7 ต.ค. 2019 เวลา 04:23 • กีฬา
ทำไมแม้จะผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่รอย คีน ยังคงเป็นกัปตันทีมในใจของแฟนๆแมนยูเสมอ นี่คือเสี้ยวหนึ่งในความยิ่งใหญ่ของ "คีโน่"
เพจกีฬา SPORTbible เคยทำการโหวต ถามแฟนบอลว่า ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้งมาในปี 1992 คุณคิดว่าใครคือกัปตันที่ดีที่สุด
ปรากฏว่า คะแนนเสียงอันดับ 1 คือชายที่ชื่อ รอย คีน อดีตกัปตันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เขาได้คะแนนโหวตมากกว่าทั้งปาทริก วิเอร่า, จอห์น เทอร์รี่ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทิ้งขาดกันพอควรเลยทีเดียว
ขณะที่แกรี่ เนวิลล์ อดีตนักเตะปีศาจแดงก็ยอมรับว่า รอย คีน คือกัปตันที่ดีที่สุด เท่าที่เขาเคยเล่นด้วยตลอดอาชีพนักฟุตบอล
"นี่คือนักเตะที่ส่งแรงพลังใจให้เพื่อนๆได้ดีที่สุด คือเขาอาจไม่ได้เล่นดีทุกสัปดาห์ แต่เรื่องความเป็นผู้นำ ไม่มีใครเทียบเขาได้" เนวิลล์กล่าว
"เขาจะออกคำสั่งกับคุณตลอดเวลา และก็น่าแปลกที่คุณต้องฟังเขาเท่านั้นด้วย"
"เขาเหมือนกับร่างจำลองของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเลยล่ะ เซอร์อเล็กซ์ไม่ต้องห่วงเรื่องการซ้อม ถ้ามีรอย คีนอยู่ด้วย เพราะรอย ไม่มีวันทำให้มาตรฐานการซ้อมของทีมดร็อปลงไปแม้แต่นิดเดียว"
สำหรับแฟนบอลพรีเมียร์ลีก น่าจะทราบกันดีว่าความเป็นคนตรง และแข็งกร้าวของคีน ทำให้เขามีปัญหากับเซอร์อเล็กซ์บ่อยมาก
ซึ่งปกตินักเตะคนอื่น ใครกล้าแหยมกับเฟอร์กี้แค่เพียงครั้งเดียว จะโดนสั่งขายทิ้งให้พ้นทีมทันที แต่กรณีของรอย คีน เฟอร์กี้นั้นยอมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ซึ่งถ้าไม่นับเอริค คันโตน่า กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รอย คีน ก็คงเป็นแค่คนเดียวที่เฟอร์กี้จะยอมได้ขนาดนั้น
คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมเฟอร์กูสัน ถึงยอมรอย คีนได้มากขนาดนั้นล่ะ?
แน่นอน ที่เฟอร์กี้ยอม เพราะรอย คีน สร้างสิ่งดีๆให้กับทีม มากเกินกว่าที่เขาจะปล่อยออกจากทีมได้นั่นเอง
และนี่คือ 4 เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า การมีคนอย่างรอย คีนอยู่ในทีม ช่วยผลักดันให้แมนฯยูไนเต็ด ดีขึ้นอย่างไร
เหตุการณ์ที่ 1
ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ ปี 1999 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝ่าฟันเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
พวกเขาหวังเข้าชิงในถ้วยใหญ่ยุโรป เป็นครั้งแรกในรอบ 31 ปี แต่ต้องมาเจอกับ ยูเวนตุส ซึ่งเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก
ในเลกแรก เล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ทำให้แมนฯยูไนเต็ด เสียเปรียบนิดๆ เพราะเสียอเวย์โกล์มา 1 ลูก
ความยากของปีศาจแดง คือต้องไปยิงให้ได้ที่สนามเดลเล่ อัลปิ ในประเทศอิตาลี
สำหรับ รอย คีน โจทย์ของเขายากกว่าคนอื่น เพราะเจ้าตัวติดใบเหลืองคาดโทษ ถ้าเขาโดนใบเหลืองในเลกที่สอง เขาจะไม่ได้ลงในนัดชิงทันที
เกมนั้น เฟอร์กี้ จับคีน ยืนคู่กลางกับนิคกี้ บัตต์ มีเจสเปอร์ บลอมควิสต์ ยืนซ้าย เดวิด เบ็คแฮม ยืนขวา คู่หน้าเป็นดไวท์ ยอร์ก กับ แอนดี้ โคล
ปรากฎว่า เริ่มเกมมาได้แค่ 11 นาที ยูเว่ นำ 2-0 จาก 2 ประตูของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ แมนฯยูไนเต็ดเมาหมัด โดนชกรัวทั้งๆที่ไม่ทันตั้งตัว
สถานการณ์ตอนนี้ พวกเขาอยู่ในสภาวะวิกฤติ เพราะต้องยิงอย่างน้อย 2 ลูกที่บ้านยูเว่ แล้วก็อย่างที่รู้ๆ พวกทีมอิตาลีเกมรับมันแข็งโป๊กแค่ไหน
นักเตะในทีมปีศาจแดงหลายคน เริ่มถอดใจ เริ่มท้อ แต่รอย คีน ตะโกนปลุกเร้าทุกคนขึ้นมา เกมมันยังไม่จบซะหน่อย ให้ตายเถอะ
นาทีที่ 24 จากจังหวะเตะมุม รอย คีน เติมขึ้นมาในเขตโทษ แล้วกระโดดโหม่งเข้าไปสุดสวย ให้ทีมไล่มาเป็น 2-1
เห็นไหม ว่ายังมีหวัง มันก็แค่ยิงสองลูกเอง
เกมนี้ หน้าที่ของคีน คือต้องประกบกับเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด ซีเนอดีน ซีดาน แบบตัวต่อตัว
เกมรุกก็ต้องเล่น เชื่อมเกมก็ต้องทำ ซีดานก็ต้องระวัง มันเป็นภารกิจที่สาหัสจริงๆของคีโน่
ไฮไลท์สำคัญของเกมนี้ เกิดขึ้นท้ายครึ่งแรก ซีดาน ใช้เทคนิคหลอกคีน จนกำลังจะหลุดไปแล้ว และมีสิทธิต่อบอลไปถึงหน้าประตูได้เลย ซึ่งคีน ก็ไม่ลังเลใจสอยซีดานกลิ้งทันที และรับใบเหลืองไป
มันเป็นใบเหลืองสะสม ซึ่งตัวคีนก็รู้ดีว่า ถ้าโดนเหลืองแล้ว สมมุติว่า แมนฯยูไนเต็ด เข้าชิงได้ ตัวเองจะไม่ได้ลงสนาม เพราะติดโทษแบน
แต่มันเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพื่อทีมเขาต้องยอม
เพราะถ้าทีมเสียประตูเพิ่มในจังหวะนั้น ก็มีโอกาสสูงที่จะตกรอบ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น มันก็เจ็บกันทุกคน สู้ให้เขาเจ็บคนเดียวจะดีกว่า
แม้จะโดนแบนในเกมต่อไป แต่คีน ก็ไม่ได้เอาเรื่องนั้น มามีอิทธิพลต่อความรู้สึก เขายังทุ่มเท เต็มร้อยในสนามต่อไป จนทีมกลับมายิงได้อีกสองลูก พลิกขึ้นนำเป็น 2-3
รอย คีน เขาวิ่งพล่าน สกัดบอลทุกจังหวะที่ทำได้ กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้ตื่นตัวตลอด และเอาชนะในแดนกลางได้อย่างเด็ดขาด จนจบเกมทีมชนะได้เข้าชิงกับบาเยิร์น มิวนิคที่คัมป์นู
จบเกม คีน ได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากผลงานอันเหลือเชื่อ
นสพ.เดอะ การ์เดี้ยน ยกให้ฟอร์มของคีนในคืนนั้น คือฟอร์มมหัศจรรย์ที่สุด ในรอบทศวรรษของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เขาเอาชนะซีดานได้อยู่หมัด
ขณะที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้ร่วมงานกับเขา"
ถ้าไม่มี รอย คีน เกมนั้น แชมป์อันยิ่งใหญ่ของปีศาจแดงในปี 1999 นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่
เหตุการณ์ที่ 2
เกิดขึ้นหลังจากแมนฯยูไนเต็ด สร้างปาฏิหาริย์ โค่นบาเยิร์น มิวนิคได้สำเร็จที่คัมป์นู
ด้วยความที่โดนใบเหลืองในเกมกับยูเว่ คีนเลยติดโทษแบน และไม่ได้ลงสนามด้วย
ตามปกติ คนที่ชูโทรฟี่แชมป์ ก็ต้องเป็นกัปตันทีม มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้ว ซึ่งกัปตันแมนฯยู ก็คือรอย คีน
แต่ในวันนั้น ปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นคนชูโทรฟี่แชมป์ ขณะที่รอย คีน ไม่ได้เข้าร่วมเฟรมถ่ายรูปด้วยซ้ำ เขาใส่สูทสีเทาอยู่ด้านนอก และยินดีกับความสำเร็จของทีมอยู่ไกลๆ
มีรายงานว่า นักเตะในทีมหลายคน อยากให้คีน เป็นคนชูโทรฟี่แชมป์
แต่รอย คีน ปฏิเสธอย่างเรียบง่าย เขาไม่ยอมเปลี่ยนจากชุดสูท มาใส่ชุดนักบอล เพื่อชูถ้วยแชมป์
1
ตลอดชีวิตการเล่น คีน ได้ชูโทรฟี่แชมป์มาแล้วมากมาย ยกเว้นก็แต่ถ้วยบิ๊กเอียร์ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เขาไม่เคยได้เป็นคนชู
ทำไมน่ะหรอ?
"คนที่ควรดื่มด่ำกับความสำเร็จเป็นคนแรก คือ ผู้เล่นที่สู้อย่างเต็มที่ในเกม พวกเขาควรได้รับเกียรตินั้นก่อน"
และนั่นคือเหตุผล ถ้าเราเสิร์ชภาพแชมป์ยุโรป 1999 ของแมนฯยูไนเต็ด เราจะไม่เห็นคีน ในเฟรม
เหตุการณ์ที่ 3
ริโอ เฟอร์ดินานด์ ย้ายจากลีดส์ มาแมนฯยูไนเต็ดในปี 2002 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์
นี่เป็นการซื้อขายที่แพงที่สุดในปี 2002 ซึ่งทีมปีศาจแดง มั่นใจว่า ริโอ คู่ควรกับค่าตัวระดับนี้ ขณะที่ ริโอเอง ก็มีความมั่นใจในฝีเท้าของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม
ในการซ้อมวันแรก เป็นการลงสนามแบ่งทีมแข่ง ริโอได้บอล จากนั้นจ่ายออกขวา ให้แกรี่ เนวิลล์
"ผมคิดว่ามันเป็นลูกจ่ายที่ดีมากนะ จ่ายตรงจ่ายแม่นยำ ไม่มีอะไรพลาดเลย"
แต่ทันใดนั้น รอย คีน หยุดการซ้อม แล้วเดินมาด่า ริโอ "จ่ายไปข้างหน้าสิ! กล้าเสี่ยงหน่อย นี่มึงไม่ได้อยู่กับลีดส์ หรือเวสต์แฮมแล้วนะ มึงอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
"ผมยืนนิ่งตัวแข็ง แล้วคิดในใจ หมอนี่มันบ้าหรือเปล่า เขาด่าผมทำไม ผมจ่ายออกข้างมันผิดตรงไหน"
"จบการซ้อมวันแรก ผมกลับบ้านแล้วคิดในใจ ผมจะรับมือกับเขายังไงได้ทุกวัน คนที่ด่าโดยไม่มีเหตุผลเลย"
อย่างไรก็ตาม หลังจากการซ้อมวันแรกผ่านไป ริโอ ก็ได้เข้าใจที่รอย คีนบอก เขากระตุ้นให้ริโอ กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นกองหลังก็ต้องแปะบอลให้แบ็กขวา แบ็กซ้าย
คีน มองว่า ริโอ มีการใช้เท้าที่ดี วางบอลแม่นแม้จะเป็นกองหลัง ดังนั้น แทงบอลให้กองกลางบ้าง หรือลองเสี่ยงโยนบอลแม่นๆให้กองหน้าดูบ้าง เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าแปะไปแปะมา
"นั่นเป็นจุดเปลี่ยนในอาชีพของผมเลย หากไม่มีรอย คีน วันนั้น ผมอาจจะยังแปะบอลให้แกรี่ตลอดไปก็ได้"
เหตุการณ์ที่ 4
ในปี 2000 ปกติแมนฯยูไนเต็ด ยุคนั้นถล่มคู่แข่ง 3-4 เม็ด เป็นประจำ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมชนะแค่ 1 ลูก จะมีเสียงแฟนโห่ออกมาจากสแตนด์
ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด แมนฯยู ชนะ ดินาโม เคียฟ 1-0 ท้ายเกมมีนักเตะบางคนโดนแฟนบอลตะโกนด่าว่า ทำไมไม่ยอมเล่นเกมบุกเข้าไปให้เต็มสูบ
นักเตะบางคนก็เสียความรู้สึก เพราะเล่นในบ้านตัวเองแท้ๆ กลับโดนแฟนตัวเองด่าแบบนั้น
รอย คีน ก็อยู่ในสนามด้วย เขารับรู้ถึงเหตุการณ์เป็นอย่างดี
วันรุ่งขึ้น รอย คีน ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุบีบีซี แล้วจวกแฟนบอลยับ
"แฟนบอลของเรา ที่เดินทางไปเชียร์เกมเยือน พวกเขาสุดยอดมาก ผมเรียกพวกนี้ว่า กลุ่มแฟนฮาร์ดคอร์"
"แต่แฟนๆที่มาเชียร์ในโอลด์แทรฟฟอร์ด บางทีผมก็สงสัยนะ ว่าพวกเขาดูฟุตบอลเป็นกันหรือเปล่า"
"แฟนบางคนเข้ามาชมในสนาม กะจะมาดื่มเบียร์สักขวดสองขวด อาจกินแซนด์วิชกุ้งสักชิ้นสองชิ้น พวกเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรในสนามด้วยซ้ำ"
"อย่าว่าแต่ดูบอลเป็นหรือเปล่าเลย ผมว่าคนพวกนี้ ยังสะกดคำว่าฟุตบอลไม่เป็นเลยมั้ง"
"ถ้าอยากเห็นทีมถล่มชนะ 3-4 ลูกทุกเกม ไปเล่นแฟนตาซีฟุตบอลโน่น คือพวกมึงต้องกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงบ้างนะ"
การที่รอย คีน กล้าด่าแฟนตัวเองแบบนี้ ถือเป็นมิติใหม่อย่างแท้จริง ปกติไม่เคยมีนักเตะคนไหนจะทำแบบนี้เพราะกลัวเสียคะแนนความนิยม
แต่ คีน ไม่แคร์
เขาต้องการปกป้องทีม และต้องการให้บรรยากาศในสนาม มันช่วยกระตุ้นนักเตะมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าแฟนบอลตัวเองมาบั่นทอนกันเอง แบบนั้นมันไม่เข้าท่าเลย
จาก 4 เรื่องที่เล่ามา เราพอจะเห็นได้ว่า รอย คีน เป็นคนที่มีความแข็งกร้าว ตรงไปตรงมา ไม่ยอมใคร
1
แต่ในเปลือกของความแข็งกร้าวนั้น เขาก็รัก และทุ่มเทเพื่อสโมสรมากไม่แพ้ใครเหมือนกัน
นั่นทำให้ เพื่อนร่วมทีมก็ชื่นชมเขาในฐานะผู้นำ ส่วนแฟนบอลก็ศรัทธา
ขณะที่เซอร์อเล็กซ์ ก็รู้ว่า ไม่มีใครเป็นกัปตันทีมได้เหมาะเท่ากับคีนอีกแล้ว นั่นทำให้เฟอร์กี้เอง ก็อดทนกับคีน มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
เราจะสังเกตได้ว่า แมนฯยูไนเต็ดในยุคนั้น มีกุนซือที่รอบรู้แท็กติก และ บริหารคนเก่งมากๆ อย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ขณะที่ในสนามก็มีผู้นำที่ครบเครื่องที่สุดอย่างรอย คีนอยู่
บรรยากาศของแมนฯยูไนเต็ดในช่วงนั้น ไม่ว่าคุณจะเก่งมาจากไหน แต่เมื่ออยู่ในสนามซ้อมแล้ว คุณก็ต้องทำให้ได้ในแบบมาตรฐานของรอย คีน
เวลาเห็นกัปตันตั้งใจซ้อม และเอาจริงเอาจัง นักเตะคนอื่นในทีมก็ต้องทำตามด้วย จะมาเหยาะแหยะ ไร้สาระ โดนคีนตบหัวทิ่มหมดแน่
ในยุครุ่งเรืองของยูไนเต็ด พวกเขามีเฟอร์กี้ เป็นโค้ช และมีคีน เป็นกัปตันคอยคุมลูกน้อง มันคือส่วนผสมอันแข็งแกร่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จมากมายของทีมปีศาจแดง
ซึ่งแน่นอน เมื่อเห็นความยอดเยี่ยมในอดีต หลายคนก็คงอดไปเทียบกับปัจจุบันไม่ได้
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นคนดี แต่เขาบริหารคนได้เทียบเคียงสักเสี้ยวหนึ่งของเฟอร์กี้หรือไม่?
ส่วนนักเตะในทีม มีใครสักคนที่มีพาวเวอร์ พูดคำเดียวให้ทั้งทีมเงียบได้หรือเปล่า
ในวงการฟุตบอลถ้าโค้ชไม่เก่ง แต่มีผู้นำในทีมดี อย่างน้อยก็พอประคองทีมเอาตัวรอดไปได้
แต่ถ้าโค้ชก็ไม่มีไอเดีย แถมนักเตะก็ยังเรื่อยเปื่อย ไม่มีใครสักคนที่จะนำเพื่อนๆได้อีกล่ะ แบบนี้มันไปกันใหญ่แน่นอน
ทีมที่มีปัญหาแล้วยังไม่คิดจะหาทางแก้ไข
ไม่ต้องให้เดา ก็พอจะเห็นปลายทางอยู่แล้วว่าจะจบอย่างไร
#KEANE
โฆษณา