6 ต.ค. 2019 เวลา 11:10 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 29
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561
ผมตื่นขึ้นในตอนเช้า และเปิดเต๊นท์ออกมา
เพื่อจะดูทุ่งหญ้าโล่งๆบรรยากาศยามเช้า
แต่ผมต้องตกใจ เมื่อผมมองไม่เห็นทุ่งเลย
มองเห็นแต่เพียงหมอกขาวๆและพุ่มไม้เป็นเงาอยู่ไกลๆ
บรรยากาศ
บรรยากาศมันชวนโลแมนติกมาก
แต่ผมมาคนเดียวนี่สิ ผมก็เลยปรับบรรยากาศใหม่
เป็นการดื่มด่ำกาแฟและบรรยาการหมอกหนาในสวนสนแทน
อากาศเย็น
ผมมองเข้าไปในสวนสน มีแสงอาทิตย์ส่องเป็นสายตัดหมอกขาว
แทรกตัวมาตามต้นสนและพื้นหญ้าสีเขียว เป็นสายแสงสีเหลืองๆ
มันเป็นภาพที่สวยงามจนบอกไม่ถูก กล้องเองก็คงบันทึกได้ไม่หมด
ผมก็ได้แต่ใช้ตากับใจผมเองบันทึกความรู้สึกนี้เอาไว้
ดวงอาทิตย์กำลังขึ้น
พอสายๆผมก็เตรียมตัวเข้าไปทุ่งหญ้าและสวนสนในอุทยาน
ที่อยู่ลึกเข้าไป โดยผมก็ได้พกกล้วยเข้าไปด้วย 1 หวี
เผื่อหิวพอได้กิน ผมขับรถไปที่ป้อมทางเข้าที่มีไม้กั้นอยู่
ผมเลยสอบถามว่าผมสามารถเข้าไปได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่บอกว่า
ทางอาจจะลำบากหน่อย เพราะเมื่อคืนฝนตกเป็นทางดินจะลื่นมาก
แต่ด้วยรถผมเป็นรถเล็กเจ้าหน้าที่ก็เลยอนุญาติให้เข้าไปได้
ผมมีความตั้งใจว่าจะเข้าไปดูสัตว์ป่าในทุ่งด้วย
เพราะได้ยินว่ามีอยู่ กวาง กระทิง ผมขับรถตามทางดำไป
จนไปถึงทางแยกไปทุ่งนางพญาซึ่งเป็นทางดินทั้งหมด
ซึ่งต้องเข้าไปลึกสิบกว่าโล และดูทรงแล้ววันนี้คงไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวอื่นๆที่จะเข้าไปเท่าไหร่
ทางเข้าทุ่งนางพญา
ผมขับเข้าไปตามทาง ซึ่งมองเห็นทุ่งโล่งกว้างรอบด้าน
ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศเย็นๆ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง
ที่อยู่ในทุ่งแห่งนี้ เพราะผมไม่เห็นคนเลย
ถนนทอดยาว
ผมเป็นใครกันแน่ ความคิดนี้เริ่มลอยเข้ามาในหัว
เพราะบรรยากาศมันทำให้ผมลืมว่าผมเป็นใคร
ตลอดเวลาที่เราใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ เราทำอะไรอยู่
เพราะเกิดมาผมพึ่งได้สัมผัสอารมณ์อิสระแบบนี้จริงๆ
ตรงนี้ไม่มีอะไรในแบบที่เราเคยใช้ชีวิต ไม่มีตึก ไม่มีผู้คน
มีแค่เสียงรถเครื่องผมเท่านั้นที่สอดแทรกความเงียบของที่แห่งนี้
ถนนน้ำเซาะ
ผมมุ่งหน้าลึกเข้าไป โดยไม่มีความกลัวใดๆรู้สึกแค่มีความสุข
ที่ได้ทำแบบนี้ ได้เดินทาง ได้มีอิสระ ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น
ผมจอดรถเป็นระยะๆเพื่อฟังเสียงอื่นๆในทุ่งป่าแห่งนี้
รูปคู่กับเพื่อนเดินทาง
ทางก็จะเจอแอ่งน้ำเป็นระยะๆผมก็ผ่านไปเรื่อยๆ
ผมกำลังขับผ่านแอ่งน้ำแห่งหนึ่งที่ขวางอยู่ แต่ผมคิดว่าคงไปได้
ไม่น่ามีอะไร แต่ปรากฎว่าแอ่งน้ำตรงน้ำ มีหลุดและถนนในน้ำมันไม่เรียบ
จนผมสะดุดล้มลงทั้งรถทั้งคน ลงไปแช่ในน้ำ ผมรีบยกรถขึ้นเพราะกลัวน้ำเข้าเครื่อง และรีบเข็นขับพยุงรถออกมา ผมได้แต่หัวเราะตัวเอง
ที่มาแช่ได้เล่นซะได้ โชคดีที่กล้องที่พักมาอยู่ในกระเป๋ากันน้ำ
ไม่งั้นคงแย่ แต่ตัวผมเปียกเรียบร้อย
ลงแช่น้ำเล่น
ผมขับไปต่อก็เจอรถกระบะสวนออกมาคันเดียว เค้าน่าจะเข้าไปตั้งแต่เช้า
เส้นทางจะเป็นป่าสนทึบสลับกับทุ่งโล่งเป็นระยะ และผมก็ไปลื่นล้มอีกครั้งจนได้ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง เพราะดินโคลนบนถนนทำให้ล้อรถผมลื่นเสียหลักล้ม ซึ่งการมารถล้มในป่าแบบนี้ มันไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย
กลับนึกถึงตอนเด็กที่ขี่จักรยานล้มตามทุ่งนา
ล้มครั้งที่ 2
ผมเอารถขึ้นแล้วขับไปต่อ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจอดถ่ายรูปทุ่งตรงนี้
มันเป็นถนนที่แทรกตัวอยู่กลางทุ่งหญ้าสูง และข้างหน้าเป็นแนวป่าสน
ตัดกับภาพฟ้าสีครามและก้อนเมฆ ผมรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ลงตัวมาก
ถนนกลางป่าสนทุ่งหญ้า
และแล้วผมก็มาถึงป่าสนสองใบ ทุ่งนางพญาเมืองเลน
ผมเดินสำรวจถ่ายรูปคนเดียวเต็มที่ เพราะไม่มีใครอื่นเลย
นอกจากผมคนเดียว ผมไม่ต้องกังวลว่าจะถ่ายวิวได้ไม่เต็มที่เพราะจะติดคนอื่น เพราะตอนนี้ไม่มีใคร ผมก็คิดขำๆว่าจะมีตัวอะไรออกมาให้เห็นหรือป่าว
ทุ่งนางพญาเมืองเลน
ผมได้ยินแต่เสียงนกกับเสียงลมที่พัดปลายสนเท่านั้น ผมอยู่ตรงนี้พักหนึ่ง
แล้วก็ตัดสินใจหันหัวรถกลับ และไปเห็นศาลาที่เค้าน่าจะทำไว้ให้ชมสัตว์
ผมก็คิดว่าเพราะเสียงรถสัตว์อาจจะวิ่งหนีเพราะตกใจก็เลยไม่เห็น
เลยตัดสินใจดับรถและจอดไว้
ศาลา
ผมเอาเสื้อรองเท้าอุปกรณ์ที่เปียก ออกมาตากไว้
เพราะคิดว่าจะอยู่ตรงนี้สักพัก
ตากเสื้อ
จากนั้นก็เริ่มตั้งกล้องไว้ เพื่อจะได้ถ่ายสัตวน์ป่าที่ออกมา
ระหว่างนั้นผมก็เด็ดกล้วยที่พกมา 1 หวี กินไปเรื่อยๆ
ตั้งกล้องส่องสัตว์
ในระหว่างที่นั่งผมก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย จากที่ได้เดินทางมา
จนถึงวันนี้ก็ประมาณยี่สิบวัน ผมรู้สึกว่าจริงๆผมต้องการแค่อิสระ
แต่ก่อนทำงานรู้สึกว่าการจะออกมาใช้ชีวิตแบบนี้ต้องเป็นคนรวย
ต้องมีเงินเยอะ ถึงจะเดินทางอะไรแบบนี้ได้ แต่การออกเดินทางครั้งนี้
ทำให้ผมค้นพบว่าจริงๆไม่ได้ใช้ค่าใช้จ่ายอะไรเยอะเลย
แถมรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายพอๆกับที่เราใช้ชีวิตทำงานปกติแต่ก่อนเลย
ได้เดินทางไปในที่ต่างๆแบบนี้ รู้งี้ผมออกเดินทางตั้งนานแล้ว
และด้วยเราเดินทางแบบกางเต๊นท์แบบบ้านๆธรรมดา
เราเลยมีโอกาสได้เจออะไรมากมาย
ผมเริ่มวางแผนให้ตัวเองว่า ต่อไปถ้ากลับไปทำงาน ก็คงจะไม่ทำยาวแบบแต่ก่อน ทำสักปีหรือจบงาน ก็ออกเดินทางท่องเที่ยวสักเดือน แล้วค่อยหางานใหม่ ผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้น่าจะดีกว่าทำงานยาวต่อเนื่อง เพราะรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตจริงๆไม่ต้องยึดติดกับงานมาก แต่ก็ต้องพอเลี้ยงชีพดูแลครอบครัวตัวเองได้ แบบนี้ก็น่าจะโอเคร แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะทำงานอะไรต่อ คงต้องกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน ค่อยว่ากันอีกที
2
นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ผมนั่งโง่ๆอยู่กลางป่าเพื่อรอดูสัตว์ ผ่านไปเป็นชั่วโมง ไม่มีออกมาให้ดูสักตัว ผมก็รู้สึกขำกับตัวเองมาก มานั่งอะไรตรงนี้ตั้งนาน แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเลย เพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรเสียหาย จะจเออะไรไม่เจออะไร ก็แล้วแต่วาสนา
ผมเลยตัดสินใจเก็บอุปกรณ์ขับรถกลับออกมา ระหว่างทางก็จอดถ่ายรูปเรื่อยๆ ผมรู้สึกชอบทุ่งแบบนี้มาก มันมองได้ไกล และรู้สึกเราอยู่ใกล้มันดี
วิวข้างทาง
ผมขับรถกลับมาที่เต๊นท์ และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก
จากนั้นก็เอาเปลไปผูกกับต้นไม้แถวหน้าเต๊นท์แล้วนอนเล่น
มีพี่ๆกลุ่มหนึ่งที่มาจากทางเหนือ ก็ทักทายบอกลากันเพราะเค้าจะออกเดินทางต่อไป ส่วนผมนะเหรอขอนอนเล่นก่อน ยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหน
ผูกเปลนอน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา