ผมตื่นแต่เช้ามืด ออกจากบางแค ขับรถไปคนเดียว ตั้งใจเด็ดเดี่ยว ว่าวันนี้จะต้องสักให้ได้ เป้าหมายคือลายเสือเผ่น หรือเสือตีนโต อันเลื่องชื่อของวัดบางพระ
เปิดgoogle map เพราะไม่เคยขับรถไปวัดบางพระ รู้สึกเครียดพอสมควร ปกติขับเลนขวาประจำวันนี้ต้องมาขับเลนซ้าย ขับมาทางนครชัยศรีแล้วเลี้ยวตามถนนเล็กๆ ฟ้าเพิ่งจะสางรถยังไม่มาก ผมมาถึงวัดประมาณเจ็ดโมงเช้า มากราบรูปปั้นหลวงพ่อเปิ่นแล้วขอท่านสัก หลังจากนั้นก็มาหาของรับประทานที่ศาลาวัด เขาจัดไว้เป็นร้านขายอาหาร
ก่อนจะมาผมศึกษาจากgoogleเกี่ยวกับการสัก เขาให้ดูความสะอาดของเข็มสัก หมึกที่ใช้ไม่มีเลือดของคนอื่นปน ส่วนใหญ่เกี่ยวกับโรคติดต่อร้ายแรงที่ต้องระมัดระวัง อีกอย่างที่ทำให้ผมกลัวคือความเจ็บปวดระหว่างการสัก เคยฟังเพลงอาตี๋สักมังกร ของคุณเพลิน พรมแดน ที่เขาตั้งใจสักมังกรแต่ด้วยความเจ็บจึงได้แต่งูดิน (ฮา)คิดแล้วก็เกรงจะเกิดกับตัวผมวันนี้หรือเปล่า แล้วจะเอาหน้าไปไว้ไหน
เก้านาฬิกาได้เวลาเปิดสำนัก ผมรีบไปเป็นคนแรก พบคุณอ้อ ภรรยาอาจารย์กด จึงเข้าไปติดต่อขอสัก ปรึกษาแกว่าจะขอสักเสือที่หน้าอก แต่ผมทราบมาว่าห้ามบอกอาจารย์ว่าจะสักอะไร เพราะเขาถือกัน
คุณอ้ออธิบายว่า สายวัดบางพระนี้จะสักยันต์ครูให้ครบก่อนจึงจะสักรูปอื่นๆได้ โดยเฉพาะเสือตีนโต กว่าจะได้ลายนี้อาจารย์ต้องดูนิสัยใจคอให้ดีก่อน เพราะเป็นลายจำเพาะ ใครๆก็รู้จัก เกรงจะไปประพฤติเสียชื่อวัดบางพระ
ผมก็ได้สักยันต์ครู ลายแรกชื่อว่ายันต์เก้ายอดที่หลังใต้ต้นคอ ก่อนสัก อาจารย์ให้ยกพานไหว้ครู ในพานจะมีดอกไม้ธูปเทียน บุหรี่ เงินไหว้ครู (หลวงพ่อเปิ่น) และทำบุญตามศรัทธา ส่วนมากคุณอ้อจะบอกว่าจำนวนเท่าใด เงินนี้หลังจากผมมาหลายหน ผมเห็นบางคนอาจารย์เอาน้อยมาก ถ้าฐานะไม่ดีแต่ตั้งใจมา ถือว่าเมตตาลูกศิษย์จริงๆ
ผมจำความรู้สึกเข็มแรกได้ว่าเจ็บขนาดไหน แต่พอสี่ห้าเข็มมันจะชาไม่เจ็บมาก จนอาจารย์ย้ายไปเริ่มจุดใหม่จึงเจ็บอีก ผู้รับการสักต้องทนเจ็บ และต้องรักษาศีลห้า เป็นอย่างน้อยถ้าอยากให้รอยสักนี้ศักดิ์สิทธิ์
ประมาณยี่สิบนาที( แต่ตอนนั้นเหมือนนานมากเพราะความเจ็บ ) การสักจึงสำเร็จ อาจารย์ให้พนมมือนึกถึงสิ่งดีงามทำใจให้สงบ แล้วว่าคาถาเป่าให้ที่รอยสัก ถือเป็นเสร็จพิธี ผมกราบพระบนหิ้ง ภาพอาจรย์หลายท่าน กราบอาจารย์กด อำลาคุณอ้อ ก่อนออกจากสำนักเห็นมีคนมาเข้าคิวอีกสองสามคน