24 ก.ย. 2019 เวลา 09:26 • หนังสือ
กินกบตัวนั้นซะ!
(Eat That Frog!)
21 วิธีหยุดการผัดวันประกันพรุ่งและทำงานให้ได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ยิ่งเฉพาะวัยรุ่นหรือวัยทำงาน จะเป็นการสอนให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการตัวเอง การจัดการเวลา บริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด และจัดลำดับความสำคัญในชีวิตว่า "อะไรสำคัญที่สุดในชีวิต ควรจัดการอะไรก่อนและอะไรทีหลัง" ตลอดเกือบ 10 วันเต็มผมได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ พร้อมลงมือปฎิบัติไปพร้อม ๆ กัน ทำให้รู้สึกว่า "มีอะไรดี ๆ หลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของเวลา" ในเกือบ 10 วันที่ผ่านมาไม่ได้ลงบทความเพราะไปสนุกกับหนังสือเล่มนี้มา เลยอยากมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้อ่านได้ฟังกันแบบละเอียดยิบกันไปเลย
ในเวลาที่คุณเจองานยาก ๆ คุณจะทำอย่างไร?
ถ้าเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณอาจเลี่ยงไปทำงานง่าย ๆ ก่อนรอให้พร้อมกว่านี้แล้วค่อยกลับมาทำ น่าเสียดายที่เราไม่เคย "พร้อม" งานยาก ๆ นั้นจึงคาราคาซัง คอยสูบพลังและทำให้เราเหนื่อยล้าเคร่งเครียดไม่รู้จักจบสิ้น = "ไบรอัน เทรซี่" เปรียบงานยาก ๆ ว่าเป็นเหมือน "กบ" ที่หลายคนเบือนหน้าหนี โดยที่ไม่รู้เลยว่าถ้า "กินกบ" ตัวนั้นเข้าไป หน้าที่การงานและชีวิตก็ดีขึ้นอย่างมหาศาล ยิ่งคุณกินกบตัวใหญ่เท่าไหร่ ชีวิตของคุณก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
แล้วกบตัวนั้นของคุณคืออะไรล่ะ รีบค้นหามันให้เจอ แล้วกินมันเข้าไปซะ!
ความสำคัญของการเลือกอย่างถูกต้อง :
คนธรรมดา ๆ ที่สร้างนิสัยในการจัดลำดับความสำคัญและลงมือทำงานสำคัญให้เสร็จอย่างรวดเร็วจึงสามารถทิ้งห่างพวกอัจฉริยะที่เอาแต่พูดและวางแผน ทว่าแทบไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยได้อย่างไม่เห็นฝุ่น
ความจริงเกี่ยวกับกบ :
หากสิ่งแรกที่คุณทำในตอนเช้าของวันคือ "การกินกบเป็น ๆ หนึ่งตัว คุณจะผ่านวันนั้นไปได้อย่างสบาย ๆ เพราะคุณรู้แล้วว่านั่นน่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับคุณในวันนั้น "กบ" ในที่นี้คือ "งานที่สำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุด
กฎข้อที่หนึ่งของการกินกบ :
ถ้าคุณจะต้องกินกบสองตัว ให้เลือกกินกบตัวที่น่าเกลียดที่สุดก่อน เพราะหากคุณมีงานสำคัญรออยู่สองอย่าง ให้เริ่มต้นจากงานที่ใหญ่ ยาก และสำคัญที่สุดก่อนจงสร้างวินัยให้ตัวเองลงมือทำทันที และเพียรพยายามทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จลุล่วง แล้วจึงค่อยหันไปทำสิ่งอื่นต่อ
กฎข้อที่สองของการกินกบ :
หากคุณต้องกินกบเป็น ๆ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนั่งจ้องมันนาน ๆ คือการฝึกจัดการกับงานชิ้นสำคัญเป็นอย่างแรกในทุกเช้าจนกลายเป็นนิสัย คุณต้องฝึก "กินกบ" จนเป็นกิจวัตรก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น และต้องกินเข้าไปโดยไม่รีรอ
ลงมือทำทันที :
การมุ่งเน้นที่การลงมือทำ เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นและชัดเจนที่สุดซึ่งจะปรากฏให้เห็นในทุกเรื่องที่พวกเขาทำ คนที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จคือ "คนที่กระโจนเข้าใส่งานสำคัญ ๆ แล้วสร้างวินัยให้ตัวเองจดจ่อกับการทำงานนั้นอย่างแน่วแน่จนกว่าจะสำเร็จลุล่วง
พัฒนานิสัยแห่งความสำเร็จ :
การทำงานสำคัญจนสำเร็จลุล่วงจะกระตุ้นสมองของคุณให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งช่วยให้คุณเกิดความรู้สึก "เบิกบานใจ" โดยธรรมชาติ สารเอ็นดอร์ฟินที่หลั่งออกหลังจากการทำงานสำคัญสำเร็จจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจ ใส่ใจ มีความคิดสร้างสรรค์และมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
ฝึกตัวเองให้เสพติดสิ่งดี ๆ :
หนึ่งในกุญแจสำคัญไปสู่การมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม มีหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ และมีความรู้สึกดีกับตัวเองก็คือ การลงมือทำงานสำคัญให้สำเร็จลุล่วงจนกลายเป็นนิสัย หากคุณทำได้ พฤติกรรมดังกล่าวจะขับเคลื่อนไปด้วยตัวมันเอง แล้วคุณจะพบว่าการทำงานสำคัญให้เสร็จสิ้นไปนั้นง่ายกว่าการปล่อยมันทิ้งไว้เฉย ๆ เสียอีก
ไม่มีทางลัด :
การฝึกซ้อมคือ "กุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะทุกอย่าง" โชคดีที่สมองของคนเราก็เหมือนกับกล้ามเนื้อ ยิ่งเราใช้มันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งและมีพลังมากขึ้นเท่านั้น หากคุณฝึกซ้อมมากพอ คุณก็ย่อมเรียนรู้พฤติกรรมหรือสร้างนิสัยใด ๆ ก็ตามที่คุณปรารถนาได้อย่างแน่นอน
คุณสมบัติสามอย่างของการสร้างนิสัยใหม่ :
การตัดสินใจ / การสร้างวินัย / ความมุ่งมั่น ก่อนอื่นจงตัดสินใจว่าจะสร้างนิสัยในการทำงานสำคัญให้เสร็จลุล่วง จากนั้นสร้างวินัยให้ตนเองฝึกฝนหลักการต่าง ๆ ที่กำลังจะได้เรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ และสุดท้ายใช้ความมุ่งมั่นผลักดันทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ จนกระทั่งนิสัยดังกล่าวฝังแน่นและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวคุณไปอย่างถาวร
นึกภาพตัวเองอย่างที่อยากเป็น :
ถ้าคุณอยากเร่งความเร็วในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ทำงานได้มากและมีประสิทธภาพกว่าเดิม คุณก็ต้องหมั่นคิดรางวัลและประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงมือทำอย่างฉับไวและแน่วแน่ ให้ลองนึกภาพตัวเองว่าเป็นคนประเภทที่ทำงานสำคัญ ๆ เสร็จอย่างรวดเร็วและยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
คุณสมบัติที่เราต้องครอบครองเพื่อเป็นผู้ชนะ คือ "การมีจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ การรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะคว้ามันมาให้ได้"
พลังแห่งการเขียนเป้าหมาย :
เป้าหมายที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนจะส่งผลต่อความคิดของคุณอย่างน่าอัศจรรย์ มันจะจูงใจและปลุกเร้าให้คุณลงมือทำ รวมถึงกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ปลดปล่อยพลัง และกำจัดการผัดวันประกันพรุ่งได้ไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย
######### เคล็ดลับ #########
1). ให้หยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาหนึ่งแผ่นเดี๋ยวนี้เลย แล้วเขียนเป้าหมายสิบอย่างที่คุณอยากทำให้สำเร็จในปีหน้า โดยเขียนให้เหมือนกับว่าเวลาหนึ่งปีได้ผ่านไปแล้ว และเป้าหมายเหล่านั้นกลายเป็นจริงแล้วในตอนนี้
เขียนประโยคให้อยู่ในรูปปัจจุบัน ใช้คำพูดในแง่บวก และใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 เพื่อให้จิตใต้สำนึกของคุณยอมรับและรับรู้ในทันที ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนว่า "ฉันได้รับเงินเดือน x ดอลลาร์ต่อปี" หรือ "ฉันมีน้ำหนัก x กิโลกรัม" หรือ "ฉันมีรถรุ่น x"
2). ทบทวนเป้าหมายทั้งสิบอย่าง แล้วเลือกมาเพียงหนึ่งอย่างที่คุณคิดว่าน่าจะส่งผลดีต่อชีวิตของคุณมากที่สุดหากทำสำเร็จ ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ให้เขียนมันลงไปบนกระดาษอีกแผ่น กำหนดเส้นตาย วางแผน ลงมือปฎิบัติตามแผนและทำอะไรบางอย่างทุก ๆ วันเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น แค่ทำแบบฝึกหัดนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้แล้ว
การวางแผน คือ "การดึงอนาคตให้มาอยู่ในปัจจุบัน คุณจึงสามารถลงมือทำบางสิ่งได้ทันที"
เพิ่มผลตอบแทนให้กับการทุ่มเทพลัง :
ทุก 1 นาทีที่คุณวางแผนจะช่วยประหยัดเวลาทำงานได้ถึง 10 นาที การวางแผนชีวิตในแต่ละวันอาจใช้เวลาแค่ 10-12 นาที แต่การลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้ถึง 2 ชั่วโมง(100-120 นาที) ที่สูญเสียไปกับความพยายามอันเปล่าประโยชน์ในวันนั้น
สองชั่วโมงที่เพิ่มมาในแต่ละวัน :
เมื่อคุณเขียนสิ่งที่ต้องทำออกมาเป็นข้อ ๆ แล้ว ก็ให้ทำตามนั้นเสมอและเมื่อมีอะไรใหม่ ๆ ปรากฎขึ้นมาให้เพิ่มเติมลงไปในรายการดังกล่าวก่อนจะลงมือทำ เพียงเท่านี้คุณก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างผลงานได้ไม่น้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์(ประมาณวันละ 2 ชั่วโมง) ยิ่งคุณใช่เวลาวางแผนแบบนี้เท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
จุดประสงค์ต่าง รายการก็ต้องต่างด้วย :
ขั้นแรก =
คุณควรทำรายการหลัก รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากทำในอนาคตเอาไว้ จงบันทึกทุกอย่างเท่าที่จะนึกได้ลงไป
ขั้นที่สอง =
คุณควรมีรายการประจำเดือน เป็นการวางแผนรายเดือน อาจจะย้ายจากรายการหลักมาก็ได้
ขั้นที่สาม =
คุณควรมีรายการประจำสัปดาห์ เป็นการวางแผนรายสัปดาห์
ขั้นสุดท้าย =
คุณควรมีรายงานประจำวัน เป็นการวางแผนรายวัน โดยย้ายงานในรายการประจำเดือนและรายการประจำสัปดาห์ไปไว้ในรายการประจำวัน
**การใช้ความคิดในช่วงสุดสัปดาห์สัก 2 ชั่วโมงเพื่อวางแผนสำหรับสัปดาห์ต่อไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเปลี่ยนชีวิตได้**
วางแผนโครงการ :
เมื่อคุณมีโครงการใด ๆ ก็ตามที่ต้องทำ เริ่มด้วยการชำแหละโครงการออกมาเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นจัดเรียงตามลำดับเวลาและความสำคัญ จากนั้นจึงค่อย ๆ ทำงานไปทีละอย่าง
######### เคล็ดลับ #########
1). เริ่มวางแผนล่วงหน้าให้กับทุกวัน ทุกสัปดาห์ และทุกเดือนตั้งแต่วันนี้ หาสมุดจดหรือกระดาษสักแผ่น(หรือจะใช้โทรศัพท์มือถือก็ไม่ว่ากัน) แล้วระบุทุกสิ่งที่คุณต้องทำใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าลงไป หากมีสิ่งใดที่เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลังก็ให้เขียนลงไปด้วย ที่สำคัญ ให้ระบุโครงการ (กลุ่มก้อนของงานขนาดใหญ่) ที่มีความสำคัญต่ออนาคตของคุณออกมาให้หมด
2). จัดเรียงเป้าหมาย โครงการ และงานตามลำดับความสำคัญ(สิ่งไหนสำคัญที่สุด) และตามลำดับเวลา(สิ่งไหนต้องทำเป็นอันดับแรก อันดับที่สอง และลำดับต่อ ๆ ไป) เริ่มต้นด้วยการคิดถึงจุดสิ้นสุด จากนั้นจึงค่อยไล่เรียงย้อนกลับไปว่าต้องทำอะไรก่อน
คิดบนกระดาษ! ทำงานไปตามรายการที่คุณสร้างขึ้นมา แล้วคุณจะทึ่งที่ได้เห็นว่า ตัวเองมีประสิทธิภาพมากขึ้นแค่ไหน และการกินกบนั้นง่ายดายขึ้นเพียงใด
"เรามีเวลามากพอเสมอ หากเราใช้มันอย่างถูกต้อง"
ปริมาณของงานกับความสำคัญของงาน :
ถ้ามีงานที่ต้องทำทั้งหมด 10 อย่าง แต่ละอย่างใช้เวลาในการทำเท่า ๆ กัน แต่จะมีงานแค่ 1-2 อย่างเท่านั้นที่เกิดประโยชน์มากกว่างานอื่น ๆ 5-10 เท่า
จดจ่อกับงานสำคัญ :
งานที่มีค่ามากที่สุดในแต่ละวันมักจะเป็นงานที่ยากและซับซ้อนที่สุด แต่การทำงานเหล่านั้นให้เสร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพก็ให้ผลตอบแทนและรางวัลที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
กระตุ้นตัวเอง :
แค่คิดที่จะเริ่มต้นและทำงานสำคัญให้เสร็จก็เพียงพอที่จะกระตุ้นและช่วยให้คุณเลิกผัดวันประกันพรุ่งได้แล้ว
######### เคล็ดลับ #########
1). เขียนเป้าหมาย กิจกรรม โครงการ และหน้าที่รับผิดชอบหลัก ๆ ในชีวิตของคุณทั้งหมดออกมาเป็นข้อ ๆ มีข้อไหนบ้างที่เป็น(หรือน่าจะเป็น) งาน 10-20 เปอร์เซ็นต์แรกที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ได้มากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์
2). ตั้งปณิธาณเสียตั้งแต่วันนี้ว่าคุณจะใช้เวลามากขึ้นเรื่อย ๆ กับสิ่งที่สามารถทำให้ชีวิตและหน้าที่การงานของคุณเปลี่ยนแปลงไปได้จริง ๆ และจะใช้เวลาน้อยลงเรื่อย ๆ กับสิ่งที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก
"บุคคลสำคัญกลายเป็นคนสำคัญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ก็เพราะพวกเขารู้จักรวบรวมพลังให้พุ่งไปในทิศทางเดียวกัน"
ตัดสินใจเรื่องเวลาให้ดีขึ้น :
ในการทำงาน การรู้แน่ชัดว่าสิ่งใดสำคัญต่อคุณในระยะยาวจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญในระยะสั้นได้ดีขึ้น
มองในระยะยาว :
คนที่ประสบความสำเร็จคือ "คนที่ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวานเพื่อให้ได้อิ่มเอมกับรางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่าในระยะยาว"
ยึดมั่นในกฎแห่งการถูกบีบให้ต้องมีประสิทธิภาพ :
เราไม่มีเวลาพอที่จะทำทุกสิ่ง แต่เรามีเวลาพอที่จะทำสิ่งที่สำคัญที่สุด พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณไม่สามารถกินลูกอ็อดหรือกบทุกตัวในบึงได้ แต่คุณเลือกกินกบตัวที่ใหญ่ที่สุดและอัปลักษณ์ที่สุดได้
เส้นตายเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง :
การวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ และเผื่อเวลาไว้พอสมควรสำหรับความล่าช้าหรือความผิดพลาดที่คาดไม่ถึง ให้บวกเวลาเพิ่มไปอีกอย่างน้อย 20% แล้วคุณทำงานให้เสร็จก่อนเส้นตายดูแล้วจะพบว่า "ตัวเองผ่อนคลายกว่าเดิมมากแค่ไหน งานออกมาก็ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่ออีกด้วย
คำถามสามข้อเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด :
คำถามที่หนึ่งคือ "อะไรคืองานที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน"
คำถามที่สองคือ "อะไรคือสิ่งที่มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้และถ้าทำออกมาได้ดีจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างแท้จริง"
คำถามที่สามคือ "อะไรคืองานที่จะเป็นการใช้เวลาของฉันอย่างคุ้มค่าที่สุดในตอนนี้"
**ยิ่งคุณตอบคำถามสามคำถามนี้ได้ถูกต้องแม่นยำมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งจัดลำดับความสำคัญ เอาชนะการผัดวันประกันพรุ่งและลงมือทำสิ่งที่เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น**
######### เคล็ดลับ #########
1). ทบทวนงานต่าง ๆ ที่คุณทำอยู่เสมอ แล้วถามตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ว่า "อะไรที่หากฉันทำได้อย่างยอดเยี่ยมและทันเวลาจะก่อให้เกิดผลกระทบในแง่บวกมากที่สุดต่อหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวของฉัน"
2). กำหนดให้ได้ว่าในแต่ชั่วดมงของทุก ๆ วัน อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรจะทำ จากนั้นจึงสร้างวินัยให้ตัวเองทำงานที่เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด แล้วตอนนี้คุณรู้หรือยังว่ามันคืออะไร
ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรก็ตามที่มีประโยชน์ต่อคุณมากที่สุด จงตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำตามแผนทันที จดจำคำกล่าวของเกอเธ่ที่ว่า "จงเริ่มต้นคิด แล้วความคิดจะไหลลื่น จงลงมือทำ แล้วงานนั้นจะเสร็จลุล่วง"
1
"หาเวลาทำงานใหญ่ให้เสร็จทุกวัน วางแผนงานที่ต้องทำในแต่ละวันล่วงหน้า แยกงานไม่กี่ชิ้นที่ต้องทำให้เสร็จทันทีในตอนเช้าออกมา เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงตรงดิ่งไปยังงานใหญ่และทำมันให้เสร็จ"
สำคัญมากกับสำคัญน้อย :
คุณต้องแบ่งเวลาและทำสิ่งที่สำคัญมากให้เสร็จเร็วที่สุด ส่วนสิ่งที่สำคัญน้อยก็คืองานที่คุณควรทำให้น้อยเข้าไว้และทำในภายหลัง แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดคือ "ไม่ต้องทำมันเลย!"
ผัดวันประกันพรุ่งอย่างตั้งใจ :
หน้าที่ของคุณคือ กางจงใจผัดผ่อนงานที่ไม่ค่อยสำคัญออกไปก่อน เพื่อให้เหลือเวลาสำหรับงานสำคัญ ๆ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับชีวิตและหน้าที่การงานของคุณ
อย่าให้ความสำคัญกับงานที่สิ้นเปลืองเวลา :
หมั่นทบทวนชีวิตและการทำงานของคุณอยู่เสมอ แล้วคุณจะมองออกว่างานไหนสิ้นเปลืองเวลา งานไหนที่สามารถเลิกทำไปได้เลย
######### เคล็ดลับ #########
1). ฝึกคิดแบบย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นในทุก ๆ ด้านของชีวิต โดยถามตัวเองว่า "พิจารณาจากสิ่งที่ฉันรู้ในปัจจุบัน สมมุติว่าฉันไม่ได้ทำงานชิ้นนี้อยู่ ฉันจะเริ่มต้นทำมันในวันนี้หรือไม่" ถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณจะไม่เริ่มต้นทำอีก นั่นหมายความว่ามันเป็นงานที่คุณควรกำจัดทิ้งไป หรือไม่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์
2). ลองตรวจสอบกิจกรรมแต่ละอย่างที่คุณทำทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน แล้วประเมินค่าของมันโดยอ้างอิงจากสถานการณ์ในปัจจุบัน จากนั้นให้เลือกกิจกรรมออกมาอย่างน้อย 1 อย่างแล้วกำจัดทิ้งทันที หรือไม่ก็เลื่อนออกไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่สำคัญกว่าเสียก่อน
กฎข้อแรกสู่ความสำเร็จคือ "การจดจ่อ" ซึ่งก็คือการส่งพลังทั้งหมดไปไว้ที่จุดเดียว แล้วพุ่งเข้าหาจุดนั้นโดยไม่ละสายตาไปทางขวาหรือซ้าย
คิดบนกระดาษ :
ให้คุณระบุทุกสิ่งที่คุณต้องทำในวันรุ่งขึ้นออกมาเป็นข้อ ๆ โดยถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในหัวลงสู่กระดาษทั้งหมด จากนั้นให้ใส่ตัวอักษร A,B,C,D และ Eลงไปข้างท้ายแต่ละข้อที่คุณเขียนไว้ "A" คืองานสำคัญสุด ๆ เป็นงานที่ "คุณต้องทำ" ถ้าคุณมีงานในกลุ่ม A มากกว่าหนึ่งอย่าง ให้จัดลำดับความสำคัญโดยเขียน "A-1" ,"A-2" ,"A-3" ลงไปข้างหน้าแต่ละข้อ
"งานที่ควรทำ" ปะทะ "งานที่ต้องทำ" :
งานกลุ่ม "B" เป็นงานที่ "คุณควรทำ" เพราะมันจะส่งผลกระทบในแง่บวกหรือลบพอสมควร
งานกลุ่ม "C" เป็นงานที่ "ถ้าได้ทำก็น่าจะดี" แต่ไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำก็ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด
งานกลุ่ม "D" เป็นงานที่ "มอบหมายให้คนอื่นทำแทนได้" กฎมีอยู่ว่า คุณควรมอบหมายงานทุกอย่างที่คนอื่นสามารถทำแทนได้ออกไปให้หมด
งานกลุ่ม "E" เป็นงานที่ "คุณกำจัดทิ้งไปได้โดยไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างใด ๆ เลย" มันอาจเป็นงานที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสำคัญ แต่ตอนนี้ไม่ได้สำคัญสำหรับคุณหรือคนอื่น ๆ อีกต่อไป
ลงมือทำเดี๋ยวนี้ :
คุณต้องฝึกวินัยให้ตัวเองเริ่มทำงาน A-1 ทันที และทำอย่างไม่ลดละจนกว่าจะเสร็จ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ "ความมุ่งมั่นตั้งใจ"
######### เคล็ดลับ #########
1). ระบุสิ่งที่คุณต้องทำออกมาเป็นข้อ ๆ แล้วใส่ตัวอักษร A ,B ,C ,D หรือ E ไว้ข้างท้าย เลือกงานหรือโครงการที่มีความสำคัญระดับ A-1 แล้วเริ่มลงมือทำทันที จงฝึกวินัยให้ตัวเองไม่วอกแวกไปกับงานอื่นจนกว่าที่ทำอยู่จะเสร็จสมบูรณ์
2). ตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้า ให้นำเทคนิค ABCDE ไปใช้กับงานและโครงการทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มลงมือทำจริง ๆ หากทำได้อย่างต่อเนื่อง คุณจะพบว่าตัวเองได้สร้างนิสัยการจัดลำดับความสำคัญและลงมือจัดการกับงานสำคัญที่สุดก่อน เพียงเท่านี้คุณก็กุมอนาคตตัวเองไว้ในกำมือแล้ว
"เมื่อพลังกายและพลังใจมุ่งตรงไปยังจุดเดียว พลังการแก้ปัญหาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล"
1
หน้าที่หลักเจ็ดอย่างของการบริหารและการขาย :
การวางแผน ,การวางระบบ ,การสรรหาบุคลากร ,การมอบหมาย ,การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ,การวัดผล และการรายงานผล นี่คืองานทั้งเจ็ดด้านที่ผู้จัดการทุกคนต้องสร้างผลลัพธ์ให้เป็นที่ประจักษ์ จึงจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้
ความกระจ่างชัดคือสิ่งจำเป็น :
ระบุหน้าที่หลักในงานของคุณออกมา และทำให้แน่ใจว่าคนที่อยู่ในระดับสูงกว่าคุณ ,ระดับเดียวกับคุณ และระดับต่ำกว่าคุณล้วนเห็นพ้องไปกับคุณด้วย
ให้คะแนนตัวเอง :
ทันทีที่คุณระบุหน้าที่หลักออกมาแล้ว ต่อไปก็คือการให้คะแนนตัวเองจาก 1-10 เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ อะไรที่คุณทำได้อย่างยอดเยี่ยมและอะไรที่คุณทำได้ไม่ดีนัก
ความด้อยประสิทธิภาพนำไปสู่การผัดวันประกันพรุ่ง :
ทุกคนล้วนมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน อย่าอ้างเหตุผล หาข้อแก้ตัว หรือปกป้องจุดอ่อนของตัวเอง แต่ให้ระบุมันออกมาอย่างชัดเจน
คำถามสำคัญ :
"ถ้ามีทักษะหนึ่งอย่างที่เมื่อฉันพัฒนาจนเชี่ยวชาญแล้ว จะส่งผลกระทบในแง่บวกต่ออาชีพการงานมากที่สุด ทักษะนั้นน่าจะเป็นอะไร?" ถามกับตัวเองแล้วตอบคำถามนี้ออกมาให้ได้ เพราะทักษะการทำงานทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ "ขอเพียงคุณเลือกที่จะทำ!"
1
######### เคล็ดลับ #########
1). ระบุหน้าที่หลักในงานของคุณออกมา อะไรคือสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้อย่างยอดเยี่ยมเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด จากนั้นจึงให้คะแนนตัวเองจาก 1-10 ในแต่ละด้าน แล้วกำหนดทักษะสำคัญหนึ่งอย่างที่ถ้าหากคุณทำได้ดีเยี่ยมจะส่งผลต่องานของคุณมากที่สุด
2). นำผลลัพธ์ที่ได้จากข้อ 1 ไปปรึกษากับเจ้านาย เปิดใจรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา อย่าลืมว่าคุณจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณรับฟังความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์จากทุกคนที่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็ไปหารือกับเพื่อนร่วมงานและลูกน้องของคุณต่อ แล้วจึงค่อยไปพูดคุยกับคู่ครองของคุณ
จงวิเคราะห์ตัวเองตามแนวทางนี้จนเป็นนิสัยไปตลอดชีวิตการทำงานของคุณเลย อย่าหยุดพัฒนาตนเอง แค่การทำเช่นนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้แล้ว
"ทำสิ่งที่คุณทำได้ ด้วยสิ่งที่คุณมี จากจุดที่คุณอยู่"
ทำงานอย่างเดียวตลอดทั้งวัน :
ถ้าในวันหนึ่ง "คุณเลือกทำงานได้เพียงอย่างเดียว งานไหนที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตคุณมากที่สุด" ตั้งเป้าหมายเสร็จแล้ว ให้ลงมือทำอย่างจดจ่อเพียงอย่างเดียว
ลงมือทำทันที :
ทันทีที่ตั้งเป้าหมายเสร็จสิ้น สิ่งที่ต้องทำขั้นต่อไปคือ "การลงมือทำ ทำทันที ไม่รีรอ"
พลิกชีวิตคุณ :
หากคุณต้องการเพิ่มค่าตอบแทน คุณก็จำเป็นต้องเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งที่คุณทำ คุณต้องอุทิศตัวเพื่อทำประโยชน์ให้มากขึ้น
วิธีระดมความคิดแบบด่วนจี๋ :
⛔7 คำถามสำหรับการใช้ชีวิต⛔
1). อะไรคือเป้าหมายด้านธุรกิจหรือหน้าที่การงานที่สำคัญที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
2). อะไรคือเป้าหมายด้านครอบครัวและความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
3). อะไรคือเป้าหมายด้านการเงินที่สำคัญที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
4). อะไรคือเป้าหมายด้านสุขภาพที่สำคัญที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
5). อะไรคือเป้าหมายด้านการพัฒนาตนเองหรือการพัฒนาอาชีพที่สำคัญที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
6). อะไรคือเป้าหมายด้านสังคมและชุมชนที่สำคัญที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
7). อะไรคือปัญหาหรือความกังวลที่หนักอกที่สุด 3 อย่างในชีวิตของคุณตอนนี้
**เมื่อคุณบังคับตัวเองให้ตอบคำถามเหล่านี้ภายใน 30 วินาที คุณจะรู้สึกทึ่งกับคำตอบที่ออกมา ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไรก็ตาม มันจะเผยให้เห็นถึงสถานการณ์ของคุณในตอนนั้นได้อย่างแม่นยำ**
การบริหารเวลาคือหนทางสู่เป้าหมาย :
คุณจะได้มีเวลา "เห็นหน้าค่าตา" คนที่คุณห่วงใย ได้ใช้เวลาร่วมกันทำสิ่งต่าง ๆ ที่สร้างความสุขให้กับชีวิตมากที่สุด
ทำงานตลอดเวลาที่คุณทำงาน :
เพื่อทำให้ชีวิตมีความสมดุล คุณควรตั้งใจทำงานตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ จงก้มหน้าก้มตาทำงาน เริ่มงานเร็วขึ้นอีกนิด เลิกงานช้าลงอีกหน่อย และทำงานหนักขึ้นพอหอมปากหอมคอ อย่าผลาญเวลาทิ้งไปเล่น ๆ!!!
รักษาสมดุลไว้ให้ได้ :
"ทางสายกลางคือแก่นของทุกสิ่ง" คุณต้องสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวให้ได้
######### เคล็ดลับ #########
1). ในบรรดางานที่คุณยอมทำงานทั้งหมด ให้ระบุงานสำคัญที่สุดออกมาสามอย่าง โดยถามตัวเองว่า "ถ้าในหนึ่งวันฉันเลือกทำงานได้เพียงอย่างเดียว งานไหนที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงานของฉันมากที่สุด" แล้วทำแบบนี้ซ้ำอีกสองครัั้ง เมื่อระบุงานสำคัญที่สุดสามอย่างออกมาได้แล้ว ก็จงตั้งใจทำให้เต็มที่ไปตลอดทั้งวัน
2). กำหนดเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในแต่ละด้านของชีวิตออกมาสามอย่าง จากนั้นเรียงลำดับตามความสำคัญ วางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นและลงมือทำตามแผนทุกวัน แล้วคุณจะต้องทึ่งในสิ่งที่ตัวเองจะทำสำเร็จในอีกไม่กี่เดือนหรือกี่ปีข้างหน้า
"ไม่ว่าขีดความสามารถของคุณจะอยู่ในระดับไหน คุณมีศักยภาพซ่อนอยู่ในตัวมากกว่าจะใช้ได้หมดในชาตินี้"
สร้างพื้นที่ทำงานที่สะดวกสบาย :
คนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจะใช้เวลาไปกับการสร้างพื้นที่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกดีเวลาทำงาน ยิ่งพื้นที่ทำงานสะอาดและเป็นระเบียบก่อนเริ่มงานมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเริ่มต้นและทำไปจนเสร็จได้ง่ายเท่านั้น
เดินหน้าไปสู่ความฝันของคุณ :
เมื่อเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ "การเดินหน้าไปสู่เป้าหมายของคุณทันที" เริ่มเลยครับ เริ่มทำสิ่งแรกได้เลย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม "ทำให้ถูกต้องสัก 80% ก่อนแล้วค่อยตามไปแก้ส่วนที่เหลือ"
เริ่มย่างเท้าออกไป :
ให้ใช้ภาษากายของผู้ชนะ เริ่มจากนั่งหลังตรง พยายามนั่งเขยิบค่อนมาข้างหน้า และไม่พิงพนัก ทำตัวให้เหมือนกับว่าคุณเป็นคนที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ แล้วเริ่มลุยงานกันได้เลย!
######### เคล็ดลับ #########
1). สำรวจโต๊ะทำงานทั้งที่บ้านและที่ทำงานให้ถ้วนถี่ ถามตัวเองว่า "คนประเภทไหนกันที่จะทำงานท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้" จำไว้ว่า ยิ่งสภาพแวดล้อมในการทำงานของคุณสะอาดและเป็นระเบียบมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมองโลกในแง่บวก มั่นใจ และรู้สึกว่าตัวเองมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
2). ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเก็บกวาดโต๊ะและพื้นที่ทำงานของคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าตัวเองมีประสิทธิภาพมากขึ้นและพร้อมที่จะลุยงานทุกครั้งที่นั่งลงประจำตำแหน่ง
"บุคคลที่มีความสามารถปานกลางจะประสบความสำเร็จมากขึ้นได้ หากทุ่มเททำงานทีละอย่างโดยไม่ย่อท้อ"
ข้ามทะเลทรายอันกว้างใหญ่ :
สิ่งที่เราต้องทำก็มีเพียงแค่มองหาถังน้ำมันถังต่อไป ผลก็คือ "เราสามารถข้ามทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ เพียงแค่จับตามองถังน้ำมันทีละถัง" เท่านั้นเอง เปรียบเหมือนการตั้งเป้าหมายไว้ใหญ่ วิธีที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นได้คือ "ทำทีละขั้นตอนที่เราวางแผนไว้ในแต่วันไปเรื่อย ๆ" เพียงเท่านี้เราก็จะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้
ทำทีละขั้นตอน :
คุณสามารถทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตให้สำเร็จได้ด้วยการฝึกตัวเองให้ทำไปทีละขั้นตอน
######### เคล็ดลับ #########
1). เลือกเป้าหมาย งาน หรือโครงการที่คุณผัดผ่อนมานาน และระบุขั้นตอนที่คุณจำเป็นต้องทำเพื่อให้งานนั้นเสร็จลุล่วงออกมาให้หมด
2). เริ่มทำไปทีละขั้นตอนทันที แค่นั่งลงและทำขั้นตอนหนึ่งให้เสร็จ จากนั้นจึงค่อยทำขั้นตอนต่อ ๆ ไป แล้วคุณจะต้องทึ่งกับสิ่งที่ตัวเองทำสำเร็จในท้ายที่สุด
วิธีเดียวที่รับประกันความสำเร็จคือ การให้บริการที่มากและดีเกินกว่าที่คนอื่นคาดหวังไว้ ไม่ว่าสิ่งที่คุณทำอยู่จะเป็นอะไรก็ตาม"
อย่าหยุดเรียนรู้ :
การพัฒนาตนเองทั้งในด้าน การทำงานและชีวิตส่วนตัวเป็นวิธีประหยัดเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด
สามขั้นตอนสู่ความชำนาญ :
ขั้นที่หนึ่ง =
อ่านเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสาขาอาชีพของคุณอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง
ขั้นที่สอง =
สมัครเข้าเรียนในทุกหลักสูตรฝึกอบรมและทุกงานสัมมนาเกี่ยวกับทักษะที่สำคัญสำหรับคุณ
ขั้นที่สาม =
ฟังซีดีให้ความรู้ขณะขับรถ(Audio Book)
######### เคล็ดลับ #########
1). ระบุทักษะสำคัญ ๆ ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้ดีและเร็วขึ้น บ่งชี้ความสามารถหลักที่คุณจำเป็นต้องมีเพื่อความก้าวหน้าในสาขาอาชีพของคุณ ไม่ว่าทักษะและความสามารถหลักนั้นจะเป็นอะไร ให้ตั้งเป้าหมาย วางแผน และเริ่มพัฒนาตั้งแต่วันนี้เลย จงตั้งมั่นว่าจะทำสิ่งที่คุณทำให้ยอดเยี่ยมที่สุด!
2). วางแผนเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมที่จะทำงานที่สำคัญที่สุดให้ได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ความสำคัญกับด้านที่คุณถนัดเป็นพิเศษและชอบมากที่สุด นี่คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณออกมา
"จดจ่อความคิดทั้งหมดไปที่ภารกิจตรงหน้า ดวงอาทิตย์ไม่อาจแผดเผาสิ่งใดให้ลุกไหม้ได้ หากไม่รวมลำแสงไว้ที่จุดเดียว"
ระบุข้อจำกัด :
การระบุข้อจำกัดใด ๆ ก็ตามได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งให้ความสนใจกับมันอย่างจริงจัง จะช่วยให้เกิดความคืบหน้าได้มากกว่า(ในเวลาที่สั้นลง) เมื่อเทียบกับการทำกิจกรรมอื่น ๆ
ประยุกต์ใช้กฎ 80/20 กับข้อจำกัด :
โดย 80% ของข้อจำกัดที่ฉุดรั้งคุณไม่ให้บรรลุเป้าหมายล้วนเกิดจากภายใน มันแฝงอยู่ในตัวคุณ... ซึ่งอาจแอบซ่อนอยู่ในคุณสมบัติ ความสามารถ นิสัย วินัย หรือศักยภาพของคุณ มีข้อจำกัดเพียง 20% เท่านั้นที่มาจากภายนอก ไม่ได้แฝงอยู่ในตัวคุณหรือองค์กรของคุณ โดยอาจอยู่ในรูปของการแข่งขัน ตลาด รัฐบาล หรือองค์กรอื่น ๆ
สำรวจตัวคุณเอง :
3
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "มีสิ่งใดในตัวฉันที่ฉุดรั้งฉันไว้" ยืดอกรับผิดชอบชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ และสำรวจตัวเองเพื่อค้นหาสาเหตุและทางออกของปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่
มุ่งเน้นที่ความถูกต้อง :
การระบุข้อจำกัดจะกำหนดวิธีแก้ไขปัญหา แต่ถ้าคุณมองข้ามข้อจำกัดที่แท้จริงหรือระบุผิดไป คุณอาจถูกชักนำไปในทิศทางที่ผิด แล้วลงเอยด้วยการแก้ปัญหาในส่วนที่ไม่เป็นปัญหาเลยก็ได้
######### เคล็ดลับ #########
1). ระบุเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตออกมา มันคืออะไร เป้าหมายใดที่จะส่งผลดีต่อชีวิตของคุณมากที่สุดหากคุณทำได้สำเร็จ ความสำเร็จใดที่จะส่งผลในแง่บวกต่อชีวิตการทำงานของคุณมากที่สุด
2). ระบุข้อจำกัด(ทั้งภายในและภายนอก) ที่เป็นตัวกำหนดว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายได้เร็วหรือช้าแค่ไหน ตั้งคำถามว่า "ทำไมฉันยังไปไม่ถึงเป้าหมายเสียที อะไรในตัวฉันที่คอยฉุดรั้งฉันไว้" ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร ให้ลงมือจัดการกับมันทันที ทำอะไรสักอย่าง อะไรก็ได้ ขอแค่เริ่มทำเดี๋ยวนี้เลย
รากฐานสำคัญของความสำเร็จคือ การใช้พลังกายและพลังสมองแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เหนื่อยล้า"
แสดงบทบาทของผู้นำ :
จงมองตัวเองในฐานะบุคคลต้นแบบของผู้อื่น ตั้งมาตรฐานให้สูงเข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือพฤติกรรมก็ตาม จงตั้งมาตรฐานให้สูงกว่ามาตรฐานที่คนอื่นจะตั้งให้คุณ
สร้างเส้นตายในจินตนาการขึ้นมา :
"ทำราวกับว่าคุณมีเวลาแค่วันเดียวในการทำงานชิ้นสำคัญที่สุดให้เสร็จ"
######### เคล็ดลับ #########
1). กำหนดเส้นตายและเส้นตายย่อยให้งานทุกชิ้นและกิจกรรมทุกอย่าง สร้าง "ระบบบังคับตัวเอง" ขึ้นมา ตั้งรากฐานให้สูงเข้าไว้และอย่าผ่อนปรน เมื่อคุณกำหนดเส้นตายขึ้นมาแล้ว จงยึดตามกรอบเวลาดังกล่าวและทำให้เสร็จ
2). ก่อนจะเริ่มทำงานหรือโครงการสำคัญ ๆ ให้เขียนทุกขั้นตอนที่ต้องทำลงในกระดาษ กำหนดระยะเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละขั้นตอน แล้วพยายามทำให้เสร็จก่อนเส้นตายที่คุณตั้งไว้ ทำให้มันเป็นเหมือนเกมที่คุณจะต้องเอาชนะให้ได้!
"มนุษย์เราจะได้ลิ้มรสความหฤหรรษ์สูงสุด เมื่อได้เพลิดเพลินไปกับการผจญภัยที่ท้าทาย การคว้าชัยชนะ และการกระทำที่สร้างสรรค์"
ควบคุมการสนทนาในหัวคุณ :
ระดับความภูมิใจในตัวเอง(คุณชอบและนับถือตัวเองมากแค่ไหน) เชื่อมโยงโดยตรงกับระดับแรงจูงใจและความเพียรพยายามของคุณ คุณควรพูดกับตัวเองในแง่บวกตลอดเวลาเพื่อช่วยให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
พัฒนาทัศนคติในแง่บวก :
คนที่มองโลกในแง่ดีจะมีพฤติกรรมพิเศษทั้งหมด 4 อย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เรียนรู้มาจากการฝึกฝนและการทำซ้ำ ๆ
อย่างที่หนึ่ง =
พวกเขามองหาแง่มุมดี ๆ ในทุกสถานการณ์
อย่างที่สอง =
คนที่มองโลกในแง่ดีมองหาบทเรียนล้ำค่าจากทุก ๆ ปัญหาหรือความล้มเหลว
อย่างที่สาม =
มองหาทางออกของทุก ๆ ปัญหา แทนที่จะพร่ำบ่นหรือโยนความผิดเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปดังหวัง พวกเขามุ่งเน้นการลงมือทำ
อย่างที่สี่ =
คิดและพูดถึงเป้าหมายของตัวเองอยู่เสมอ
######### เคล็ดลับ #########
1). ควบคุมความคิดของตัวเอง จำไว้ว่าคุณคิดอย่างไร คุณก็มักจะได้อย่างนั้นเสมอ จงแน่ใจว่าคุณคิดและพูดถึงสิ่งที่อยากได้มากกว่าสิ่งที่ไม่ต้องการ
2). ทำให้มีแต่เรื่องในแง่บวกอยู่ในหัวด้วยการยืดอกรับผิดชอบตัวคุณเองและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ อย่าวิพากษ์วิจารย์ พร่ำบ่น หรือโทษคนอื่น ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะสร้างความก้าวหน้าแทนที่จะเอาแต่แก้ตัว จดจ่อความคิดและทุ่มเทพลังงานไปข้างหน้า... ไปยังสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น
"ชีวิตยังมีอะไรมากไปกว่าการใช้มันอย่างเร่งรีบไปวัน ๆ"
คุณมีทางเลือก :
กุญแจสำคัญคือ "การควบคุมเทคโนโลยี ไม่ใช่ปล่อยให้มันควบคุมคุณเสียเอง"
อย่าทำให้มันติดเป็นนิสัย :
อย่าให้เทคโนโลยีมาครอบงำจิตใจคุณ จนตัวคุณตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่รู้กาลเทศะ หรือมิตรภาพอันดีงามระหว่างเพื่อนมนุษย์
เอาเวลาของคุณกลับคืนมา :
ใช้กฏ 80/20 แล้วคุณจะได้เวลาของคุณคืนมาทั้งหมด
ปฎิเสธที่จะตกเป็นทาส :
เลิกผูกติดกับเทคโนโลยี แล้วหันมาให้ความสนใจกับงานที่สำคัญต่อตัวเขาและชีวิตของเขาจริง ๆ ซะ!
เดี๋ยวก็มีคนบอกคุณเอง :
ถ้าข้อมูลอะไรก็ตามที่มันสำคัญจริง ๆ ต่อให้คุณเลิกใช้เทคโนโลยีไปแล้ว จะมีใครบางคนมาบอกเรื่องนั้นกับตัวคุณเอง
######### เคล็ดลับ #########
1). ในแต่ละวัน ให้สร้างพื้นที่แห่งความเงียบขึ้นมา ปิดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงในช่วงเช้าและอีกหนึ่งชั่วโมงในช่วงบ่าย แล้วคุณจะต้องทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น... เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!
2). ในแต่ละสัปดาห์ ให้ตั้งปณิธานว่าจะไม่แตะเทคโนโลยีใด ๆ เป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม เมื่อวันนั้นสิ้นสุดลง จิตใจของคุณจะสงบและปลอดโปร่ง และเมื่อคุณมีเวลาชาร์จแบตเตอรี่ทางความคิด คุณก็จะกินกบได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
"เทคโนโลยีเป็นเพียงแค่เครื่องมือ"
ควบคุมการสื่อสารของคุณ :
จัดพื้นที่ทำงานในโลกดิจิตอลโดยใช้หลักการเดียวกับโต๊ะทำงานของคุณ ปิดหน้าต่างโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต่องานที่กำลังทำอยู่ บล็อกเว็บไซต์ที่ทำให้คุณวอกแวกมากที่สุด และโฟกัสงานที่ทำอยู่เพียงอย่างเดียว
แต่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินล่ะ :
จงแยกช่องทางติดต่อเพื่อให้มีเพียงกบตัวสำคัญเท่านั้นที่สามารถกระโดดเข้ามาอยู่ในปราสาทแห่งการจดจ่อของคุณได้
ควบคุมเวลาของคุณ :
ปฎิทินนัดหมายเป็นทาสรับใช้ที่ยอดเยี่ยมแต่เป็นเจ้านายที่ยอดแย่ อย่าเพิ่งตอบรับคำเชิญใด ๆ ก็ตามที่ถูกส่งมาทางอุปกรณ์ดิจิตอล แต่ควรถามตัวเองก่อนว่าคำเชิญนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณจัดลำดับความสำคัญไว้หรือไม่
ใช้เทคโนโลยีมาควบคุมอารมณ์ของคุณ :
อย่ายอมให้เทคโนโลยีมาฉุดรั้งคุณไว้เด็ดขาด เพราะจริง ๆ แล้วคุณสามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่าง ถ้าเคยมีคนเรียนรู้สิ่งนั้นมาก่อน คุณก็ย่อมเรียนรู้มันได้เช่นกัน
######### เคล็ดลับ #########
1). ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ตั้งแต่วันนี้ว่าจะปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด ยกเว้นช่องทางติดต่อฉุกเฉินเท่านั้น อย่าลืมสร้างพื้นที่พิเศษในโลกดิจิตอลให้กับงานที่สำคัญที่สุด
2). ตัดสินใจที่จะมองหาและติดตั้งโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและจดจ่อได้ดีขึ้น
ทั้งชีวิตคือ "การตามรอยความสนใจ ความสนใจของคุณอยู่ที่ไหน ชีวิตของคุณก็ตามไปอยู่ที่นั่น"
ทำให้รู้สึกเสพติด :
เมื่อคุณทำอะไรเป็นประจำบ่อย ๆ ทุกวันแล้ว จนรู้สึกว่าต้องทำอยู่ตลอด สมองจะหลั่งสารโดพามีนออกมาในปริมาณเล็กน้อย เพื่อจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและทำให้คุณตอบสนองทันทีกับพฤติกรรมการกระทำแบบเดิม ๆ
ภาพลวงตาของการทำหลายอย่างพร้อม ๆ กัน :
ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ๆ เราสามารถจดจ่อได้กับสิ่งเดียวเท่านั้น เราไม่สามารถทำอะไรหลายอย่างภายในระยะเวลาเดียวกันได้ จริง ๆ แล้วสิ่งที่เราทำพร้อมกันมันเป็นแค่ "การสับเปลี่ยนงาน"
วิธีแก้ปัญหาที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว :
ขั้นแรก =
อย่าเช็คอีเมลล์ในตอนเช้า เพื่อเลี่ยงการเสพติดพฤติกรรมเดิม ๆ ของสารโดพามีน
ขั้นสอง =
ถ้าจำเป็นต้องเช็คอีเมลล์ก็ให้ทำอย่างรวดเร็วแล้วกลับไปทำงานต่อ
ขั้นสาม =
ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเช็คอีเมลล์แค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น เวลาอยู่ที่เรากำหนดเอง
เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเป็นสองเท่า :
ขั้นแรก =
วางแผนงานของแต่ละวันไว้ล่วงหน้า
ขั้นสอง =
ทำงานต่อเนื่อง 90 นาที พักสั้น ๆ 15 นาที
ขั้นสาม =
กลับไปทำงานอีกครั้ง 90 นาที
**ทำงานจนครบ 3 ชม. ติดต่อกันทุกวัน หลังจากนั้นคุณก็สามารถหลั่งสารโดพามีนเป็นรางวัลกับตัวเองได้แล้วเรียบร้อย แล้วต่อจากนี้จะเป็นพฤติกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ**
######### เคล็ดลับ #########
1). ตั้งเป้าหมายไว้ที่ความสำเร็จและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนจะทำอะไรให้ถามตัวเองว่า "สิ่งนี้ช่วยให้ฉันบรรลุหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่สุดหรือไม่ หรือมันเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้ฉันวอกแวกและออกนอกลู่นอกทาง"
2). อย่าตกเป็นทาสเสียงแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่ทำให้คุณหันเหความสนใจจากงานสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างในชีวิตคุณได้อย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายทำให้คุณเสียสมาธิ
จุดเริ่มต้นของนิสัยก็เหมือนกับปลายเส้นด้ายที่มองไม่เห็น ยิ่งเราทำบางสิ่งซ้ำ ๆ มากเท่าไหร่ ด้ายก็ยิ่งพันทบกัน จนกลายเป็นเกลียวเชือกที่มัดตรึงเราไว้อย่างแน่นหนามากเท่านั้น และเชือกเส้นดังกล่าวก็คือ "ความคิดและการกระทำของเรานั่นเอง"
สร้างความกระหายที่จะทำงานให้เสร็จ :
คุณมีความกระหายที่จะทำงานให้เสร็จซ่อนอยู่ในจิตใจ คุณจะรู้สึกและมีพลังมากขึ้นเมื่อคุณเริ่มต้นทำงานชิ้นหนึ่งและทำต่อไปจนเสร็จ
"สร้างรูพรุนแบบเนยแข็ง" ให้งานของคุณ :
เมื่อคุณเริ่มต้นแล้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงแรงเหวี่ยงและความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ คุณจะกระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยมและขับเคลื่อนตัวเองให้ทำงานต่อไปจนกว่าจะเสร็จ
######### เคล็ดลับ #########
1). นำเทคนิค "แล่แฮม" หรือ "สร้างรูพรุนแบบเนยแข็ง" ไปใช้ทันที เพื่อเริ่มจัดการกับงานขนาดใหญ่ซับซ้อน และมีงานเล็กงานน้อยซ่อนอยู่ข้างใน ซึ่งคุณผัดผ่อนมาโดยตลอด
2). จงมุ่งเน้นที่การกระทำ คุณสมบัติที่พบได้ในคนที่มีประสิทธิภาพสูงคือ เมื่อได้ยินแนวคิดดี ๆ ผ่านเข้ามา พวกเขาจะลงมือทำทันที อย่ามัวแต่ลอยชาย ลองทำวันนี้เลย!
"ไม่มีอะไรจะเติมพลังให้ชีวิตได้มากไปกว่าการรวบรวมพลังทั้งหมด แล้วทุ่มเทให้กับเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว"
กำหนดช่วงเวลาไว้ล่วงหน้า :
กุญแจสำคัญของวิธีนี้คือ "การวางแผนแต่ละวันไว้ล่วงหน้า และกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนไว้สำหรับกิจกรรมหรืองานที่คุณจะทำ จงนัดหมายกับตัวเองและฝึกวินัยให้ตัวเองทำตามที่นัดหมายไว้อย่างต่อเนื่อง
ใช้ตารางเวลา :
เพราะคุณจะมองเห็นว่าสามารถรวบช่วงเวลาใดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างช่วงเวลาที่นานขึ้นสำหรับงานสำคัญที่ต้องการสมาธิ
ใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า :
กุญแจสำคัญของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพคือ "การใส่ใจกับเวลาทุก ๆ นาที" จงใช้ช่วงเวลาระหว่างเดินทางหรือรออะไรต่าง ๆ เพื่อทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้สำเร็จลุล่วง
######### เคล็ดลับ #########
1). คิดหาวิธีต่าง ๆ ในการประหยัดเวลา จัดสรรเวลาและสร้างช่วงเวลาขนาดใหญ่ขึ้นมา จงใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ทำงานสำคัญ ๆ ที่ส่งผลกระทบในแง่บวกมากที่สุด
2). ใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า วางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่วอกแวกหรือออกนอกลู่นอกทาง ที่สำคัญ จงจดจ่ออยู่กับหน้าที่สำคัญที่สุดที่คุณเป็นคนรับผิดชอบ
อย่ารอ เพราะโอกาสที่ "เหมาะสมที่สุด" ไม่มีอยู่จริง แค่เริ่มต้นจากจุดที่คุณอยู่และลงมือทำด้วยเครื่องมืออะไรก็ตามที่คุณมี แล้วคุณจะได้พบเครื่องมือที่ดีกว่าระหว่างทาง
เข้าสู่ "ภาวะลื่นไหล" :
เมื่อคุณทำงานสำคัญที่สุดอย่างจดจ่อและต่อเนื่อง คุณจะเข้าสู่ภาวะที่น่าทึ่งซึ่งเรียกกันในทางวิทยาศาสตร์ว่า "ภาวะลื่นไหล" ประเด็นสำคัญคือ "ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจะพาตัวเองเข้าสู่ภาวะดังกล่าวได้บ่อยกว่าคนทั่วไป"
กระตุ้นความมีประสิทธิภาพในตัวคุณ :
การสร้างสำนึกแห่งความเร่งด่วน ซึ่งเป็นแรงผลักดันจากภายใน... เป็นความปรารถนาที่จะเริ่มลงมือทำงานโดยด่วนที่สุดและทำให้เสร็จลุล่วงโดยเร็วที่สุด คุณจะถูกกระตุ้นให้เริ่มลงมือทำและทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะคุณจะรู้สึกอดรนทนไม่ได้
สร้างแรงเหวี่ยง :
ถึงแม้เราอาจต้องใช้พลังงานมากมายเพื่อเอาชนะความเฉื่อยชาและเริ่มลงมือทำ แต่หลังจากเริ่มต้นได้แล้ว การทำสิ่งนั้นต่อไปเรื่อย ๆ จะใช้พลังงานน้อยลงมาก
ทำเดี๋ยวนี้! :
หนึ่งในวิธีที่เรียบง่ายและทรงพลังที่สุดในการกระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำคือ การพูดกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่า "ทำเดี๋ยวนี้! ทำเดี๋ยวนี้! ทำเดี๋ยวนี้!"
######### เคล็ดลับ #########
1). จงตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะสร้างสำนึกแห่งความเร่งด่วนในทุก ๆ สิ่งที่คุณทำ เลือกงานที่คุณมักจะผัดวันประกันพรุ่งและตัดสินใจว่าจะสร้างนิสัยในการทำงานดังกล่าวให้เสร็จโดยเร็ว
2). เมื่อคุณมองเห็นโอกาสหรือปัญหาใด ๆ ก็ตาม อย่ามัวแต่รีรอ ให้ลงมือจัดการกับมันทันที และเมื่อคุณได้รับมอบหมายงานหรือความรับผิดชอบมา ให้ลงมือทำและรายงานผลกลับไปโดยเร็ว แล้วคุณจะต้องทึ่งว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้นมากขนาดไหน และสามารถทำผลงานได้มากขึ้นเพียงใด
ต่อไปนี้คือ "ความลับของพลังอำนาจที่แท้จริง จงเรียนรู้ผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องที่จะควบคุมทรัพยากรทั้งหมดในแต่ละชั่วขณะ แล้วพุ่งเป้าไปยังจุดที่ต้องการ"
เมื่อลงมือทำแล้ว จงทำต่อไป !! :
ความแน่วแน่กับงานที่ทำจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มลงมือทำแล้วยังคงทำต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่วอกแวกหรือออกนอกลู่นอกทางจนกว่างานนั้นจะเสร็จสมบูรณ์
อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า :
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกงานที่สำคัญที่สุดแล้ว การทำงานอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นย่อมถือเป็นการผลาญเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
กุญแจสำคัญคือการมีวินัยในตัวเอง :
การมีวินัยในตัวเอง หมายถึง "ความสามารถในการบังคับตัวเองให้ทำในสิ่งที่ควรทำในเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าคุณจะอยากทำมันหรือไม่ก็ตาม"
######### เคล็ดลับ #########
1). ลงมือทำ! ตั้งปณิธาณตั้งแต่วันนี้ว่าจะเลือกงานหรือโครงการที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำให้เสร็จได้ แล้วลงมือทำทันที
2). เมื่อคุณลงมือทำงานที่สำคัญที่สุดแล้ว จงฝึกวินัยให้ตัวเองเพียรพยายามต่อไปโดยไม่วอกแวกหรือออกนอกลู่นอกทางจนกว่างานนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ ลองมองว่ามันเป็นบททดสอบตัวคุณเอง เมื่อคุณเริ่มลงมือแล้ว อย่าหยุดจนกว่างานจะเสร็จ
บทสรุป : รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
1. จัดโต๊ะ : ตัดสินใจให้แน่ชัดว่าคุณต้องการอะไร ความชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ ให้เขียนเป้าหมายและจุดประสงค์ของคุณออกมาก่อนจะเริ่มลงมือ
2. วางแผนแต่ละวันเอาไว้ล่วงหน้า : คิดแล้วเขียนลงบนกระดาษ เวลา 1 นาทีที่ใช้ไปกับการวางแผนสามารถประหยัดเวลาในการลงมือทำได้ 5-10 นาที
3. ใช้กฎ 80/20 กับทุกเรื่อง : 20 เปอร์เซ็นต์ของกิจกรรมที่คุณทำจะก่อให้เกิดผลลัพธ์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จงทุ่มเทความพยามยามให้กับงาน 20 เปอร์เซ็นต์อันมีค่านั้นเสมอ
4. คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา : งานที่มีความสำคัญที่สุดคือ งานที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดต่อชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบในแง่บวกหรือลบก็ตาม จงให้ความสนใจงานเหล่านี้มากที่สุด
5. ฝึกผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์ : เนื่องจากคุณไม่สามารถทำไปเสียทุกอย่างได้ คุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะผัดผ่อนงานที่สำคัญน้อยกว่าออกไปก่อน เพื่อให้มีเวลามากพอที่จะทำงานไม่กี่อย่างที่มีความสำคัญอย่างแท้จริง
6. หมั่นใช้เทคนิค ABCDE อยู่เสมอ : ก่อนเริ่มทำงานต่าง ๆ ที่รอคุณอยู่ ให้ใช้เวลาสักครู่จัดประเภทงานตามลำดับความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณกำลังทำสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่เสมอ
7. ให้ความสำคัญกับหน้าที่หลัก : ระบุให้ได้ว่า อะไรคือหน้าที่ที่คุณจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้งานโดยรวมได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แล้วลงมือทำหน้าที่นั้นไปตลอดทั้งวัน
8. ประยุกต์ใช้กฎทองสามประการ : ระบุงาน 3 อย่างที่ทำประโยชน์ให้บริษัทได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของงานทั้งหมดที่คุณทำ พุ่งเป้าไปที่การทำงานเหล่านั้นให้เสร็จก่อนงานอื่น ๆ แล้วคุณจะมีเวลาให้กับครอบครัวและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น
9. เตรียมการอย่างรอบคอบก่อนเริ่มงาน : ตระเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นไว้ให้พร้อมก่อนเริ่มงาน วางเอาไว้ในตำแหน่งที่หยิบใช้ได้สะดวก รวบรวมข้อมูล รายงาน บทความ เครื่องมือ วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการทำงานให้เสร็จและเบอร์โทรศัพท์ที่อาจต้องใช้ เพื่อให้คุณเริ่มทำงานและทำไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ติดขัด
10. จับตามองถังน้ำมันทีละถัง : คุณสามารถทำงานที่ยากและใหญ่ที่สุดให้สำเร็จได้ เพียงแค่ทำไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะเสร็จ
11. พัฒนาทักษะสำคัญ ๆ ของคุณให้ดีขึ้น : ยิ่งคุณมีความรู้และมีทักษะในการทำงานชิ้นสำคัญมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งลงมือเร็วขึ้นเท่านั้น แถมยังทำให้เสร็จได้เร็วขึ้นด้วยค้นหาว่าอะไรเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ยอดเยี่ยม (หรือน่าจะทำได้ยอดเยี่ยม) แล้วทุ่มเททำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
12. มองหาข้อจำกัดของคุณ : ระบุจุดคอขวดหรือข้อจำกัดต่าง ๆ (ทั้งภายในและภายนอก) ที่เป็นตัวกำหนดว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายที่สำคัญที่สุดได้เร็วหรือช้าแค่ไหน แล้วพยายามหาทางแก้ไข
13. สร้างแรงกดดันให้ตัวเอง : จินตนาการว่าคุณต้องเดินทางไปต่างประเทศนานหนึ่งเดือน แล้วทำราวกับว่าต้องสะสางงานสำคัญ ๆ ให้เสร็จทั้งหมดก่อนออกเดินทาง
14. กระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำ : ทำหน้าที่เป็นกองเชียร์ที่คอยให้กำลังใจตัวเอง มองหาแง่มุมดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในทุกสถานการณ์ ให้ความสำคัญกับทางออกมากกว่าตัวปัญหา มองโลกในแง่ดีและคิดในทางบวกเสมอ
15. เทคโนโลยีเป็นเจ้านายที่ยอดแย่ : ทวงคืนเวลาของคุณจากการตกเป็นทาสเสพติดเทคโนโลยี จงเรียนรู้ที่จะปิดอุปกรณ์สื่อสารแล้วปลีกตัวออกมาบ้าง
16. เทคโนโลยีเป็นทาสรับใช้ที่ยอดเยี่ยม : ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีมาช่วยให้คุณลงมือทำสิ่งที่สำคัญที่สุด และปกป้องคุณจากสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุด
17. ใช้ประโยชน์จากพลังแห่งการจดจ่อ : เลิกสนใจสิ่งรบกวนและสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว ซึ่งขัดขวางไม่ให้คุณทำงานที่สำคัญที่สุดสำเร็จ
18. หั่นงานเป็นชิ้น ๆ : ซอยงานที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนเป็นส่วน ๆ แล้วจึงเริ่มต้นทำจากงานเล็ก ๆ นั้นไปทีละส่วน
19. สร้างช่วงเวลาขนาดใหญ่ : แบ่งเวลาในแต่ละวันออกเป็นช่วง ๆ วางแผนการทำงานไปตามช่วงเวลาเหล่านั้น แล้วหาทางรวบช่วงเวลาเข้าด้วยกันเมื่อต้องการช่วงเวลาขนาดใหญ่สำหรับการทำงานที่สำคัญที่สุด
20. สร้างสำนึกแห่งความเร่งด่วน : สร้างนิสัยในการลงมือทำงานสำคัญ ๆ และทำให้เสร็จลุล่วงโดยเร็ว สั่งสมชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในฐานะคนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและดีเยี่ยม
21. แน่วแน่กับงานทุกอย่างที่ทำ : จัดลำดับความสำคัญของงานให้ชัดเจน เริ่มลงมือทำงานที่สำคัญที่สุดทันที และทำไปโดยไม่หยุดจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ นี่คือกุญแจสำคัญที่แท้จริงสู่การทำงานที่ยอดเยี่ยมและเปี่ยมประสิทธิภาพ
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกือบ 10 วันผมได้นั่งอ่านหนังสือเล่มนี้พร้อมปฎิบัติเลยทันทีไปตามหนังสือ รู้สึกได้เลยว่าเหมือนได้เวลาเพิ่มขึ้นมาจริง ๆ เพียงแค่กล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ต้องทำและบริหารจัดการเวลาของตัวเองใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แค่ตัดใจในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่า "อะไรที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์" ผมก็ยอมตัดสินใจไม่ทำเลย ตั้งเป้าหมายแล้วซอยงานที่ต้องทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วจะรู้สึกว่างานนั้นมันไม่ได้ยากเลย เพียงแค่ลงมือทำในแต่ละวันในทุก ๆ วันตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็เพียงพอ สนุกครับเล่มนี้ ยิ่งอ่านด้วยปฏิบัติไปด้วยจะยิ่งสนุก แนะนำเลยครับให้ไปหามาอ่านกันให้ได้ "กินกบตัวนั้นซะ! Eat That Frog!"
>>> อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง <<<
24.09.2019

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา