7 ต.ค. 2019 เวลา 16:09 • สุขภาพ
JOKER2019
Joker 2019 ถูกพูดถึงทันทีเมื่อใกล้ออกฉายวันจริง
และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามบนโลกออนไลน์
ฉันสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ และชอบมาตั้งแต่ภาคของ Heath Ledger แล้ว
ด้วยความดาร์กของเนื้อเรื่อง และอาการป่วยของ Joker ที่แม้จะเป็นบทละคร
แต่มันสัมผัสส่วนนึงของฉันได้ราวกับว่า ฉันเข้าใจเขา
ฉันมีอาการของโรคซึมเศร้าระดับปานกลาง
ถ้าระดับสูงคือการลงมือทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
ฉันอ่านคอมเมนท์มากมายผ่านการพิมพ์บนโลกออนไลน์
บ้างก็บอกว่า คนที่มีอาการซึมเศร้าห้ามไปดูนะ บางคนลุกออกจากโรงหนังเพราะความหนักของหนัง บลาๆ ๆ
...ทำไงได้ ฉันอยากไปดูหนังคุณภาพ และเช็คคะแนนแล้ว ตัวหนังได้คะแนนถึง 9 กว่า ซึ่งน้อยเรื่องในโลกใบนี้จะทำได้..
ฉันแอบคิดว่าคอมเมนท์พวกนั้นอาจจะเว่อร์ไปซักหน่อย เพราะหากหนังส่งผลต่อโรคได้จริงๆ
จะถูกระงับ และตรวจสอบ ก่อนออกฉายกับสาธารณชนแล้วอย่างแน่นอน
ฉันตัดสินใจไปดู Joker 2019 และมันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด
Joker 2019 ตีความค่อนข้างต่างจากภาคก่อนอย่างมาก
ภาพยนตร์เล่าประวัติของชีวิต Joker ด้วยโทนหม่นหมอง และเศร้าโศก
แต่แฝงไปด้วยการถ่ายทำที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแสง
การจัดฉาก การแสดงสุด superb ของนักแสดงหลัก
(อาจมีสปอยล์นิดหน่อย ต่อ..)
หนังเปิดมาด้วยประโยคที่ว่า
‘Is it just me, or is it getting crazier out there?’
อาเธอร์คุยกับ Social Worker พนักงานรัฐที่ให้ความสนใจในอาการป่วยของเขาเท่าขี้เล็บ และเธอเป็นคนจ่ายยาให้เขาทุกเดือน เธอไม่รู้เลยว่าอาการป่วยของ อาเธอร์ รุนแรงมากทวีคูณ
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะทั้งหมดที่ตามมา
หนังพยามเสนอให้เห็นว่า อาเธอร์ ถูกกระทำแย่ๆ มากมายจากสังคม พนักงานจ่ายสวัสดิการรัฐซึ่งควรจะรับฟังเขากลับทำงานแบบซังกะตาย และไม่แยแสแม้แต่จะฟังสิ่งที่เขาจะพูด...
อาเธอร์พยามพูดหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขาอย่างตรงไปตรงมาอยู่หลายครั้ง
ฉันพยามนั่งจับใจความ และจำบทสนทนาที่อาเธอร์พูด
ฉันเข้าใจเขา..
เขาไม่อยากมีอาการแบบนี้
เขาไม่อยากซึม ไม่อยากเศร้า และเป็นบ้า
แต่เขาควบคุมตัวเองและระบบประสาทในสมองไม่ได้
 
คนที่มีอาการประสาท หรือ Mental Illness ไม่สามารถระงับตัวเองให้มีสติได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมีผู้รับฟังที่ดี
และการกินยาครบ Dose เพื่อเปลี่ยนสารเคมีในสมองให้มีค่าปกติ
ผู้รับฟังที่ดี คือคนที่ไม่ตัดสินความเป็นไปของเขา ไม่ดูถูกเหยียดหยาม หรือแสดงอาการรังเกียจปนสงสัยกับอาการบ้าของเขา ไม่คะยั้นคะยอแนะนำให้เขาทำ ในสิ่งที่คนปกติทำเวลาคนปกติเครียด เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังธรรมะ หรือ ออกไปหาเพื่อน ผู้รับฟังที่ดีคือ ฟังความคิดของเขา ฟังสิ่งที่เขาจะเล่าอาการที่เขารู้สึก อยู่ข้างๆ โดยไม่ตัดสินหรือเสนอแนะใดๆ จนเป็นการคะยั้นคะยอ
 
อาเธอร์ไม่ได้รับทั้งสองสิ่ง..
และถูกทอดทิ้งให้เผชิญกับปีศาจร้ายในสมองเขาด้วยตัวเอง
ฉันแอบร้องไห้กับบางประโยคที่ อาเธอร์พยายามจะบอก เช่น ประโยคที่เขาบอกกับ Social Worker คนนั้นว่า เธอเอาแต่ถามว่าช่วงนี้คุณมีความคิดด้านลบเกิดขึ้นไหม โดยไม่มีความรู้เพียงพอเลยว่า คนป่วยมีเพียงความคิดเดียวในสมองคือ negative thoughts.
"ALL I HAVE ARE NEGATIVE THOUGHTS"
เขาไม่มีคนรับฟัง แม้แต่ครอบครัว..
จนหนังเปิดเผยสาเหตุสำคัญของทุกสิ่งอย่างว่า
ตอนเด็ก เขาถูกทารุณมากมาย โดยไม่มีใครปกป้องแม้แต่คนเดียว
 
อีกหนึ่งสาเหตุ ของอาการป่วยทางจิตของเขาสะสมมาตั้งแต่จำความได้
โดยมันเพิ่มมากขึ้นโดยที่เขาไม่รับรู้ และไม่สามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้
ก่อนอาเธอร์จะกลายเป็น Joker เขาวิ่งวนหาทางออกให้กับตัวเอง
โดยผลักประตูทางออกบานแล้วบานเล่า ที่ผิดไปหมด ผิดทุกๆ บาน..
ถ้าเขามองเห็น และเพียงเลือกทางออกที่ถูก
เลือกอยู่ในการรักษา เลือกอยู่กับผู้คนดีๆ เลือกทำสิ่งที่กำจัด Negative thoughts ที่ล้นสมอง
หรือเลือกงานที่พาให้เขาอยู่ในการสัมผัสความสวยงามของโลกใบนี้อยู่บ้าง
Joker คงไม่เกิดมาจากอาเธอร์ ...
 
แต่ปัญหานี้เขาไม่สามารถแก้ได้ตัวคนเดียว
เพราะอาการประสาทที่ก่อตัวสมัยเด็ก กัดกินสติของความปกติเกินเยียวยาแล้ว
 
มีคนบอกว่า สถาบันครอบครัว สำคัญที่สุดในโลก
ฉันเคยได้ยินว่า ถ้าอยากเปลี่ยนโลกให้สวยงามขึ้น
ให้เรากลับบ้านไปหาครอบครัวตัวเอง
และเริ่มจากครอบครัวตนเองก่อน
จริง และจริงที่สุด..
แม่ของฉันเป็นพยาบาล
ฉันพยามบอกแม่ถึงอาการไม่ปกติของฉันเอง เวลาโรคซึมเศร้าออกอาการ
แม่ไม่ยอมรับ และแม่บอกแค่ว่าฉันคิดไปเองเสมอ จนบางทีฉันคิดว่าถ้าวันที่ฉันรับมือกับมันคนเดียวไม่ไหว อะไรแย่ๆ จะเกิดขึ้นไหม
(ในเมืองไทย Mental Illness ปิดแคบเหลือเกิน และคนไม่เข้าใจว่าการ therapy หรือบำบัด เป็นการรักษาที่ปกติใครก็ทำได้ ไม่ได้น่าอาย และเป็นทางออกของปัญหาที่ได้ผลดี)
สำหรับอาเธอร์ น่าเสียดายที่เขาถูกทอดทิ้งมานานเกินไป
และเลือกทางออกผิดไปหมด จนไม่พบแสงสว่างเล็ดลอดเข้าไปในชีวิต
ความมืดมันชนะแล้ว
วินาทีที่ความเป็น และความตายง่ายแค่ลั่นไก
และเวลาที่คุณพบว่าความเจ็บปวดทุกอย่างบนโลก ที่มนุษย์จะรับได้ ผ่านลงมาที่ตัวคุณ
เกินคำว่าเจ็บปวด ราวกับว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ ทำให้คุณเจ็บปวดได้อีกต่อไป
สมองที่ make sense และความยับยั้งชั่งใจเป็น หายไป
คุณจะพบว่า คุณสามารถฆ่าใครก็ได้โดยไม่รู้สึกถึงความผิด หรือถูก
แค่ทำไปตามที่มืออยากจะทำ เหมือนสิงโตที่ฆ่ากวางตามสัญชาตญาณ
ฆ่าเพราะมันทำร้ายเรา ฆ่าเพราะทำไม่ดีกับเรา
Joker เป็นแค่บทละครที่ประพันธ์ขึ้น และไม่มีจริง
แต่หนังเรื่องนี้ ถ่ายทอดผู้ป่วยทางจิตได้ real เหลือเกิน
ความเจ็บปวด การแสดงออกทางแววตา ฉันเข้าใจมันดี
 
บางทีถ้าเราเลือกทางออกของปัญหาได้ถูก
มองหา Light at the end of the tunnel ได้ทันเวลา
ก่อนความมืดมิดจะดับลง
เราจะมีสายรุ้งเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องร้ายแรงแค่ไหน
สายรุ้งจะติดตัวเราไป พร้อมแสงสว่างที่เราจุดขึ้นด้วยมือเราเอง
เป็นกำลังใจให้ Mental Illness Fighter ทุกคน
ภายนอกอาจจะดูปกติดี แต่ฉันรู้ว่าทุกวินาทีที่หัวใจคุณเต้นอยู่
คุณกำลังสู้กับ War ของตัวเองอยู่ พร้อมกับ War ภายนอก
มันเหนื่อย..ฉันรู้ มันเหนื่อย
แต่..
สู้นะ คุณทำได้ ก็ผ่านมาแล้วนี้ สู้ต่อจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ :))
โฆษณา