักอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อาหาร สารเคมี
แพ้ฝุ่น หรือแม้กระทั่งแพ้เกสรดอกไม้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้ชีวิตของเรา และเพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้สุดทรมาน แต่ละคนก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงหรือสรรหาวิธีการมาป้องกันตัวจากสิ่งที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ในแบบของตัวเอง
แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้นั้นคือของที่ยากจะเลี่ยงอย่าง "แสงแดด" แค่เพียงแสงสะท้อนก็มีอานุภาพเพียงพอจะทำให้เกิดรอยเผาไหม้อย่างรุนแรง แน่นอนว่าการหลีกเลี่ยงแสงแดดนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้แสนยาก
Peyton ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคดังกล่าวตั้งแต่อายุเพียงแค่ 3 ขวบ นั่นหมายความว่าหากผิวหนังของเขาสัมผัสกับรังสียูวีมากจนเกินไป เขาก็อาจป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างง่ายดาย
และเพราะเหตุนี้พ่อและแม่ของPeyton จึงมักจะบอกกับเขาอยู่เสมอว่าแสงอาทิตย์คือสิ่งที่สามารถพรากชีวิตของเขาไปได้เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกในเวลากลางวันได้เลย เมื่อพอเขาโตขึ้นหนูน้อยก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถใช้ชีวิตปกติเหมือนอย่างคนอื่นๆได้ แม้จะเข้าใจแต่ใช่ว่าเขาจะมีความสุข เขาก็ได้แต่คิดว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันแย่มาก
พ่อและแม่ของ Peyton
การที่เขาไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นทำกิจกรรมต่างๆในตอนกลางวันเหมือนอย่างเด็กคนอื่นๆ
นั่นทำให้เขาต้องเติบโตมาท่ามกลางความโดดเดี่ยวเดียวดาย แทบไม่มีเพื่อนในวัยเดียวกันเลยสักคน เขาได้แต่ยืนมองคนอื่นๆใช้ชีวิตในเวลากลางวันผ่านหน้าต่างเท่านั้น
การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเขาก็คือการใช้เวลาอยู่ในบ้าน เล่นของเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ กับพ่อแม่ หรือบางทีเขาก็อาจนั่งเล่นมันเพียงคนเดียว
มีเพียงแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้นที่เขาสามารถออกไปนอกบ้าน ทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามต้องการ แต่นั่นก็ทำให้เขาได้เจอผู้คนในวัยเดียวกันได้ไม่มากนัก
เหมือนกับว่า Peyton ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว และมีเพียงพ่อและแม่ของเขาเท่านั้นที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุด แต่ใช่ว่าเขาจะเดียวดายเสมอไป
แม้เขาต้องอยู่เพียงลำพังแทบตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชาวเมืองคนอื่นๆ จะไม่รับรู้เรื่องราวเขา และมอบความรักความสุขให้กับเขา
ความรักที่ชาวเมืองทุกคนมีให้กับ Peyton นั้นพิสูจน์ได้จากงานฉลองวันเกิดอายุครบ11 ขวบในปี 2017 ของเขาซึ่งคงเป็นช่วงเวลาที่เด็กชายจะไม่มีวันลืมเลย
ชาวเมืองทุกคนได้ร่วมมือกับองค์กรนานาชาติสำหรับผู้ป่วยโรคหายาก พวกเขาทั้งหมดนั้นได้ช่วยกันจัดงานวัดเกิดสุดอลังการให้กับเด็กชาย
ผู้ใช้ชีวิตในความมืด
ในงานนั้นมีไฟตกแต่งไว้อย่างสวยงาม การแสดงมากมาย อาหารการกินอันแสนอร่อย มีสระว่ายน้ำ และแน่นอนว่าภายในงานนั้นเต็มไปด้วยแขกเหรื่อซึ่งก็คือชาวเมืองทุกคน
คืนนั้น พอ Peyton ปั่นจักรยานมาถึงสถานที่จัดงาน เขาก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เอามากๆ ตั้งแต่ป้ายงานที่เขียนว่า “อรุณสวัสดิ์ Peyton” ไปตลอดจนถึงการแสดง และการได้เป็นดาวเด่นภายในงานวันเกิดอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้. สีหน้าและแววตาของเขาแสดงออกถึงความสุขอย่างเห็นได้ชัดเจน
เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
ความตื่นเต้น และความสุขที่เด็กชายแสดงออกมาทางสีหน้า
เขาคือดาวเด่น ชาวเมืองทุกคนต่างมอบความรักให้กับเขา
การเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน กับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน
นอกจากว่ายน้ำ แล้วเขาก็ยังได้วิ่งเล่น เล่นของเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน
เราลองไปดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แม้ปัจจุบันจะผ่านมาแล้ว2ปี แต่เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจและคงจะอยู่ในความทรงจำของ Peyton ตลอดไป
แม้ต้องใช้ชีวิตมาเพียงลำพัง แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของเขาในวันนั้น เชื่อว่าหลังจากนี้เขาคงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
ที่แอดนำเรื่องราวนี้มาแชร์ให้อ่านกัน
เพราะแอดอยากให้ทุกคนรู้ว่า
ในขณะที่เรามีอิสระที่จะใช้ชีวิตอย่างที่เรา
ต้องการได้ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน.
แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถทำแบบนี้ได้
การใช้ชีวิตของพวกเขานั้นราวกับว่าถูกสาป
พวกเขาจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้านได้ก็ต่อ
เมื่อเป็นเวลากลางคืนที่มืดมิดไร้แสงของดวงอาทิตย์แล้วเท่านั้น. หรือถ้าจะออกไปข้างนอกในเวลากลางวันจะต้องแต่งตัวมิดชิดเพื่อไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิวของพวกเขาได้
ซึ่งนั่นทำให้โอกาสที่พวกเขาจะมีสังคม เพื่อนฝูงแทบจะเป็นไปได้ยาก ต้องพลาดโอกาสในหลายๆเรื่อง. พลาดที่จะได้ไปโรงเรียนเหมือนคนอื่นๆ ไปทำงาน ทำกิจกรรมต่างๆเฉกเช่นคนปกติทำกัน
ในเมื่อเรามีโอกาสที่จะใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อยากจะทำอะไร ไปที่ไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดของช่วงเวลา สถานที่ เราก็จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับโอกาสที่เรามีมากกว่าใครอีกหลายคน
อย่ามัวแต่โทษโชคชะตาว่าทำไมชีวิตของเราต้องพบเจอปัญหามากมาย เจอเรื่องราวที่โหดร้าย
เจอคนมากหน้าหลายตาที่คุณคิดว่าไม่น่าเจอเอาซะเลย เป็นไปได้อยากอยู่แต่ในห้องนอนสี่เหลี่ยม สถานที่ที่คุณคิดว่าเป็นเซฟโซน ไม่อยากไปเผชิญโลกภายนอก
ในขณะที่คุณคิดแบบนี้ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องพบเจอกับโชคร้ายที่ติดตัวมากตั้งแต่เด็กหรือตั้งแต่เกิด พวกเขาต้องการอิสระ ต้องการเพื่อน ต้องการสังคม ต้องการที่จะทำอะไรก็ตามที่ใจเขาอยากทำ แต่ด้วยโรคที่พวกเขาเป็นทำให้ไม่มีโอกาสได้ในสิ่งที่ต้องการ
เพราะฉะนั้น. จงใช้ชีวิตของคุณให้คุ้มค่าในทุกช่วงเวลาของชีวิต ให้สมกับโอกาสที่คุณได้รับ
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา