18 ก.ย. 2019 เวลา 07:33 • ธุรกิจ
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ลำดับที่ 8
(บทความนี้ใช้เวลาอ่าน 7-8 นาที แต่มีประโยชน์ทั้งชีวิต)
“ยังพอมีเวลา” หากเรามองย้อนกลับไป ตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ จนถึงปัจจุบัน ชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง หลายคนได้สร้างครอบครัว หรือบางคนก็ยังใช้ชีวิตโสดอยู่ตัวคนเดียว เราลองหยุดทุกอย่าง กลับไปสำรวจตัวเองสักครู่ ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำสมัย พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น สวนทางกับค่าเงินในกระเป๋าของเราซึ่งกลับลดค่าลงเรื่อยๆ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ(inflation)
หากเราเริ่มต้นตอนนี้ก็ยังจะพอมีเวลา ไม่สายเกินไปมากนัก ที่เราจะหันมาเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน“เวลา” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ (และถ้าโชคดีได้อ่านบทความนี้สมัยเด็กๆ) สมมุติว่าตอนเราอายุ15 ปี ตอนนั้นเราเป็นเด็กขยันมาก ทำงานช่วยที่บ้านและนอกบ้าน ได้เงินเก็บเดือนละ 5,000บาท เราตัดสินใจเอาเงินจำนวนนี้ ไปซื้อกองทุนพื้นฐานหุ้นธรรมดา หรือที่เรียกว่า กองทุนดัชนี (Index fund) หรือแม้กระทั่งซื้อหุ้นเลยก็ตาม แล้วเราก็ลงทุนเพิ่มทุกปี ปีละจำนวนเท่าเดิม จนครบ 10ปี โดยสมมุติได้ดอกเบี้ย ปีละ 10%
(เป็นตัวเลขประมาณการ โดยดูจากระยะเวลา 41 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 12%)
เราลงทุนโดยไม่เคยถอนออกมาเลย พออายุได้ 24ปี เราตัด
สินใจจะเก็บเงินสดไว้แต่งงาน ขอหยุดการลงทุนไว้เท่านี้
ไม่ฝากเพิ่ม แต่ก็สัญญาใจกับตัวเองว่าจะไม่ถอนออกมา
ใช้เช่นกัน เมื่ออายุครบ 60 ปีจึงจะถอนออกมาตอนเกษียณ
นอกจากนั้น เราก็มีเพื่อนอีกคน แต่เขาไม่ได้เริ่มลงทุนตั้ง
แต่เด็กเหมือนเรา เขาเริ่มลงทุนตอนอายุ 25ปี หลังจาก
เรียนจบมหาวิทยาลัยและได้งานทำ เขาลงทุนเท่ากับเราคือ
เดือนละ 5,000บาท เพื่อนคนนี้ขยัน อดออมและมีวินัยมาก
ลงทุนทุกปี จนอายุครบ 60ปี
เมื่อเราทั้งสองคนมาเจอกันตอนอายุ 60ปี เพื่อมาถอนเงินไป
ใช้ท่องเที่ยวทั่วโลกตอนเกษียณ เพื่อนเราคนนี้มั่นใจมาก
ว่าเขาจะได้เงินมากกว่าเราแน่นอน เพราะเขาลงทุนยาวนาน
กว่า(เราลงทุน 10 ปี ใช้เงินไป 50,000บาท ส่วนเพื่อนเราลง
ทุนทั้งหมด 36 ปี ด้วยเงิน 180,000บาท )
แต่เมื่อมาดูเงินที่ได้ เราเองที่ได้เงินมากกว่าเพื่อนกว่า 50%
ทั้งที่เราลงทุนไปแค่ 1/3ของเพื่อน (เราได้เงิน 2,709,677
บาท. เพื่อนได้ 1,645,00 บาท )ดูแล้วเหมือนเราจะโกงเพื่อน
หรือธนาคารคิดผิดกันแน่ คำตอบคือไม่ผิด ทั้งหมดนี้ เรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของ “ดอกเบี้ยทบต้น (compound interest)” ซึ่งสัมพันธ์กับเวลานั่นเอง
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า
“ดอกเบี้ยทบต้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ลำดับที่ 8.”
แล้วทำไม หลายคนรู้แบบนี้แล้ว ถึงยังไม่ลงทุนล่ะ? คำตอบคือเพราะ “มันน่าเบื่อ” บางคนแม้ไม่กระทั่งจะเริ่มเก็บ 5000บาทด้วยซ้ำ (คนส่วนใหญ่มักจะหาเหตุผลที่จะไม่เสี่ยงอะไรเลย ซึ่งสุดท้ายคนที่ไม่เสี่ยงอะไรเลย คือคนที่เสี่ยงที่สุด) บางคนลงทุนไปสักระยะ มักจะติดนิสัยเช็คยอดกำไรตลอดเวลา เมื่อมีอะไรผ่านเข้ามาในชีวิต ก็จะถูกสิ่งเร้าให้ถอนเงินออกไป บ้างก็เอา
ไปซื้อรถใหม่ iphone ใหม่ หรือเห็นตั๋วเครื่องบินถูกๆก็จะไปลงทุนกับทริปเที่ยวต่างๆ(ชีวิตจริงคนส่วนใหญ่มักจะซื้อของที่เขาไม่ต้องการจริงๆ บางครั้งเราซื้อของมาจนรกบ้าน บ้างก็ใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน บ้างก็ซื้อเพื่อจะทำให้คนอื่นชื่นชมว่าเรามีของแพงๆ ได้เที่ยวสถานที่คูลๆซึ่งจริงๆแล้วคนรอบตัวเรานั้นเขาไม่แคร์ไม่สนใจเลย สุดท้ายเราก็จะเป็นหนี้ หนี้ที่ทำลายความสุข ความมั่นใจ และเราก็จะกลายเป็นทาสมัน)
จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าคนไทย 88% มีเงินในบัญชีออมทรัพย์ไม่ถึง 5 หมื่นบาท มีเพียง 1% มีเงินเกิน 1 ล้านบาท มีน้อยคนนักที่จะลองเก็บเงินจนถึงปีที่ 7โดยคำนึงถึงดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งจะเริ่มเป็นปีที่เราจะเริ่มเห็นผลของการออมและการลงทุน เปรียบเทียบเหมือนก้อนหิมะที่ไหลลงจากภูเขา ช่วงแรกก็ยังไม่โต แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะโตขึ้นแล้วโตเป็นทวีคูณ ถ้าเราสามารถรักษาจิตใจให้มั่นคง กับการออมและลงทุนจนผ่านช่วงนั้นไปได้ ผลตอบแทนจะหลั่งไหล พรั่งพรูและเราก็จะกลายเป็นผู้ชนะ จากการลงทุนนั่นเอง และสุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เริ่มเก็บออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย
อ้างอิง:
1.Scott Pape.(2019) .The barefoot investor :the only money guide you’ll ever need :Ligare Book printer.pp 181-182
2.posttoday.(2017).ย้อนหลัง 15 ปีหุ้นไทยกำไรดีสุด.13 October ,2019,https://www.posttoday.com/finance-stock/stock/476423
3..Alastair Hazell.(2019).Compound Interest Formula With Examples.13 October ,2019, https://www.thecalculatorsite.com/articles/finance/compound-interest-formula.php
โฆษณา