26 ก.ย. 2019 เวลา 03:22 • ประวัติศาสตร์
'โคบุคซอน' เรือเปลี่ยนชะตาเกาหลีตลอดกาล
หลังจากพ้นผ่านยุคสงครามกลางเมืองญี่ปุ่นที่กินเวลายาวนานและนองเลือด ฮิเดโยชิ โทโยโทมิ (Toyotomi Hideyoshi) เริ่มเผยแววทะเยอทะยานผ่านสาส์นที่ส่งถึงราชสำนักโชซอน เนื้อความกล่าวเชื้อเชิญให้ร่วมมือเพื่อตีจีน แต่เมื่อผลไม่เป็นไปตามประสงค์ สงครามอิมจิน (Imjin war) จึงอุบัติขึ้นในปี 1592
ทหารญี่ปุ่นทะลักเข้ามาทางเมืองท่าปูซาน (Busan) เหมือนน้ำป่าที่ไหลทะลักลงมาจากเขา ยากที่ทำนบน้อยอย่างเกาหลีจะต้านทานได้ แต่สำหรับการรบทางทะเลแล้ว ความได้เปรียบของญี่ปุ่นนั้นกลับลดลงอย่างน่าใจหายยิ่ง จนกระทั่งจะพัฒนากลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของความพ่ายแพ้ของพวกเขา
กองทัพเรือเกาหลีโชซอนอยู่ใต้การบัญชาการของแม่ทัพเรืออีซุน-ชิน (Yi Sun-shin) เขากับนายช่าง (Shipwright) ชื่อนาเทยง (Na Tae Young) ต่างมีแนวคิดเลือกแบบเรือที่เขียนขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจง (Taejong) ซึ่งต่อขึ้นสำหรับปราบโจรสลัดญี่ปุ่น (Wako) เมื่อกว่า 200 ปีก่อนมาปัดฝุ่นใช้งานอีกครั้ง โดยเรือแบบใหม่นี้ถูกเรียกว่า โคบุคซอน (Geobukseon) หรือแปลได้ว่า 'เรือเต่า'
จากอนุทินของแม่ทัพอีซุน-ชินได้กล่าวถึงเรือดังกล่าวไว้ว่า
“เรือเต่าถูกต่อขึ้นโดยมีหัวเรือเป็นมังกรซึ่งสามารถยิงปืนใหญ่ออกจากปากได้ และมีกระดองติดหนามเพื่อทิ่มแทงเท้าข้าศึกที่พยายามอาจหาญบุกขึ้นเรือด้วย เพราะรูปทรงที่เหมือนเต่า...ข้าศึกไม่อาจมองเข้ามาได้จากด้านนอก เรือมีความเร็วสูง สามารถบุกเข้าใจกลางกองเรือหลายร้อยลำได้ทุกสภาพอากาศแล้วพิฆาตข้าศึกด้วยลูกปืนใหญ่หรืออาวุธเพลิง”
ลูกพี่ลูกน้องของผู้บัญชาการอี ซุน-ชินนาม อี ปุน (Yi Pun) จากช่วงปลายสงครามเขียนถึงในทางเดียวกันว่า
“...เรือขนาดเท่าเรือประเภทพานโอกซอน (Panokseon) เพดานของดาดฟ้าชั้นบนติดหนามสำหรับแทงเท้าข้าศึกที่กระโดดลงมา...หัวเรือรูปมังกรมีการติดตั้งปืนหลายกระบอกเช่นเดียวกับที่ท้ายเรือ บริเวณกราบเรือของดาดฟ้าด้านล่างมีช่องสำหรับยิงปืนใหญ่ข้างละ 6 ช่อง...หนามบนดาดฟ้าจะถูกปูพรางด้วยฟาง เรือสามารถแล่นได้เร็วในทุกสภาพลม...” .
นอกจากนี้บางแห่งยังอ้างว่าเรือเต่ายังมีการติดตั้งเครื่องกำเนิดควันพิษที่เกิดจากส่วนผสมการเผาดินประสิวกับซัลเฟอร์ไว้ปล่อยออกทางปากโขนเรือ
แต่อนุทินของสกุลอีนั้นยังนับได้ว่าไม่สมบูรณ์เพียงพอ นักวิชาการยุคหลังมองงานเขียนของทั้งสองว่าน่าจะมีข้อผิดพลาดอยู่หลายประการ เช่น การที่นำฟางไปพรางไว้ด้านบนนั้นรังแต่จะช่วยให้ธนูไฟของญี่ปุ่นเผาเรือได้ง่ายขึ้น ขนาดมิติของเรือประมาณกันว่ามีความยาว 28 ม. กว้าง 9 ม. จำนวนปืนใหญ่ที่ติดตั้งนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดแต่คาดว่ามี 14-15 กระบอก จำนวนของดาดฟ้าเองก็ยังเป็นที่ถกเถียงว่ามี 2 หรือ 3 ชั้น
ประเด็นที่สำคัญที่สุดในเรื่องสับสนงงงวยครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง 'เพดานดาดฟ้า' ของเรือโคบุคซอนนั้นมีลักษณะอย่างไรกันแน่ ? บางแหล่งอ้างอิงเสนอว่าดาดฟ้าบนสุดนั้นถูกติดตั้งด้วยหลังคาที่บุด้วยแผ่นเกราะหกเหลี่ยมหนา 2-3 มม. เอามาจากการหลอมเหล็กของประตูนัมเดมุน (Namdaemun) ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาประมาณ 6-9 ตัน
แต่จากอนุทินของผู้บัญชาการอี ซุน-ชินนั้นกลับระบุแค่ว่ากองทัพเรือโชซอนมีเหล็กพอใช้งานได้เพียงหยิบมือเดียวจึงไม่น่ามีโลหะพอสำหรับการติดให้ครบหนึ่งลำด้วยซ้ำ บางแหล่งคาดการณ์ว่าเพดานน่าจะเป็นเพียงไม้เนื้อแข็งบุด้วยไม้กระดานกับติดเหล็กแหลมเท่านั้น เพราะงานเขียนว่าเรือเต่าที่ติดตั้งเกราะนั้นแรกเริ่มเดิมทีมาจากทางตะวันตกทั้งหมด
ทว่าก็ยังน่าสงสัยว่าจะเพียงพอหรือไม่ต่อการป้องกันตัวจากอาวุธเพลิงเพราะเหล็กแหลมที่ติดนั้น แม้จะป้องกันชุดบุกขึ้นเรือ (Boarding party) ของญี่ปุ่นได้ชะงัด แต่ก็มีเป็นอุปสรรคในการกักสิ่งต่างๆ ที่ญี่ปุ่นทิ้งลงมาให้ติดไว้บนหลังคาเรือ น่าเสียดายที่กาลเวลายังคงได้เก็บงำข้อเท็จจริงข้อนี้ไว้อยู่จนกว่าจะมีหลักฐานใหม่เรื่องนี้จะถูกค้นพบ
เรือที่ญี่ปุ่นใช้งานในการรุกรานจัดเป็นประเภท 'อาทาเคบุเนะ' ซึ่งมีเอกลักษณ์ด้วยการต่อเก๋งเรือทรงกล่องสี่เหลี่ยม ตัวเรือมีลักษณะกว้างทำให้บรรทุกทหารลงไปได้จำนวนมาก หลักการยุทธ์ทางเรือของญี่ปุ่นนั้นในขั้นแรกจะกระหน่ำด้วยธนูเพลิงหรือการระดมยิงใส่เรือศัตรูเพื่อลดจำนวนทหารฝ่ายตรงข้ามลงให้ได้มากที่สุด แล้วเป็นหน้าที่ของทหารราบในการบุกขึ้นเรือข้าศึกเพื่อทำการรบประชิดตัว
อาวุธเสริมของเรืออาทาเคบุเนะมาตรฐานมักจะติดตั้งปืนใหญ่เพียง 1-3 กระบอกต่อลำและปืนที่ใช้บนเรือญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่ปืนใหญ่ (Cannon) แบบที่ติดตั้งบนเรือยุโรปหรือเรือเกาหลี หากแต่เป็นปืนคาบชุดที่เพิ่มขนาดลำกล้องขึ้นมามากกว่าปกติเพราะเรืออาทาเคบุเนะไม่แข็งแรงพอที่จะรับแรงจากปืนใหญ่ได้ ดังนั้นญี่ปุ่นจึงขาดขีดความสามารถทำการระดมยิงฝั่งหรือรบทางเรือ
ในทางกลับกัน กองทัพเรือเกาหลีนั้นมีหลักนิยมที่ทันสมัยกว่า อาวุธปืนใหญ่กับดินปืนได้ถูกพัฒนาขึ้นตามจีน มีทั้งอาวุธปืนใหญ่และปืนครก ปืนใหญ่มีการแบ่งประเภทชัดเจนเป็นมาตรฐานตามขนาด นอกจากลูกกระสุนโลหะทั่วไป กองทัพเรือเกาหลียังประดิษฐ์ลูกดอกยักษ์ขึ้นมาสำหรับปืนใหญ่และติดครีบทำจากหนังสัตว์หรือโลหะทำให้กระสุนลูกดอกยักษ์มีความแม่นยำและระยะมากกว่ากระสุนปืนใหญ่ปกติ ทรงเรือเต่าที่เตี้ยกว่ายังสามารถแล่นเข้ามุมอับของปืนบนเรือญี่ปุ่น การยิงเรือญี่ปุ่นตรงบริเวณแนวน้ำทำให้เกาหลีจมเรือศัตรูได้เร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทว่าก็ไม่ใช่ว่าเรือเต่าจะไร้เทียมทานไปเสียทุกครั้ง ดังที่อี ปุนบันทึกเอาไว้ ในยุทธนาวีที่ช่องแคบชีลชอนลยอง (Battle of Chilcheonryang) กองทัพเรือโชซอนได้สูญเสียเรือเต่าทั้งหมดที่มีในขณะนั้นหลังจากที่โดนเล่ห์กลสายลับสองหน้าลวงให้ตั้ง วอน กยูน (Won Gyun) ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการคนใหม่แทนอี ซุน-ชินที่ไม่ยอมเคลื่อนกองเรือเข้าจัดการกองเรือญี่ปุ่นนั้นเป็นข่าวลวง ดังนั้นปัจจัยด้านความสามารถของผู้นำเองจึงส่งผลมากไม่แพ้กัน
ภายหลังอี ซุน-ชินนำกองเรือและเรือเต่าที่เหลือพลิกพาเกาหลีกำชัยชนะในยุทธนาวีที่ช่องแคบมลองยอง (Battle of Myeongnyang) ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องจ่ายราคาชัยชนะอย่างแพงที่สุด เขาต้องคมกระสุนญี่ปุ่นระหว่างการไล่ตามบดขยี้เรือญี่ปุ่นที่กำลังล่าถอยจนถึงแก่ชีวิต
ปิดฉากม่านชีวิตของนายพลเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งที่โลกเคยมีมาไปอย่างน่าเสียดาย
เรื่อง:ภก.กิตติชาติ บุณยะภักดิ์
[1] Turnbull S. Fighting Ships of the Far East (1): China and Southeast Asia 202 BC-AD 1419. 1st ed. London, UK: Osprey Publishing; 2002, p. 15.
[2] Sun-shin Y. Imjin Changch'o: Admiral Yi Sun-Sin's Memorials to Court. Yonsei University Press, 1981.
[3] Turnbull S. Fighting Ships of the Far East (2): Japan and Korea AD 612-1639. 1st ed. London, UK: Osprey Publishing; 2002.
[4] Dickie I, Jorgensen C, Dougherty MJ, Jestice PG, Rice RS. Fighting techniques of naval warfare, 1190 BC-present: strategy, weapons, commanders, and ships. Thomas Dunne Books; 2009.
[5] Hae-Ill B. A Short Note on the Iron-clad Turtle Boats of Admiral Yi Sun-sin. Korea Journal. 1977; 17(1): 34-39.
[6] Samuel H. The Imjin War: Japan's Sixteenth-Century Invasion of Korea and Attempt to Conquer China. 2nd ed. Conquistador Press; 2014.
[7] Linton B. History's Greatest Military Commanders: The Brilliant Military Strategies Of Hannibal, Alexander The Great, Sun Tzu, Julius Caesar, Napoleon Bonaparte, And 30 Other Historical Commanders. Make Profits Easy LLC; 2015.
[8] Sajima N, Tachikawa K. Japanese Sea Power: A Maritime Nation's Struggle for Identity. Australia: Sea Power Centre Australia; 2009.
[9] Swope KM. Crouching Tigers, Secret Weapons: Military Technology Employed During the Sino-Japanese-Korean War, 1592–1598, The Journal of Military History, 2005; 69(32). p. 11–42.
[10] Roh YK. Yi Sun-sin, an Admiral Who Became a Myth. The Review of Korean Studies, 2004; 7(3).
[11] Gilbert MJ. Admiral Yi Sun-Shin, the Turtle Ships, and modern Asian history. Education about Asia. 2007; 12(1).
[12] Strauss B. Korea’s Legendary Admiral. MHQ: The Quarterly Journal of Military History, 2002; 17(4). p. 52-61.
โฆษณา