*เทคนิคการ offer เงินเดือนของนายจ้าง*
ต่อจากเมื่อวานนะครับ ที่ทาง Admin ได้ให้ Checklist สำหรับการต่อรองเงินเดือนของผู้สมัครงาน ที่กำลังได้รับ Offer
แต่การขอเงินเดือนของผู้สมัครโดยมองจากผู้สมัครอย่างเดียว บางทีก็อาจจะเป็นปัจจัยที่อาจจะทำให้ “ผู้สมัคร” ไม่ได้งานในนาทีสุดท้ายก็ได้ ทำนองว่าอุตส่าห์สัมภาษณ์ผ่านแล้ว แต่ตัวเลขคุยกันไม่ลงตัว ก็เลยอดได้งานเลยซะงั้น
ดังนั้น ตัวผู้สมัครเอง ก็ต้องเข้าใจถึงเหตุผลของนายจ้างด้วย ว่าจริงๆแล้ว เขาจะสามารถ Offer เงินเดือนให้กับ Candidate เท่าไรนั้น มันมีหลายปัจจัย Admin ขออธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับวิธีการคิดเงินเดือนของนายจ้าง ดังนี้
หน่วยงานที่เลือกเราทำงาน หรือให้เราผ่านสัมภาษณ์นี่ ก็คือหัวหน้างานเราโดยตรงนั่นแหละ เช่น เราสัมภาษณ์ตำแหน่ง Marketing คนที่จะรับเราเข้าทำงานโดยตรง ก็คือ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด… แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่ต่อรองเรื่องเงินเดือน มักจะเป็น HR ของบริษัทนั้นๆ (HR มีหน้าที่ Manage ทุกอย่างที่เกี่ยวกับพนักงานของบริษัท รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนของพนักงานด้วย
HR เวลาเขาจะพิจารณาเงินเดือน เขาจะรับฟังมุมมอง Candidate ก่อนทุกคนแหละ ว่าคาดหวังเงินเดือนเท่าไร แต่เขาจะมีเครื่องมือที่เรียกว่า “โครงสร้างเงินเดือน” เป็นตัวช่วย ซึ่งโครงสร้างเงินเดือนนี้ จะผ่านการออกแบบ โครงสร้างเงินเดือน ของแต่ละตำแหน่งงาน / สายวิชาชีพนั้นๆ ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน หรือบริษัทอื่นๆ ที่เขาจ่ายกันแหละ (ถ้าจ่ายน้อยกว่า ก็เสียเปรียบคู่แข่ง / จ่ายมากกว่าก็จ่ายแพงเกินไป)
ยกตัวอย่างเช่น น้อง Marketing คนนึง HR ต้อง Offer ให้… คนนี้ เขาเป็นเด็กจบใหม่นะ… HR เขาก็จะมี Range เงินเดือนตำแหน่ง Marketing Officer ซึ่งสามารถจ่ายได้ตั้งแต่ 16,000 – 20,000 บาท นั่นแหละ
โห งั้น HR Offer 22,000 เลยได้มั้ย คำตอบคือ ไม่ได้ครับ เพราะ HR ก็ต้องประเมินน้องคนนี้แล้ว….เออ มาเริ่มงานตำแหน่ง Officer นะ ค่าเฉลี่ยของบริษัทนี้ เป็น Officer อย่างน้อย 3 ปี ดังนั้น HR ก็ต้องทำหน้าที่ประคับประคองน้องคนนี้ ให้สามารถมีเงินเดือนตามกระบอกเงินเดือนนี้ได้อย่างน้อย 3 ปี
ดังนั้น ถ้า Start เริ่มงานเลย ให้ 20,000 ปีหน้าก็ปรับเงินเดือนไม่ได้แล้ว แฮ่… จึงเป็นที่มาของการกำหนด Space ของเงินเดือน หรือที่เราเรียกกันว่า “กระบอกเงินเดือน” นั่นเองครับ
ช่วงปีแรก อาจ Start ที่ 16,000 บาท ถ้าเก่งภาษาอังกฤษ หรือตัวน้องมีฝีมือ ก็อาจเพิ่มให้เป็น 17,000 บาท
ช่วงปีที่สอง ค่อยปัดเงินเดือนขึ้นเป็น 17,000 – 18,000 บาท ตามผลงานน้อง
ช่วงปีที่สาม ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือน้องจริงๆแล้ว ถ้าดีก็จัดไปเลยเกือบ 20,000 ถ้าผลงานปานกลางก็ลดหลั่นลงมาครับ
พอทำงานไปเรื่อยๆ ครบสามปีแล้ว เงินเดือนเกินกระบอกแล้ว ปีหน้าก็ถึงเวลาปรับตำแหน่งน้อง เป็น “Senior Officer” พร้อมกับกระบอกเงินเดือนที่สูงขึ้น
ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ทำไมบางปีแค่ปรับเงินเดือน แต่พอทำไปหลายๆ ปี ก็จะมีการปรับตำแหน่งด้วยนั่นเองครับ :)
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
