5 ต.ค. 2019 เวลา 22:11 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สีม่วงไทเรียน (Tyrian purple) สัญลักษณ์แห่งราชันย์ : สีย้อมจากหอยที่ราคาแพงยิ่งกว่าทองคำ?
ท่านผู้อ่านเคยสงสัยกันมั้ยครับว่า ทำไมสีม่วงจึงถุกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราและชนชั้นสูง วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน??? ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าที่มาของคำถามนี้ เราต้องพูดถึงสีย้อมพิเศษชนิดหนึ่งในโลกยุคโบราณที่เรียกกันว่า "สีม่วงไทเรียน (Tyrian purple)" ความพิเศษของสีย้อมชนิดนี้นอกจากจะย้อมติดผ้าติดทนนานกว่าการย้อมด้วยคราม (Indigo)ปกติแล้ว ผ้าที่ย้อมด้วยสีชนิดนี้ยังไม่ต้องซักบ่อย ยิ่งทิ้งไว้นานสียิ่งสด (อะไรจะดีปานนั้น555) และสิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือมันเป็นสีย้อมที่หายากมากและราคาแพงยิ่งกว่าทองคำในสมัยนั้นซะอีก เนื่องจากมันมีวิธีเตรียมที่ซับซ้อนโดยจากบันทึกของPliny The Elder นักเขียนชาวโรมันได้บอกไว้ว่าสีย้อมไทเรียนเป็นที่รู้จักของชาวฟินิเชียนมาตั้งแต่ช่วง 1,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยสีย้อมไทเรียนสกัดมาจากต่อมและเมือกที่ได้จาก"หอยมิวเร็กซ์" (Murex: Murex brandaris Linnaeus, 1758) ที่พบมากในชายฝั่งทะเลในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก โดยเฉพาะแถบเมืองท่าไทร์ (Tyre) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสีย้อมชนิดนี้ โดยว่ากันว่ากว่าจะได้สีย้อมนี้หนึ่งกรัมต้องเก็บหอยมิวเร็กซ์มากถึง 12,000 ตัว (น้ำหนักมากกว่าหนึ่งตัน!!!) เพื่อนำมาสกัดสีย้อมที่ต้องใช้เวลาเตรียมนับเดือน ด้วยความหายากและการเตรียมที่ยากยิ่งกว่าแบบนี้ สีย้อมไทเรียนจึงถูกสงวนสิทธิ์ให้ใช้เฉพาะกับเหล่ากษัตริย์ในยุคโบราณและเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ในยุคโรมันเองสีย้อมชนิดนี้ถูกนำมาย้อมผ้าคลุมทอก้า (togas) ให้เฉพาะกับวุฒิสภาและชนชั้นสูงเท่านั้น นับตั้งแต่นั้นมาสีม่วงไทเรียนจึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและชนชั้นสูงเรื่อยมาจนกระทั่งถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในต้นศตวรรษที่ 19 จึงเสื่อมความนิยมลงจากการคิดค้นสีย้อมสังเคราะห์ขึ้น
2
เมืองท่าไทร์ (Tyre) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศเลบานอนเป็นแหล่งที่มาของชื่อสีย้อมไทเรียน โดยในตำนานปกรณัมกรีกกล่าวไว้ว่าสีย้อมชนิดนี้ถูกค้นพบโดยกษัตริย์ฟีนิกซ์แห่งไทร์ (King Phoenix of Tyre) ขณะพาสุนัขของเขาไปเดินเล่นริมหาด
สาเหตุที่ทำให้สีย้อมไทเรียนมีคุณสมบัติที่ดีกว่าการย้อมด้วยครามปกติก็เนื่องมากจากโครงสร้างโมเลกุลของมันนั่นเอง ซึ่งกว่าจะมีการค้นพบเจ้าโครงสร้างของสีย้อมไทเรียน ก็ต้องรอไปจนถึงปี ค.ศ.1909 เมื่อนักเคมีนาม Paul Friedländer สามารถระบุได้ว่าสีย้อมนี้มีสูตรโครงสร้างคือ "6,6'-dibromoindigo" ที่มีอะตอมของโบรมีน (Bromine) มาเกาะที่วงแหวนอะโรมาติกของ Indigo ซึ่งอินดิโกเป็นองค์ประกอบหลักของสีย้อมครามที่เราๆท่านๆทั้งหลายใช้ย้อมสียีนกันอยู่ทุกวันนี้นี้เอง (เพิ่มอะตอมโปรมีนมา 2 อะตอมอัพค่าตัวโหดมากครัช^^) การเพิ่มอะตอมของโบรมีนเข้ามาทำให้โมเลกุลของสีย้อมหนักมากขึ้น มันจึงทนทานต่อการถูกซักล้างอย่างมาก อีกทั้งการที่มีอะตอมโบรมีนทำให้เกิดแรง Electronegavity ดึงอิเลกตรอนให้อยู่ในโครงสร้างอะโรมาติก (Aromatic) นานขึ้นส่งผลให้สีย้อมมีความแวววาว สดใส แม้จะใช้ไปนานๆ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของ6,6'-dibromoindigo คือตัวมันเองมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียโดยธรรมชาติ (Antimicrobial activity) เพราะมันเป็นสารประกอบโดยธรรมชาติที่หอยมิวเร็กซ์สร้างมาเพื่อป้องกันตนเอง ด้วยเหตุนี้ผ้าที่ย้อมสีม่วงไทเรียนจึงไม่ต้องซักบ่อยจากคุณสมบัติต้านเชื้ออันน่าประทับใจนี้เอง (ดีไปอีกกกกก) รู้อย่างงี้ต้องหามาใส่สักตัวแล้วว่ามั้ยครับอิอิ
สูตรโครงสร้างของสีย้อมไทเรียนคือ6,6'-dibromoindigo ซึ่งแตกต่างจากสีย้อมครามที่มีสูตรโครงสร้างเป็นindigo แค่เติมอะตอมโปรมีนเข้ามาเท่านั้น แต่มูลค่าต่างกันลิบลับเลยครับ ^^
อย่างไรก็ตามสีย้อมนี้ก็มาถึงคราวซบเซาเมื่อโลกเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เพราะมีการค้นพบสีย้อมสังเคราะห์ซึ่งมีราคาถูกกว่าและคุณภาพดีกว่าขึ้นมาทดแทน อย่างกรณีของสีย้อมไทเรียนสีย้อมสังเคราะห์ซึ่งมาทดแทนคือ "สีม่วง Mauvine" ซึ่งถูกค้นพบโดยบังเอิญจากความพยายามสังเคราะห์ยาควินินโดยเซอร์ วิลเลียม เฮนรี่ เพอร์กิน (Sir William Henry Perkin) ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ของโลกในเวลาต่อมา ถึงอย่างไรก็ตามในปัจจุบันความนิยมในสีม่วงก็ยังคงไม่เสื่อมคลายและมันถูกสื่อถึงความหรูหราเหนือระดับเสมอมาท่านผู้อ่านเห็นมั้ยหล่ะครับแค่สีย้อมธรรมดาๆอย่างสีม่วงก็มีเรื่องราวมากมายและน่าติดตามได้ขนาดนี้ ไว้โอกาสน่าผมจะนำเสนอเรื่องราวน่าสนใจอะไรอีก อย่าลืมกดติดตามผลงานเราได้ทาง Blocdit นะครับ ^^
ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร สีม่วงก็สื่อถึงสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงและความหรูหราเหนือระดับเสมอมาแม้กระทั่งทุกวันนี้ครับ
โฆษณา