24 ก.ย. 2019 เวลา 12:50
บทที่ 18 สงครามดอกเบี้ย ภาค 6 ดอกเบี้ยโลก กับตลาดหุ้นไทย 10,000 จุด
ตลาดหุ้นไทย 10,000 จุด++
ถ้าเราเอาเงินสกุลหลักของโลก 7 สกุล เอามาคำนวณดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคาร ก็จะได้ตัวเลขที่น่าสนใจ
1.ดอลล่าห์สหรัฐ น้ำหนัก 50% ดอกเบี้ย 1.75%
2.ยูโร น้ำหนัก 28.8% ดอกเบี้ย -0.5%
3.เยน น้ำหนัก 6.8% ดอกเบี้ย -0.1%
4.ปอนด์ น้ำหนัก 5.9% ดอกเบี้ย 0.75%
5.แคนาดา น้ำหนัก 4.55% ดอกเบี้ย 1.72%
6.โครนสวีเดน น้ำหนัก 2.1% ดอกเบี้ย -0.25%
7.ฟรังสสวิส น้ำหนัก 1.8% ดอกเบี้ย -0.75%
เอาดอกเบี้ยทุกสกุลมาคูณน้ำหนัก ตาม % ใน us index แล้วหารด้วยร้อย
us dollar index
ดอกเบี้ยเฉลี่ย จะได้ 0.7% เป็นดอกเบี้ยของโลกขณะนี้ คิดเป็น PE 100/0.7 =142 เท่า
ตอนนี้ตลาดหุ้นไทย PE ล่าสุด ประมาณ 18.5 เท่า
ในอนาคตผู้เขียนคิดว่า หากมีการพิมพ์เงินเพิ่มไปเรื่อย ๆ อนาคตพวกหุ้นจะเกิดการเฟ้อครั้งใหญ่ตามมา ต่อไป PE ตลาดหุ้นจะสูงขึ้นมาก
ยกตัวอย่างเช่นที่ดินให้เช่าทำไร่อ้อยแถวบ้าน ราคาไร่ละ 600,000 บาท ได้ค่าเช่าปีละ 3,000 บาท คิดเป็น PE=600,000/3,000=200 เท่า นี่เป็นราคาปัจจุบันเลยนะครับ แสดงว่าราคาที่ดินก็เฟ้อเป็นอย่างมาก เงินที่พิมพ์ส่วนหนึ่งได้เข้ามาเฟ้อในที่ดินแล้ว
ถ้า PE ตลาดหุ้นขึ้นไปสัก 100 เท่า ดัชนีจะขึ้นไปราว ๆ 10,000 จุด แสดงว่าอนาคต เราอาจจะได้เห็น set index 10,000+ จุดได้ แสดงว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่แพง
การที่ PE สูงขนาดนี้ในอนาคตเศรษฐกิจจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ความเลื่อมล้ำขนาดสูง
แปลว่าคนชั้นกลาง อนาคตจะลืมตาอ้าปากยากมากขึ้น เพราะราคาทรัพย์สินแพงมาก จะมีเงินแค่จ่ายค่าเช่า รับเงินเดือน ทำมาหากินไปเรื่อย ๆ เท่านั้น โอกาสจะซื้อที่ดินหรือหุ้นคงจะไม่มี เพราะราคาแพงมาก
ต่อไปจะเหลือแค่ 2 ชนชั้น คือ คนรวยและคนจนเท่านั้น คนชั้นกลางที่เหลือรอดคือคนที่ซื้อหุ้นสะสมไว้ในวันนี้
การที่ซื้อหุ้นที่ดีในวันนี้ก็เปรียบเหมือนซื้อที่ดินเมื่อ 30 ปีก่อน
ถ้าไม่รู้จะซื้อตัวไหน ก็ซื้อเป็นกองทุนรวม set50 ไว้ก็สะดวกดี
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม ด้วยนะครับ
โฆษณา