2 ต.ค. 2019 เวลา 11:07 • ไลฟ์สไตล์
เราจะรู้ได้ไงว่าเราโตขึ้น
site.google.com
บทความล่าสุดของกิ๊ฟคือเรื่องเวลา โพสท์ไปตั้งแต่ 26 กันยายน ห่างจาก Blockdit ไป 1 อาทิตย์เต็มๆ ได้แต่อ่านโพสท์ติดตามของเพื่อนๆ วันนี้ดีใจมาก เราได้เขียนของเราเองสักที
" เราจะรู้ได้ไงว่าเราโตแล้ว "
บทความนี้ไม่ใช่ How to ไม่มีกฎเกณฑ์หรืออะไรมาบอกว่า การกระทำแบบนี้ ความคิดแบบนี้ แสดงว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กิ๊ฟแค่จะชวนเพื่อนๆมาสังเกตุตัวเอง
กิีฟเรียนจบทำงานมาได้ 2 ปี ซึ่งช่วงเวลาตอนเรียนมหา'ลัย หลายคนอาจจะมองว่านั่นคือเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สำหรับกิ๊ฟ นั่นยังไม่ใช่ กิ๊ฟเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ คือตอนทำงาน หาเงินได้เอง จัดการชีวิตตัวเองได้เต็มรูปแบบ ย้ายมาอยู่แฟลต สิ่งของเครื่องใช้แยกมาจากบ้านอย่างชัดเจน ตัดสินใจเอง รับผิดชอบเอง
ทำไมกิ๊ฟถึงคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว
1. เราทำงานหาเงินใช้เอง
เงินคือพื้นฐานของการใช้ชีวิต คงไม่มีใครปฎิเสธ เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก เราต้องขอเงินพ่อกับแม่ จะทำอะไรไปไหนต้องบอกก่อน การมีเงินสำหรับกิ๊ฟ มันทำให้เรามีอิสระมากขึ้น จะไปไหนจะทำอะไรก็ได้ ขณะเดียวกัน มันสอนให้เรารับผิดชอบ จัดการบริหารได้มากขึ้น
เมื่อก่อน อยากได้อะไร แค่เอ่ยปากบอก รายรับรายจ่ายเป็นอย่างไรแทบไม่เคยรู้ จะเรียกได้ว่าถึงเวลาก็ได้ของมาเลย แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของชิ้นนั้นราคาเท่าไร ถึงเวลาต้องการอะไรบอก ได้คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้
มาตอนนี้ เราต้องจัดการบริหารความต้องการของเรา ให้พอดีกับรายรับแต่ละเดือน และไม่ใช่แค่ตัวเรา เราต้องส่งเงินบางส่วนให้ที่บ้านด้วย สิ่งที่ต่างจากเมื่อก่อนคือ เรามีอิสระมากขึ้น เงินอยู่ในมือ เรามีอำนาจในการใช้ชีวิต แต่สิ่งที่ตามมา คือการบริหารจัดการ นี้แหละคือความเป็นผู้ใหญ่ อิสระมากขึ้น ความรับผิดชอบ การตัดสินใจ ความเสี่ยงก็มากขึ้น เสี่ยงที่จะเป็นหนี่ เพราะจัดการบริหารไม่เป็น เสี่ยงที่จะขาดทุน เพราะเอาเงินไปลงทุนผิดที่
จะไปไหน ทำอะไร หรืออยากได้อะไร คนที่บอกว่าได้หรือไม่ได้คือเรา คนที่รับผิดชอบทุกการตัดสินใจคือเรา
2. การบริหารเวลา
กิ๊ฟเคยพูดมาตลอด ว่างานของกิ๊ฟคืองานที่กินเวลาใน 24 ชม. เยอะมาก เวลาส่วนใหญ่คืองาน เวลาว่างส่วนตัวมีน้อย เพราะฉะนั้นมันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราไม่ต้องมีงาน ที่เวลาของเราไม่ต้องขึ้นอยู่ที่ใคร เราสามารถใช้เวลาไปได้เรื่อยๆ พอโตขึ้น เราต้องทำงาน เราต้องบริหารจัดการเวลาส่วนตัว เวลาที่ใช้ดูแลตัวเอง อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย พัฒนาตัวเอง เวลาที่ต้องให้ครอบครัว หรือให้เพื่อน ยิ่งเราคิดว่าเวลามันมีค่ามากเท่าไร นั่นหมายความว่าเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
3. การฟัง
เมื่อเราโตขึ้นเราจะจริงจังในการใช้ชีวิตมากขึ้น อะไรก็ตามที่มีส่วนต่อการพัฒนายกระดับชีวิตเรา หรือจะทำให้ชีวิตเราแย่ลง เราจะให้ความสำคัญกับตรงนั้น
การฟัง คือการรับสารที่เป็นพื้นฐานที่สุด และง่ายที่สุดในชีวิตประจำวัน สิ่งหนึ่งที่กิ๊ฟคิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ คือกิ๊ฟเลือกฟังมากขึ้น
1วันเรามี 24 ชม. 1วันกิ๊ฟมีเรื่องให้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟังข่าวสาร เศรษฐกิจ บ้านเมือง ฝึกฟังภาษาอังกฤษ podcast ฟังเพลงพักผ่อนให้กับตัวเอง หรือแม้กระทั่งการฟังเสียงธรรมชาติ เสียงลมเบาๆเพื่อผ่อนคลาย ฟังเพื่อนระบาย เป็นที่ปรึกษาให้เพื่อน ฟังคนอื่นคอมเมนท์ แนะนำในด้านการทำงาน หรือด้านอื่นๆ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มีทั้งเรื่องที่กิ๊ฟอยากฟัง และไม่อยากฟัง แต่สิ่งที่กิ๊ฟคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่คือกิ๊ฟเลือกฟังแต่สิ่งที่มันเป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะต่อตัวเอง หรือคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยากหรือไม่อยากฟัง
ความเป็นผู้ใหญ่คือ การเลือกที่จะฟังในสิ่งที่เราไม่อยากฟัง การเลือกที่จะฟังคนอื่นบ้างนอกจากตัวเอง การฟังคนอื่นก็ไม่ใช่ว่าจะฟังทั้งหมด ความเป็นผู้ใหญ่ คือเราต้องฉลาดพอในการรับสาร คำพูดของคนอื่นหากมันไม่ได้มาในรูปแบบการตักเตือน คำแนะนำ แต่เป็นการพูดลับหลัง พูดในสิ่งที่เราพลาด แต่ไม่แนะนำในสิ่งที่ถูก ก็ไม่สมควรที่จะฟัง
ในหนึ่งวันเรามีเวลาจำกัด ความเป็นผู้ใหญ่คือ เราต้องเปิดใจ และฉลาดในการรับสาร อย่าฟังแต่ตัวเอง แต่ต้องฟังคนอื่นบ้าง
สิ่งที่ไม่ควรฟัง และไร้สาระที่สุด คือการฟังคนอื่นพูดลับหลัง นินทา ไม่ว่าบุคคลที่สามที่ถูกพูดถึงจะเป็นเรา หรือบุคคลที่สามนั้นจะเป็นคนอื่น แต่พูดให้เราฟัง มันคือการบั่นทอนกำลังใจ เสียสุขภาพจิต สำหรับกิ๊ฟ กิ๊ฟจะเลือกปิดโสตประสาท ไม่รับฟัง พักสมองดีกว่าที่จะรับสารแบบนี้
" เราสามารถทำนายชีวิตของเขาได้ว่าจะพัฒนาหรือแย่ลง จากหัวข้อบทสนทนาที่เขามักพูดบ่อยๆ"
" การฟังคือการรับสารที่ทำได้ง่าย แต่สำคัญที่สุด"
4. การใส่ใจในเรื่องส่วนรวม เรื่องของคนอื่น
ตอนเป็นเด็ก เรามักจะให้ความสำคัญกับความพอใจของตัวเองเป็นหลัก ตอนสนองความต้องการของตัวเอง แต่เมื่อเราโตขึ้น ประสบการณ์ การพบเจอผู้คน การเรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริงที่ว่าเราเป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งบนโลก การเรียนรู้ถึงปัญหาส่วนร่วม ปัญหาสาธารณะที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาของตัวเอง การเรียนรู้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สังคมจะพัฒนาหรือแย่ลง เราทุกคนต่างมีส่วนร่วม เช่นกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นระดับสังคมเล็กๆที่เราอยู่ ในที่ทำงาน หมู่บ้าน ประเทศชาติ หรือระดับโลก สิ่งที่แสดงว่าเราเป็นผู้ใหญ่ผ่านการเรียนรู้มา คือการที่เรามองเห็น และคิดได้ว่าการแก้ปัญหาคือการแก้ที่ตัวเราด้วย
สิ่งที่แสดงความเป็นผู้ใหญ่คือความรับผิดชอบ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากทุกการกระทำ การกระทำของเราส่งผลกระทบต่อใคร ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ สิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
สำหรับกิ๊ฟ ความเป็นผู้ใหญ่ที่ถือปฏิบัติเป็นคติเสมอมา คือการใช้ชีวิตให้มีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ แม้แต่คนสัตว์หรือว่าสิ่งของ
การที่กิ๊ฟจริงจังกับเรื่องโลกร้อน ขยะพลาสติก นั่นก็เป็นสิ่งที่แสดงความเป็นผู้ใหญ่อย่างหนึ่งของกิ๊ฟเหมือนกัน ความเป็นเด็ก เราจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำส่งผลกระทบเช่นไร โดยเฉพาะทางอ้อมที่เราอาจจะคิดไม่ถึง การทิ้งถุงพลาสติกหนึ่งฝบมีความหมายมากกว่าแค่ขยะ การทิ้งหลอดพลาสติก หรือแก้วกาแฟพลาสติก มันสร้างผลกระทบมากกว่าที่เราคาดคิด
กิ๊ฟไม่ได้บอกว่า คนที่ไม่ตระหนักเรื่องโลกร้อน หรือเรื่องขยะพลาสติดจะไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ เราแต่ละคนต่างมีเรื่องที่ "sense" รู้สึกมากน้อยต่างกัน แล้วแต่ว่าเราจะอินกับเรื่องไหน
" เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดถึงเรื่องของคนอื่น นอกจากเรื่องของตัวเอง นั่นแหละที่แสดงว่าเราเป็นผู้ใหญ่ "
5. การเป็นตัวของตัวเอง
" เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ในทุกที่ ถ้าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีพอ "
ความเป็นผู้ใหญ่ คือการที่เราเข้าใจ และให้ความสำคัญกับแก่นมากกว่า เปลือก ตอนเป็นเด็กเราไม่รู้ว่าจุดยืนของเราคืออะไร เราไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูก สิ่งที่ควรเป็นแบบใหน การเรียนรู้ของเรายังมาจากการเลียนแบบผู้ใหญ่ การฟังคนอื่นมากกว่า แต่เมื่อเราโตขึ้น การเรียนรู้จากประสบการณ์จะทำให้เรายึดหลักเหตุผล ยึดหลักมาตรฐานความเป็นจริงที่ควรจะเป็นมากกว่า
ตอนเป็นเด็กเราต้องการการยอมรับจากเพื่อน อยากมีกลุ่ม เรามักจะทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่พอใจ นิยม เป็นที่ยอมรับ
เมื่อเราโตขึ้น เราต้องการการยอมรับจากสังคม กลุ่มเพื่อน ที่ทำงานเช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน ประสบการณ์สอนให้เรารู้ว่า การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คือวิธีการได้รับการยอมรับจากคนอื่นที่ดีที่สุด
เมื่อโตขึ้นอัตตา ความเป็นตัวตนของเราจะมากขึ้น การฝืนตัวเองเพื่อให้คนอื่นยอมรับจะยากขึ้น เราจะให้ความสำคัญคุณภาพมากกว่าปริมาณ เราจะให้ความสำคัญกับแก่นมากกว่าเปลือก เลือกที่จะเป็นตัวเอง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง โลกจะผลักคนที่ต่างจากเราให้ห่างออกไป ขณะเดียวกันจะดึงดูดคนที่คล้ายกับเราให้เข้ามา
" เราไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองเพื่อให้ใครยืนข้างเรา เพราะสักวันที่ข้างเรา จะมีคนเข้ามายืนเอง "
ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการใช้ชีวิต เราไม่ใช่เด็กน้อยที่ต้องการ
การยอมรับจากคนอื่น เราไม่ใช่เด็กน้อยที่ยังแคร์สายตาคนอื่นอยู่ เราคือผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับความสุขในแบบที่เราเป็น เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ เราพึงพอใจกับการยอมรับจากสิ่งที่เราเป็น มากกว่าการยอมรับในสิ่งที่ไม่ใช่เรา
http://www.picturequotes.com/childhood-and-adulthood-were-not-factors-of-age-but-states-of-mind-quote-169147
และนี้คือทั้งหมดที่กิ๊ฟคิดว่า ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นว่าต้องอายุเท่าไร แต่คุณสามารถเป็นผู้ใหญ่ได้ ถึงจะอายุแค่ 10ขวบก็ตาม
ความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้วัดกันที่อายุ มันคือทัศนคติ การใช้ชีวิต
แต่ขณะเดียวกัน อายุที่มากขึ้น มันก็หมายถึงประสบการณ์ การผ่านเรื่องราว ชีวิตที่มากกว่า และสิ่งที่ตามมาคือ ประสบการณ์ การเรียนรู้ที่มากกว่า
หากอายุเราเป็นผู้ใหญ่ แต่ประสบการณ์ การเรียนรู้ไม่ได้มากขึ้นตามที่ควรจะเป็น ก็ควรจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า ที่ผ่านมาเราทำอะไรอยู่ เราจะอายุ 30 ทั้งๆที่ความคิด การใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรกับเด็ก 10 ขวบที่ยังรับผิดชอบ คิดอะไรเองไม่เป็น เราจะใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆหรือ?
https://world.kapook.com/pin/56d8fb244d265a27768b45bb?item=1
ปล. ผู้ใหญ่ทุกคนมีร่างเด็กน้อยอยู่ในตัว ไม่ใช่ว่าเราต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอด งี่เง่าบ้าง ขี้เกียจบ้าง ไม่มีความรับผิดชอบบ้าง เป็นภาระให้คนอื่นดูแลบ้าง ทำตัวแบบเด็ก 10 ขวบ แต่ต้องเลือกสถานที่ เวลา บุคคลดวยนะ
โฆษณา