10 ก.ย. 2019 เวลา 05:23 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Crack the RNA Code :: Part 3
ไม่ใช่เรื่อง่ายเลย ที่จะอธิบายขยายความให้ท่านทั้งหลายเข้าใจได้กระจ่างอย่างลึกซึ้ง เพราะจำกัดด้วยศัพท์และภาษา ที่ต้องนำมาใช้ร่วมสมัย ให้ผู้ที่ต้องการศึกษาและค้นคว้าถึง บางอ้อได้ในยุคปัจจุบัน
ดังได้กล่าวไปในตอนที่ผ่านมาเกี่ยวกับ DNA และ RNA โดยสังเขปมาแล้ว จะเห็นได้ว่า เจ้า DNA นั้นเป็นตัวเก็บข้อมูลทางรหัสพันธุกรรม ที่ถาวร (DNA เปลี่ยนแปลงโดยตรงไม่ได้ หากมีการเปลี่ยนแปลง แค่สับรหัส ก็จะมีผลให้เกิดโรคร้าย หรือ การผิดปกติที่เรียกว่า "ผ่าเหล่า" นั่นก็เพราะว่า DNA มีระบบป้องกันตัวเอง เหมือนกับโปรแกรมที่ป้องกันMail Ware , Spum อะไรทำนองนั้น
ข้อมูล หรือรหัสทางพันธุกรรม(DNA Code) จะถูกCopy ออกมาโดย RNA แล้วแปลรหัส ส่งไปยังเซล์ล-ประสาท-ต่อมไร้ท่อ ให้เกิดพฤติกรรม การแสดงออกต่างๆ นี่เป็นหน้าที่เฉพาะของ RNA ที่จะนำเอานิวคลีโอไทด์ เข้าไปจับกับBase ของ DNA เพื่อนำข้อมูลจาก DNA แม่แบบออกมา โดยอาศัยเอ็นไซม์ของRNA polymerase
การที่ RNA จะทำงานแปรรหัส หรือ นำข้อมูลจากDNA ออกมาดังกล่าวนั้น จะเกิดขึ้นโดย "ปัจจัย หรือ คลื่นที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้น เรียกว่า "Electromagnatic" แปลแบบง่าย ภาษาชาวบ้านรู้เรื่องก็คือ "กระแสพลังแม่เหล็กไฟฟ้า" ซึ่งจะมี 2 ประเภทคือ
1. คลื่นที่เกิดขึ้นจากภายใน โดยธรรมชาติในร่างกายมนุษย์เองเรียกว่า Bio-Electromagneticity ทางพระอภิธรรมคัมภีร์พุทธ เรียกว่า "อายตนะภายใน" และ
2. คลื่นที่เกิดขึ้นจากภายนอกร่างกายมนุษย์ เช่น สนามแม่เหล็กโลก คลื่นวิทยุ รังสีต่าง ๆ เข้ามากระทบให้เรา ทางพระอภิธรรมคัมภีร์พุทธ เรียกว่า "อายตนะภายนอก" ซึ่งท่านที่เป็นชาวพุทธจะคุ้นชินในศัพท์ของ รูป เสียง กลิ่น รส สำผัส นั่นแหละ (ดูภาพตัวอย่างด้านล่าง)
แหล่งกำเหนิดคลื่นชนิดต่าง ๆ ที่มนุษย์รู้จัก และ นำมาใช้
การกระตุ้นให้ RNA ของมนุษย์ทำงานนั้น ส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายนอก ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจน ในการส่งผลของสนามแม่เหล็กโลก กับ กลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในแต่ละประเทศ หรือซีกโลก จะมีพฤติกรรมแตกต่าง หรือเสมือนกัน เช่น คนไทย ก็มีนิสัยพฤติกรรมร่าเริง ให้อภัย เหมือน ๆ กัน ผิวสี หน้าตาคล้าย ๆ กัน นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ถึงอิทธิพลของสนามแม่เหล็กโลก ที่มีผลต่อการทำงานของ RNA ของมนุษย์ (เป็นที่มาของวิชาปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ทำมาหากินมาแต่โบราณ ที่เรารู้จักกันในชื่อของ อี้จิง หรือ ฮวงจุ้ย) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์-การแพทย์ต่างยอมรับว่า "สภาพแวดล้อม สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ได้ "Environment Change People"
Kuru Rin Po Chae
ในการทดสอบ ทดลองของนักวิยาศาสตร์การแพทย์-ด้านพันธุกรรม ได้พยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมในDNA ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ที่ทำได้อย่างสูงสุดก็แค่ผสมพันธุ์สัตว์-แมลงข้ามสายพันธ์ แต่เปลี่ยนพฤติกรรม รวมทั้งอนาคตของมนุษย์ โดยการเปลี่ยนรหัสของDNAไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องการเจ็บป่วยโรคภัย เช่นมะเร็ง ฯลฯ ก็ยังรักษาไม่ได้ เข้าไม่ถึง เพราะมันผิดทิศผิดทาง แม้ปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเจริญก้าวหน้ามาก แต่ก็ไม่สามารถตัดต่อ DNA มนุษย์ได้สำเร็จสมบูรณ์
Kuru Rin Po Chae
ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ แบบเข้าใจง่ายที่สุด คือ DNA เปรียบเสมือนห้องสมุด ที่ได้จัดเรียงหนังสือ เอกสาร แต่ละเรื่อง แต่ละเล่มไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ อยู่ชั้นไหน เล่มที่เท่าไร ต้องอยู่ตรงนั้น ขยับที่ไม่ได้ ไม่งั้นจะค้นไม่เจอ (ใครทำหน้าที่บรรณารักษ์ หรือ ผู้ที่ชอบเข้าห้องสมุดจะทราบดี จะเห็นว่ามีสติ๊กเกอร์์ใส่หมายเลข+อักษร ไว้ นั่นแหละ)
การเปลี่ยนที่สับที่เอกสาร หรือหนังสือ ก็คือ การเปลี่ยนรหัสของDNA นั่นเอง เปลี่ยนที่เมื่อไร ได้เรื่องเมื่อนั้น !!
แต่สำหรับ RNA ก็เปรียบเสมือน ร้านถ่ายเอกสาร ที่อยู่ในห้องสมุด เมื่อต้องการข้อมูลไหน(รับคลื่นกระตุ้นแบบไหน) ก็หยิบเล่มนั้น(เอาข้อมูลถาวรของDNA) มาถ่ายเอกสาร(แปลรหัส) แล้วนำเอกสารต้นฉบับไปเก็บไว้ที่เดิม ดังนั้น DNA แม่แบบ(ต้นฉบับ)จึงยังคงสภาพเหมือนเดิม ไม่เสียหายหรือชำรุดใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ไม่เกิดการMutation กับ DNA ....ความแตกต่างจึงอยู่ที่ตรงนี้...
Kuru Rin Po Chae
และด้วยเหตุที่ DNA หรือรหัสพันธุกรรมที่เปลี่ยนไม่ได้ นี่แหละตรงกันกับพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ก่อนที่ฝรั่งจะค้นพบ DNA กว่า 2,000ปี มาแล้ว ว่า "กมฺมุนา วตตี โลโก....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" และ "กรรม ย่อมจำแนกสัตว์ให้แตกต่างกัน ...สัตว์ทั้งหลายย่อมมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์"
พระพุทธศาสนา ได้ถ่ายทอดวิธีที่จะคัดสรร จัดแต่งพันธุกรรม(DNA) ไว้ ปรากฏอยู่ใน"สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" ซึ่งจะหนทางเดียวเท่านั้นจะรู้ว่า จะเลือกหยิบหนังสือ หรือข้อมูลไหน จาก DNA ออกมาให้RNA ถ่ายเอกสาร(ถอดรหัส Decode) และใช้ประโยชน์จากข้อมูลนั้น คือ ไม่ต้องเป็นไปตามที่กรรมกำหนด หมายถึง ตามข้อมูลที่ถูกบันทึกถาวรไว้ในรหัสพันธุกรรม (จึงเรียกว่าอยู่เหนือกรรม=ควบคุม บังคับพันธุกรรมได้) คือสามารถที่จะสั่งการให้ เอาแต่เฉพาะสิ่งที่ "เด่น" ในด้านเป็นประโยชน์ ทางพุทธศาสนาเรียกว่า "กุศลวิบาก" ให้มาแสดงผล เมื่อไร ที่ไหน ก็ได้ ตามต้องการ
จุดสำคัญที่สุด ที่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า RNA คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นภายนอก = ผ่านเข้าสู่อายตนะภายนอก ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรเลยกับรหัสพันธุกรรม(DNA) โดย RNA จะทำหน้าที่รับสิ่งกระทบจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอะไร รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่รับมานั้น จะถูกส่งเข้าไปยัง DNA เพื่อค้นหา เปรียบเทียบข้อมูล และภาพเชิงซ้อน พร้อมกับบันทึกถาวรไว้ไม่เปลี่ยนแปลงต่อไป ตัวอย่างเช่น คนที่เปลี่ยนพฤติกรรม จาก นิสัย กลายเป็นสันดาน จะเปลี่ยนกลับคืนไม่ได้ แถมยังถ่ายทอดไปยังลูกหลาน เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอย่างดาษดื่นทั่วไป ในการบังคับใช้ ให้ RNA ทำงาน นั้นก็คือ การสร้างคลื่นกระตุ้นสั่งการ RNA ด้วย "ธรรมชาติภายในร่างกายของมนุษย์นั้นเอง" ซึ่งหมายถึงการกระตุ้นจากภายในร่างกายมนุษย์ ไม่ใช่จากอุปกรณ์ หรือ เครื่องมือที่สร้างสัญญาณ กระแสคลื่นจากภายนอก
กระแสคลื่นที่เกิดจากภายในร่างกายนี้เรียกว่า "Bio-Electromagnetic" หรือ "พลังแม่เหล็ก-ไฟฟ้าชีวภาค" (ทางอภิธรรมเรียกว่า "อายตนะภายใน") ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงเทศนาถึงเรื่องทั้งสองไว้มากมาย ไม่เพียงเท่านั้น พระองค์ยังทรงถ่ายทอดวิธีสร้าง Bio-Electromagnetic พร้อมกับวิธีใช้งานกับ RNA และภาคปฏิบัติอีกนับร้อยเรื่อง
ซึ่งพระพุทธองค์ได้มีพุทธบัญชา ให้พระสารีบุตรอรหันตเถรเจ้ารจนา วิธีปฏิบัติ-การควบคุม และใช้ ดังปรากฏในพระไตรปิฏก "คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค" อย่างละเอียด ทุกขั้นตอน
ในตอนต่อไป เราจะได้ศึกษาถึง วิธีสร้าง ควบคุม และใช้งาน Bio-Electro magnetic และนำมาใช้เปลี่ยนแปลง รหัสพันธุกรรม(DNA) ได้อย่างไร ?
::: ศึกษาข้อมูล ตั้งแต่เริ่มต้น Crack the RNA Code ตอนที่ 1 https://www.blockdit.com/articles/5d733e7b2de3e80cbec04267
โฆษณา