9 ก.ย. 2019 เวลา 18:01 • กีฬา
เรื่องเล่าของโรเมลู (ตอนจบ)
ผมมีบางอย่างงง... จะเล่าให้คุณฟัง! / โดย ลูเมลู ลูกากู
ชิดขอบจอ... ถอดข้อความจาก I've Got Some Things to Say BY ROMELU LUKAKU
................
"อย่ากลัวที่จะมีความสุข
เพราะมัวแต่ห่วงว่าใครจะคิดยังไง
สายตาเดียวที่เราควรใส่ใจ
คือสายตาที่เราใช้มองตัวเอง"
ชีวิตของ ลูกากู น่าจะเป็นแบบนั้น ในแบบที่เขามองชีวิตตัวเอง
ตอนที่แล้ว ลูกากูน้อย ของเรา อายุครบ 16 ปีบริบูรณ์แล้วนะ แล้วเขาก็กำลังทำความฝันของเขาให้เป็นจริงเสียที เรามาติดตามตอนจบของเรื่องนี้กันเลยดีกว่า...เราตามไปดูกัน
หลังจากเลือกใส่เสื้อเบอร์ 36 เป็นที่เรียบร้อย คืนนั้นที่โรงแรม รุ่นพี่ในทีมให้ผมร้องเพลงที่โต๊ะอาหารเย็น ตัวผมเวลานั้น แทบไม่รู้เลยว่าร้องเพลงอะไรไป สมองผมมันล่องลอยเคว้งคว้าง...
"มัน... สุขใจ!"
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนสนิทมาเคาะประตูบ้าน เพื่อจะชวนผมไปเตะบอล แม่ผมบอกไปยิ้มๆ ว่า "อ๋อ.. โรมออกไปเตะบอลแล้วหละ!"
เพื่อนผมก็งงดิครับ "ไปเตะบอล.. ไปเตะที่ไหน เอ๊ะกับใคร ยังไง?"
"ไปเตะรอบไฟนอลไงจ๊ะ" แม่ผมบอกออกไป
.............
เราออกเดินทางโดยรถบัส นักเตะทุกคนล้วนใส่สูท "อย่างเท่" เดินเข้าสนาม
ยกเว้นผมคนเดียว..... ปัดโธ่เอ๊ย.. ผม "ใส่เสื้อวอร์ม"
ตลอดระยะทาง 300 เมตร ที่เดินลงจากรถมายังห้องแต่งตัว ถ่ายทอดทีวีตลอด ตอนนั้นเอง... ทีวีทุกช่องซูมกล้องมาที่หน้าผม...มันแค่ 3 นาทีเองมั๊ง แต่เมื่อผมเดินพ้นมุมกล้องเข้าห้องแต่งตัว เสียงโทรศัพท์ในตัวผมก็ดังลั่นเลย โอววว.... ทุกคน เห็นผมออกทีวี!
...........
บรรดาเพื่อนๆ ผม คลั่งกันใหญ่ ระดมส่งข้อความมาหาใน 3 นาทีที่ผมเดินอยู่นั่น "ตั้ง 25 ข้อความ"
"เฮ้ยเพื่อน... ทำไมได้ลงวะ?"
"เฮ้โรม... เกิดอะไรขึ้น ทำไมได้ออกทีวี?" เป็นข้อความประมาณนี้ที่เพื่อนๆ ส่งมาหาผม
ผมตอบเพื่อนสนิทไปแค่คนเดียวว่า "เฮ้... ไอ้เพื่อนยาก เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ว่าจะได้ลงเตะหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ก็คอยติดตามดูเอาในทีวีแล้วกัน"
...........
“แล้วในนาทีที่ 63 ผมก็ได้ลงสนามใหญ่เป็นครั้งแรก กับทีมอันเดอร์เลช ด้วยอายุเพียง 16 ปี 11 วัน
..........
ทีมเราแพ้นะครับในวันนั้น แต่ผมกลับรู้สึกราวขึ้นสวรรค์ก็ไม่ปาน 😀
" นี่คือคำสัญญา... ที่ผมให้กับแม่และตา มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกได้ว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นอย่างแน่นอน"
"ฤดูกาลถัดมา... ผมต้องสอบปลายภาค พร้อมๆ กับต้องไปเล่นยูโรป้าลีก ผมแบกกระเป๋าเป้ใบยักษ์ไปโรงเรียน เพื่อจะได้เดินทางต่อไปยังสนามบินในบ่ายวันนั้นเพื่อไปแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ
ปีนั้นเราชนะนะครับ.....
ในลีกของเรา ผมได้รับการยกย่องให้เป็นนักฟุตบอลอาฟริกันยอดเยี่ยมลำดับสองแห่งปี โอ้...สวรรค์ มันยอดเยี่ยมไปหมดเลย
จริงๆ แล้ว ผมคาดหวังให้ทุกอย่างออกมาดี แต่บางทีมันก็อาจจะไม่รวดเร็วดั่งใจหวังขนาดนั้น บรรดาสื่อก็ชมเชยผมเสียมากมาย จนผมแทบลอยได้ ต้องยอมรับว่าผม "ติดลมบน" หลายๆ คนคาดหวังจากผมหนักเอาการอยู่ โดยเฉพาะกับการเล่นให้ทีมชาติ แต่ก็ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร ผมดันเล่นไม่ดีให้กับทีมชาติเบลเยี่ยม มันออกมาห่วยแตกมาก... จนผมรู้สึกแย่
ทุกคนคาดหวัง..... แต่มีใครคิดบ้างไหมว่าผมแค่อายุ 17,18,19 เท่านั้นเอง !!!
เวลาผลของเกม... ออกมาดี
โอ้โฮ.. พวกเขาเรียกผมว่าไงรู้ป่ะ พวกเขาเรียกผมว่า โรเมลู ลูกากู นักเตะกองหน้าตัวเป้า ชาวเบลเยี่ยม!
แล้วถ้าวันไหน.. เกมมันแย่ ผลออกมาไม่ดี พวกเขาพากันเรียกผมว่า โรเมลู ลูกากู นักเตะกองหน้าชาวเบลเยี่ยม เชื้อสายคองโก... ไหงงั้นล่ะครับ
ทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะ ถ้าพวกคุณไม่ชอบที่ผมเล่น ก็ไม่เป็นไร ผมยอมรับได้ แต่ผมเกิดที่นี่นะ... ผมเกิดที่แอนต์เวิร์ป ผมอาศัยอยู่ที่ลีเยร์ และบรัสเซลล์ ผมมีฝันที่จะลงเล่นฟุตบอลกับ อันเดอร์เลช ผมอยากเป็น "แวงซอง กอมปานี"
ไม่ว่าผมจะเริ่มต้นประโยคด้วยภาษาฝรั่งเศสแล้วดันไปจบด้วยภาษาดัชท์ หรือพูดสเปนบ้่าง โปรตุเกสบ้าง รวมถึงพูดภาษาพื้นเมืองลินกาลา กับเพื่อนๆ ที่ผมกำลังสื่อสารด้วย ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเค้าคุยกันด้วยภาษาอะไร "ผมก็ยังเป็นคนเบลเยี่ยม ไม่เปลี่ยนแปลง จริงไหม? " พวกเราเรียกตัวเองว่าเป็นชาวเบลเยี่ยมไง นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ประเทศนี้ มันโคตรเจ๋งเป้งเลย! ใช่หรือเปล่า?
ผมเองก็ไม่เข้าใจคนบางคนในประเทศผมเหมือนกันนะ ที่ต้องการให้ผมล้มเหลว แต่ผมไม่ยอมเป็นแบบนั้นหรอก
ตอนผมไปเล่นกับเชลซี และไม่ได้ลงเตะ ผมได้ยินพวกเขาแอบหัวเราะเยาะลับหลังผม ตอนผมถูกยืมตัวไปบรอมวิช พวกเขาก็หัวเราะเยาะผม (ไม่รู้อะไรกับผมนักหนา)​
แต่ถึงยังไง เรื่องทั้งหมดก็ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่นะ พวกเขาไม่ได้มานั่งกินซีเรียลผสมน้ำเปล่ากับผมเสียหน่อย ถ้าพวกคุณไม่เคยอยู่กับผมตอนที่ผมไม่มีอะไรจะกินแล้วหละก็ คุณ... จะเข้าใจผมได้ยังไง!
คุณว่าตลกมั๊ยล่ะ... ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยดูแข่งขันแชมป์เปี้ยนลีกมาเป็นสิบปี (เพราะไม่มีเงินจะติดเคเบิ้ล)​ เวลาผมไปโรงเรียน เด็กๆ ที่โรงเรียนทุกคนคุยกันแต่เรื่องบอลและเรื่องชิงแชมป์ ผมไม่เคยรู้เลยว่าเกมมันหน้่าตาเป็นยังไงบ้าง ผมยังจำได้เลย ตอนปี 2002 เรอัล มาดริด เตะกับ เลเวอร์คูเซ่น ทุกคนพูดกันสนั่นเมือง " โอ.. พระเจ้า มันสุดยอด"
ผมทำไงรู้มั๊ย... ทำท่าเหมือนได้ดูไปกับเขาด้วยทุกนัดน่ะแหละ
สองอาทิตย์หลังการแข่งขัน เรานั่งเรียนคอมพิวเตอร์ เพื่อนผมคนหนึ่งดาวน์โหลดเกมการแข่งขันนั้นจากอินเตอร์เน็ตมาให้ดู
นั่นแหละ... มันทำให้ผมได้เห็น ซีดาน ยิงลูกเสียบเข้ามุมบนของประตูด้วยเท้าซ้าย ก็ที่พวกเขาพูดถึงกันสนั่น ว่ามันเป็นอย่างไร
ตอนซัมเมอร์ ผมตามไปบ้านเพื่อนคนนี้ แล้วได้ดู โรนัลโด้ ฟีโนมิโน่ ในรอบชิงแชมป์บอลโลก ทุกสิ่งทุกอย่างในเกมการแข่งขัน ผมล้วนฟังมาจากเพื่อนๆ (ไม่เคยได้ดูเอง)​
ตอนปี 2002 พื้นรองเท้านักเรียนผมยังขาดเป็นรูอยู่เลย "รูใหญ่เบ่อเริ่มเสียด้วย" และจากนั้น 12 ปีให้หลัง ผมได้ไปเตะบอลโลก "มันเหลือเชื่อจริงมั๊ย? "
"ตอนนี้ผมก็กำลังจะไปเตะบอลโลกอีกรอบนะครับ"
คุณรู้อะไรหรือเปล่า? ต่อไปผมจะจดจำแต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกสนุกสนาน ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะมาสนใจกับชีวิตที่ถูกกดดันบีบคั้นจากเรื่องดราม่า ใครอยากจะพูดอะไรเรื่องทีมผม รวมทั้งตัวผมด้วย.. ก็เชิญพูดตามสบาย
ผมจะบอกอะไรให้... ตอนที่เป็นเด็ก ผมอาจไม่ได้ดู เทียรี่ อองรี ลงเตะในแมตช์ชิง แต่ตอนนี้เป็นยังไงเหรอ? ผมได้เรียนรู้กับเขาทุกวันตอนฝึกซ้อมกับทีมชาติ ผมได้รับการฝึกสอนโดยตำนานผู้ยิ่งใหญ่ แบบตัวเป็นๆ แล้วเขาก็สอนผมถึงวิธีวิ่งเจาะหาพื้นที่ว่างในแบบที่เขาเคยทำ ผมว่าเทียรี่ เป็นคนเดียวในโลกมั๊ง ที่ดูเกมแข่งขันฟุตบอลมากกว่าผม เราพูดจาแลกเปลี่ยนกันทุกสิ่ง เรานั่งถกกันถึงลีกสองของเยอรมันว่ามันเป็นยังไง
ผมจะคุยกับเขาประมาณว่า "เทียรี่... ยูดู ฟอร์ทูน่า ดัสส์เซลดอร์ฟ หรือยัง?
เทียรี่ จะตอบมาเลยว่า" อย่าโง่น่า, มันแน่นอนอยู่แล้วหละ"
ทั้งหมดกับ อองรี มันยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับผม
และผม.... อยากให้ตาผม ได้อยู่ทันเห็นทุกสิ่ง อยากให้เขา.. ร่วมเป็นพยานความสำเร็จของผม
ผมไม่ได้หมายถึงการได้ลงเตะในพรีเมียร์ลีก
ไม่ได้หมายถึง ลงเตะร่วมกับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผมไม่ได้หมายถึง การลงแข่งขัน แชมป์เปี้ยนส์ลีก หรือ บอลโลก
ผมไม่ได้หมายถึงเกมพวกนั้น ผมอยากให้ตาอยู่จนถึงวันนี้ เพื่อมองเห็นทุกสิ่งที่เรามี ณ วันนี้ต่างหาก
ผมอยากมีโอกาสได้คุยโทรศัพท์..กับตาอีกสักครั้ง ผมอยากบอกให้ตารู้ว่า
"ตาครับ... ดูซิ ผมบอกตาแล้วไงว่าลูกสาวตาน่ะ... สบายดี ดีมากกๆ"
"ตอนนี้.. เราไม่มีหนูวิ่งในอพาตเม้นท์เราแล้วนะ แล้วพวกเราก็ไม่ต้องนอนกันบนพื้นแล้วด้วย เราไม่มีอะไรต้องเครียดหรือกดดัน ตอนนี้เราสบายแล้ว สบายยยมากกเลย"
และ.. "พวกเขา ไม่ขอดูบัตรประชาชนผมแล้วด้วย พวกเขารู้จักชื่อผมกันหมดแล้ว ว่าผมชื่อ โรเมลู ลูกากู นักเตะจาก เบลเยี่ยม"
"นี่คือทั้งหมด.. ที่ผมอยากบอกพวกคุณ"
“𝑭𝒐𝒐𝒕𝒃𝒂𝒍𝒍 𝒊𝒔 𝒂 𝒈𝒂𝒎𝒆 𝒕𝒐 𝒃𝒆 𝒆𝒏𝒋𝒐𝒚𝒆𝒅 𝒃𝒚 𝒆𝒗𝒆𝒓𝒚𝒐𝒏𝒆 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒆 𝒔𝒉𝒐𝒖𝒍𝒅𝒏’𝒕 𝒂𝒄𝒄𝒆𝒑𝒕 𝒂𝒏𝒚 𝒇𝒐𝒓𝒎 𝒐𝒇 𝒅𝒊𝒔𝒄𝒓𝒊𝒎𝒊𝒏𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒑𝒖𝒕 𝒐𝒖𝒓 𝒈𝒂𝒎𝒆 𝒊𝒏 𝒔𝒉𝒂𝒎𝒆.”
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
✊✊🏻✊🏼✊🏽✊🏾✊🏿
Romelu Lukaku
..............
รักหรือเกลียด โรเมลู ลูกากู กันล่ะครับ เวลาลงสนามถูกล้อ ทำอะไรก็ผิด ถูกด่าทอทุกวัน เป็นใครจะไปอดทนไหว.... ผมยกนิ้วให้คุณนะ ลูกากู คุณเป็นสุดยอดนักสู้คนหนึ่งจริงๆ
.........
ฝากกดไลค์ กดแชร์นะครับ
และถ้่าอยากฟังเสียง ลูกากู เล่าแบบตัวเป็นๆ คลิกเลยที่นี่นะครับ ขอบคุณที่ติดตามเสมอ 🙏❤️
#เรื่องเล่าจากโรเมลูลูกากู
#นานาเรื่องเล่ากับชิดขอบจอ
#โรเมลูลูกากู
โฆษณา