8 ต.ค. 2019 เวลา 16:41 • ธุรกิจ
8 วิธีคิดแบบยิว เพื่อรวยเหมือนคนยิว
โดย อ.อนุชา กุลวิสุทธิ์ ใน e-Book ชุด 3 "การเงิน อสังหาฯ นอกกรอบ นอกตำรา"
“ยิว” เป็นชนชาติอพยพสงครามเล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่กลับเป็นกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องการประสบความสำเร็จ ความมั่งมี และความร่ำรวย ที่เหนือกว่าชนเชื้อชาติอื่น กล่าวกันว่าผู้ควบคุมเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน ล้วนเป็นคนเชื้อสายยิว ทั้งนี้จากการสำรวจ ยังพบว่า มหาเศรษฐี 1 ใน 3 ที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ต่างมีเชื้อชาติยิวทั้งสิ้น แม้แต่ในเมืองไทยเราถึงขั้นมีคำคม เตือนผู้ไม่อยากเสียเปรียบ ก็ให้เลี่ยงคบกับคนยิวซะ
 
ตัวอย่างคนมีเชื้อสายยิว ในโลกนี้ ที่ร่ำรวย และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ก็เช่น อัลเบิร์ต ไอสไตน์ คาร์ลมาร์ค (นักเศรษฐศาสตร์การเมือง) ซิคมัล ฟรอยด์ (นักจิตวิทยา) จอร์จ โซรอส (พ่อมดการเงิน) เบน เบอร์นันเก้ (ประธานธนาคารกลางสหรัฐ) อลัน กรีนสแปน (อดีตประธานเฟด) แอนดี โกรฟ (CEOรุ่นสามของอินเทล) สตีเวน สปีลเบิร์ก (ผู้กำกับภาพยนตร์) เซอร์เกย์ บริน (ผู้ก่อตั้งกูเกิล) และ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊ก) เป็นต้น
เหตุใด และทำไม คนยิว จึงร่ำรวยและประสบความสำเร็จโดดเด่นเหนือกว่าคนเผ่าพันธุ์อื่นๆ เป็นคำถามที่หลายคนพยายามหาคำตอบ เพื่อจะได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองกัน ซึ่งผลการสำรวจในต่างประเทศ พบว่าหลักคิดและความเชื่อ ที่เป็นกุญแจความสำเร็จของคนยิว จะมีอยู่ด้วยกัน 8 สิ่ง ดังต่อไปนี้
#ขยัน อดทน และไม่ย่อท้อ ถือเป็นคุณลักษณะเด่นพื้นฐานเฉพาะตัวของคนยิวเลยก็ว่าได้ ด้วยความขยัน อดทนและอึดที่มีมากกว่านี้เอง จึงทำให้โอกาสประสบความสำเร็จมีเหนือกว่าคนเผ่าพันธุ์อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
#เชื่อว่าความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สำคัญกว่าการกินอยู่ ด้วยเหตุที่เป็นชนชาติที่อพยพหลบลี้ภัยสงครามมาตลอด ชาวยิวจึงนิยมหาที่พักในที่ปลอดภัย ทั้งนี้หากเป็นการจ่ายเพื่อที่พักและภาษี จะยินยอมจ่ายโดยไม่อิดเอื้อน หรือมีข้อแม้ใดๆ แต่หากเป็นการจ่ายเพื่อการเลี้ยงชีพในวิถีชีวิตประจำวัน พวกเขาจะประหยัด มัธยัสถ์ อดออม ใช้จ่ายอย่างรู้ค่า ไม่สุรุ่ยสุร่าย หรือฟุ่มเฟือย จึงเป็นเหตุให้คนทั่วไป มักมองชาวยิวว่าเป็นคนขี้เหนียวหรือเห็นแก่ตัว
#เชื่อว่าเรื่องสำคัญที่สุดของมนุษย์ก็คือการหาเงิน โดยจะพร่ำสอนลูกหลาน ให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญอย่างยิ่งยวดของเงิน ตัวอย่างคำสอนก็เช่น “เงินคือแสงสว่างที่สามารถสัมผัสได้” “เงินบ่งบอกถึงความสำเร็จของมนุษย์” “เงินคือพระเจ้าที่แท้จริง” หรือ “เงินคือพระเจ้าที่ปลอมตัวมา”
และด้วยเหตุที่การหาเงินของชาวยิวในอดีต มีฐานคิดมาจากความไม่มั่นคง ไม่แน่นอน ทำให้คนยิวส่วนใหญ่จะเน้นค้าขายสิ่งที่มีค่าที่สุด เก็บง่ายที่สุด เคลื่อนย้ายเร็วที่สุด เพื่อสะดวกในการหลบหลีก หรือการหลีกหนี อาทิ ค้าขายอัญมณี เครื่องเพชร ทอง เงิน และนาค เป็นต้น
#เชื่อว่าทุกคนมีความเสมอภาคในเรื่องการหาเงิน จะไม่แบ่งว่าใครสูงหรือต่ำ แต่จะอยู่ที่ สายตาของใครจะแหลมคมมองเห็นโอกาสได้ดีกว่ากัน ดังนั้นทุกครั้ง เวลาจะทำธุรกิจใดๆ จะศึกษาเรื่องนั้นก่อน อย่างละเอียด รอบคอบ รอบด้าน มุ่งมั่นและจริงจัง เมื่อมั่นใจแล้วก็จะรีบดำเนินการในทันที
#ชอบการคำนวณเป็นชีวิตจิตใจ และปลูกฝังให้คิดเป็นตัวเลข หนึ่งในตัวเลขสำคัญที่นิยมใช้กันทั่วโลกในทุกวันนิ้ ก็คือ 78:22 หรืออัตราส่วนการค้าขายคลาสสิก ซึ่งได้จากการเทียบสี่เหลี่ยมจัตุรัส 1 ภาพ แล้วเขียนวงกลมทับภายในเส้นสี่เหลี่ยมนั้น ส่วนที่อยู่นอกวงกลมทั้งสี่ด้าน จะเท่ากับ 22 ส่วน ขณะที่ส่วนภายในวงกลม ก็คือ 78 ส่วน ซึ่งหมายถึงในการค้าขายสินค้า 100 ชนิด จะมีสินค้าขายดีเพียงแค่ 22 ชนิดเท่านั้น อีก 78 ชนิดจะขายได้เรื่อยๆ หรือขายไม่ค่อยออก
#ไม่นิยมเก็บเงินไว้กับธนาคาร แต่จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์แทน เพราะมองว่า เงินที่นำไปฝากนั้น ได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าการลงทุนมาก สำหรับสินทรัพย์ที่คนยิวส่วนใหญ่นิยมลงทุนกันมาก ก็เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น อัญมณี ทอง ปล่อยกู้ และการค้าขาย
#เน้นขายสินค้าให้กับ “คนรวย” และ “ผู้หญิง” ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าสองกลุ่มนี้เป็นพิเศษ เพราะมองว่าคนรวยมีเงินเยอะ พร้อมจะยอมจ่ายเพื่อ สนองอารมณ์ ได้มากกว่า ขณะที่ผู้หญิง เนื่องจากมองว่าเป็นผู้มีอำนาจจับจ่ายใช้สอยเงินทองอย่างแท้จริง การทำธุรกิจกับผู้หญิง จึงต้องเน้นไปที่ ความสวย ความงาม เป็นสำคัญ เช่น เครื่องแต่งกายหรู เครื่องสำอาง อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน เป็นต้น
#ไม่นิยมทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้ลูกหลาน จะมีให้ก็แต่เฉพาะคำสอนในการทำธุรกิจ พูดง่ายๆ ก็คือทรัพย์สมบัติสิ่งเดียวสำหรับลูก ก็คือ ‘สติปัญญา’ โดยเฉพาะเมื่อคนอื่นบอกว่า 1 + 1 = 2 ลูกจะต้องหาทางคิดให้เป็นมากกว่า 2 ให้ได้
1
โฆษณา