20 ก.ย. 2019 เวลา 10:10 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องสั้น..จริงๆ
แม่ใหญ่น้อม ก้าวลงจากรถกระบะของลูกเขย ที่มาส่งที่วัดในเมือง เพื่อจะมาร้องสารพันกับคณะของแก ซึ่งรวมตัวกันฝึกฝนและออกงานมานับไม่ถ้วน
แกเดินก้าวขึ้นไปบนศาลาหลังใหญ่ ซึ่งประดับธงทิวริ้วกระดาษ สีสรรละลานตา แลเห็นเพื่อนร่วมคณะมาพร้อมกันอยู่แล้ว ครบจำนวนแปดคน
มีเสียงถามไถ่ทักทายกันขรม เพราะมาจากสองสามหมู่บ้าน เจอกันบ้าง ไม่เจอกันบ้าง จะพร้อมหน้ากันก็ในวันซ้อม หรือวันร้องนี่แหละ
เสียงตำหมาก โปกๆๆๆ ของแม่ใหญ่อิน ที่ต้องมีหมากอยู่ในปากตลอดเวลา ยกเว้นเวลาที่จะต้องร้องสารพัน แต่ก็ไม่อาจดังสู้เสียงที่มาจากลำโพงใหญ่หลายตัวนั้น
แม่ใหญ่โฮม นั่งซึม ไม่พูดไม่จา ดวงตาเหม่อลอย มองออกไปทางหน้าศาลา เหมือนกับว่า ไม่มีเพื่อนๆร่วมคณะอยู่ตรงนั้น และไม่ได้ยินคำถามที่แม่ใหญ่น้อม ถามถึงอาการของพ่อใหญ่เคน ผู้เป็นสามีของนาง
เป็นจั๋งได๋ล่ะหือ แม่ใหญ่ พ่อใหญ่เคนอาการเซาบ่ หมอเพิ่นว่าจั๋งได๋ ลูกเต้าเหล่าหลานมากันแล่วบ่ เห็นว่ากินเข่าบ่ได้ นี่หือ แม่ใหญ่โฮมหันมายังผู้ถาม แล้วก็ได้แต่สั่นหน้าอยู่ซื่อๆ ไม่มีคำเว่าคำจาใดใดหลุดรอดออกมาจากปากของนาง
สักครู่ เสียงแม่ใหญ่โฮมถามขึ้นว่า อีน้อม เจ้าว่าข้าเล่นสารพันให้วัด บ่เอาเงินเอาทอง บุญเฮามันสิหลายเติบ ถ้าพ่อใหญ่ตายไป ข้าสิยกบุญให้เพิ่นได้บ่ เพิ่นสิได้ขึ้นสวรรค์
กะได้อยู่นาแม่ใหญ่ เฮาเฮ้ดบุญมากะหลายเทือ เฮาสร้างบุญเอาไว้หลาย เฮามาสวดสารพันน่ะได้บุญเด๊ บุญหลายนำ หลงพ่อท่านว่า เงินค่ารถค่ากิน ค่าเสื้อผ้า เฮาก็ออกกันเอง คงได้หลายดอก บ่ต้องห่วง
เออ นั่นสิ นั่นเขาเอิ้นคณะเฮาแล้ว ไปกันเถาะ ข้าจะเก็บบุญไว้หลายๆ ให้พ่อใหญ่เวลาตายสิได้มีบุญค้ำบุญคูณ..เนาะ
จบจ้ะ
โฆษณา