24 ก.ย. 2019 เวลา 10:25 • สุขภาพ
ทำไม คนทั่วโลกเป็นมะเร็งกันมากมาย???
ทุกวันนี้มนุษย์ ได้หลงลืมไปแล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
เดิม วิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์ กลมกลืนไปกับธรรมชาติ จนกระทั่งมนุษย์ ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น มีความฉลาดเพิ่มขึ้น พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จนถึงขั้นเอาชนะธรรมชาติ และทำตัวอยู่เหนือธรรมชาติ มาช้านาน
เราจะเห็นได้ว่า สภาพที่อยู่อาศัย อาหาร ก็มีวิวัฒนาการ ดัดแปลง ให้ตอบสนองต่อความสะดวกสบาย และการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป นับแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรมจากสังคมเกษตร เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมเต็มตัว ทำให้การใช้ชีวิตต่างๆ เปลี่ยนไป
อาหาร ที่กินกันอยู่ทุกวัน แทบจะไม่เหลือความเป็นธรรมชาติ
อากาศ มีแต่มลพิษ ปนเปื้อนแทบจะหาความบริสุทธิ์ได้ยาก
การใช้ชีวิตประจำวัน แทบไม่ต้องออกกำลังกาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ พามนุษย์มาไกลจากความคิดที่ว่า "มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ"
ย้อนไปกว่าร้อยปี มนษย์ จะตายด้วยโรคติดเชื้อ ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ มนุษย์ จึงสามารถเอาชนะได้ ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น แต่แล้วมนุษย์ ก็กำลังพ่ายแพ้ต่อการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของมนุษย์ที่ไม่อาจควบคุมได้ นั่นคือ "โรคมะเร็ง"ที่กำลังคุกคามชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะแก่ หรือเด็กมีโอกาสเป็นด้วยกันทั้งนั้น
สาเหตุหลัก ก็มาจากภูมิคุ้มกันภายในที่อ่อนแอ มีผลให้กลไกของร่างกายไม่อาจกำจัดเซลล์ที่ก่อกลายพันธุ์หรือเซลมะเร็งไปได้ เซลล์มะเร็งจึงยึดพื้นที่อยู่ในร่างกาย และเข้าไปทำลายเซลล์ดีในอวัยวะต่างๆ จนทำให้มนุษย์เสียชีวิตในที่สุด
หากเราต้องการป้องกันมะเร็งในสภาพที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็ง หรืออยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ได้ เราต้องพยายามทำให้ ภูมิคุ้มกัน ในร่างกายสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เว้นแต่เมื่ออยู่ในวัยผู้สูงอายุ ภมิคุ้มกันย่อมอ่อนแอตามลำดับ จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงการเป็นโรคนี้ไปได้
ซึ่งการป้องกันมะเร็งที่ดีวิธีหนึ่ง คือ การตรวจคัดกรอง จากการตรวจสุขภาพประจำปีนั่นเอง อย่ากลัวการไปตรวจ บางคนกลัว ไม่กล้าตรวจ เกรงว่าตรวจแล้วเจอจะทำใจไม่ได้ มะเร็ง หากพบตั้งแต่ระยะแรกยังมีทางรักษาให้หายได้ หรือสามารถยืดอายุและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกนาน
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
เมื่อพบว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว จะมีวิธีจัดการอย่างไรกับชีวิต
จากคำกล่าวที่ว่า "โจรปล้นบ้าน 10 ครั้ง ไม่เท่า ไฟไหม้บ้าน ครั้งเดียว"
ฉันใด การป่วย ด้วยโรคมะเร็ง ก็หมดตัว ได้ฉันนั้น
เริ่มตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่า เป็น หรือไม่เป็น ต้องมีการตรวจตรวจทุกอย่าง
ตามหมอสั่ง และมีขั้นตอนต่างๆ ในการรับมือ ตามนี้
1.ภาคบังคับ ไม่ว่าจะเป็น X-Ray Ultrasound ก็จะเสียเงินระดับหลักพัน
หากจะลงละเอียดไปอีก ก็จะเจอ ส่องกล้อง MRI เพื่อดูว่า น่าจะใช่ หรือไม่ใช่ ค่าตรวจก็จะขยับใกล้หลักหมื่นขึ้นมา
2.ถ้าผลตรวจขั้นตั้น มั่นใจแล้วว่า ใช่ หมอก็จะสั่งตรวจละเอียด เพื่อความชัดเจน ก็จะหนีไม่พ้น CT SCAN ต้องเตรียมเงินหมื่น และถ้าหมอยังลังเล หายังไม่เจอว่า ต้นเรื่อง ที่เชิญเพื่อนมะเร็งมาอยู่กับตัว คืออะไร ก็ต้องเจอกับ PET SCAN อันนี้ ต้องมี ครึ่งแสน
3.ยัง ยังไม่หมด เพราะต้องตรวจเลือดดูค่าต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น CBC ค่ามะเร็ง และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หมอจะสั่งชุดใหญ่ไฟกะพริบให้เลย
อันนี้ก็ไม่เกินหมื่น
4.เมื่อรู้แน่ชัดว่า เพื่อนมะเร็ง อยู่ตรงไหน แล้ว หมอก็จะวางแผนการรักษา จะผ่าตัดก่อนค่อย ทำคีโม หรือฉายแสง เพื่อให้ก้อนยุบ ค่อยผ่า หรือผ่าก่อน ค่อยทำคีโม ตรงนี้ ถ้าหมอบอกผ่าตัดก่อน ต้องมีเป็นแสน ไว้ให้อุ่นใจ มีน้อยกว่านี้ น่าจะไม่พอ แต่ถ้าต้องทำคีโม ก่อน หมอก็จะสั่งตรวจเลือดเพื่อสั่งยาคีโม และนัดวันมาให้คีโม ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าจะนอน รพ.หรือไม่นอน ก็ต้องมีไว้เป็นหมื่นขึ้น
5.ถ้าผ่าตัดเสร็จแล้ว จะให้คีโม หมอก็จะสั่งตรวจชิ้นเนื้อที่ได้มา
ระดับ DNA รวมถึงตรวจเลือด อีกชุดใหญ่ ค่าตรวจตรงนี้ อีกนิดเดียวแตะหมื่น ตรวจทำไม ตรวจเพื่อวางแผนให้คีโมเพื่อรักษาต่อไป
6.เมื่อประเมินแล้วว่า ให้คีโม ได้ ก็นัดวันมานอน รพ.จะกี่วันขึ้นอยู่กับสูตรยาที่หมอกำหนด ตรงนี้ ก็ต้องเสียเป็นหมื่น หมอวางแผนกี่ครั้งก็คูณไป
7.นอกเหนือจากค่าตรวจ ค่ายา ที่จะต้องมีมาเป็นระยะๆ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ค่าเดินทาง ค่าคนเฝ้าไข้ ถ้าญาติ ต้องทำงานกันหมดมาเฝ้าตอนให้คีโม ไม่ได้ ค่าอาหารเสริมบางอย่างที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยได้ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายตรงนี้จะมาเรื่อยๆ ตามเหตุปัจจัย
8.ถ้าคุณมีเงินและเข้ารพ.รัฐบาล ค่าใช้จ่ายประมาณที่เล่ามา จะไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าไม่ได้มีเงินมาก ต้องใช้สิทธิ์ต่างๆ ที่มี มาช่วย หรือถ้ามีเงินก็ควรใช้สิทธิ์ แต่ต้องมาใช้ในเวลาราชการเท่านั้น รอนานหน่อย ต้องใช้ใจล้วนๆ
#มะเร็งอยู่ร่วมกันได้
#มะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดอยู่ที่จิตเข้มแข็ง
เขียนบทความครั้งแรกฝากติดตามด้วยนะ
โฆษณา