8 ต.ค. 2019 เวลา 10:55
เราจะข้ามเวลามาพบกัน ...
ฉันหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยความสนใจ ด้วยหัวหนังสือที่ดูแล้ว น่าจะมีเนื้อหาโรแมนติกชวนฝัน แต่กลับเขียนโดยอาจารย์หมอที่เป็นจิตแพทย์ แถมพิมพ์เป็นครั้งที่ 28 แล้ว น่าจะมีอะไรดีมั้ง
การค้นพบเรื่องราวมหัศจรรย์นี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อดร. ไบรอัน ไวส์ ทำการรักษาคนไข้หญิงคนหนึ่งที่มีอาการของโรควิตกกังวลและซึมเศร้าด้วยวิธีการสะกดจิต (หลังจากที่รักษาวิธีทางจิตวิทยาอื่นๆไม่ได้ผล) แล้วพบว่า ระหว่างที่อยู่ในภวังค์ของการสะกดจิตรอบแล้วรอบเล่า คนไข้สามารถย้อนความทรงจำกลับไปเมื่ออดีตชาติ ซึ่งบอกถึงที่มาของอาหารป่วยของเธอได้ และที่สำคัญ อาการป่วยก็ค่อยๆหายไปในชั่วเวลาไม่กี่เดือน จากการที่เธอได้ปลดปล่อยความความรู้สึกที่ฝังลึกและเก็บกดออกมา รวมทั้งได้เรียนรู้เข้าใจชีวิตได้ลึกซึ้งขึ้น และหลังจากนั้นเป็นต้นมา คุณหมอก็มีโอกาสรักษาคนไข้อีกหลายคนด้วยวิธี “บำบัดด้วยการย้อนจิต ( Regression Therapy)
จนกระทั่งคุณหมอไวส์ได้พบกับเอลิซาเบธ นักธุรกิจสาวสวย ที่มีอาการซึมเศร้าอย่างหนักหลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต รวมทั้งความกลัดกลุ้มในความสัมพันธ์กับผู้ชาย ซึ่งต้องพบเจอกับปัญหาในการคบหาผู้ชายมาโดยตลอด จนเธอหมดความมั่นใจในตัวเองและคิดว่าคงไม่มีวันพบรักแท้อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เปโตร หนุ่มรูปงามจากเม็กซิโก ก็เข้ามารักษากับคุณหมอด้วยอาการโศกเศร้าจากการสูญเสียพี่ชายจากอุบัติเหตุ และมีปมในใจเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงสาวเช่นเดียวกัน
ในระหว่างการบำบัด ทั้งคู่ได้มีการย้อนจิตระลึกกลับไปหลายชาติ นอกจากจะค้นพบว่า ระหว่างเอลิซาเบธกับแม่ของเธอ และ เปโตรกับพี่ชายของเขา เป็นคู่ร่วมวิญญาณ (Soul companion) เคยเกิดร่วมภพร่วมชาติกัน ที่ความผูกพันนั้นเชื่อมโยงมาถึงในชาติปัจจุบันแล้วคุณหมอไวส์ยังพบผลสรุปอันน่าตื่นตะลึงโดยบังเอิญ ทั้งเอลิซาเบธและเปโตร เขาและเธอที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อยู่คนละประเทศ คนละวัฒนธรรม และมาพบคุณหมอต่างกรรมต่างวาระ กลับเคย “เชื่อม” กันมาก่อนถึง 2 อดีตชาติ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลย
ที่มา : goodmedia24hr.com
บทสรุปของสองคนนี้จะลงเอยอย่างไร ลองติดตามในหนังสือเล่มนี้ดูนะคะ เผื่อใครอยากหาอ่านด้วยตัวเอง ซึ่งคุณหมอได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ความสัมพันธ์ของคนคือชะตาลิขิต “เมื่อเราปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างอิสระ ความรักก็เอาชนะอุปสรรคทุกประการ”
จากการอ่านเล่มนี้ ฉันคิดว่าใจความสำคัญหนึ่งที่คุณหมอ อยากจะบอกกับผู้อ่าน คือ อย่าคิดกลุ้มถึงอนาคต อย่ากังวลเรื่องความตาย ให้เราหาความปิติ มีชีวิตที่เบิกบานในวันนี้ เพื่อจะได้รักและเป็นที่รักดีกว่า เพราะเราไม่ได้มีชีวิตเดียว จิตวิญญาณยังคงอยู่ และเวียนเกิดเรื่อยมา คุณหมอเปรียบเทียบได้เห็นภาพว่าร่างกายกับวิญญาณ คล้ายกับรถยนต์กับคนขับ แท้จริงแล้ว เราคือคนขับ ไม่ใช่รถ อย่ายึดติดกับพาหนะ เพราะพาหนะหรือร่างกาย มีวันเสื่อมถอย หากถึงเวลา ก็แค่ก้าวเท้าออกจากรถคันเดิม แล้วขึ้นคันใหม่ คนขับคนเดิม วิญญาณเดิม รถเท่านั้นที่เปลี่ยน...
ถ้าชื่นชอบบทความนี้ ช่วยกดไลค์ให้ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนต่อไป น้อมรับทุกคอมเม้นท์และทุกคำแนะนำ ขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านมากคะ
A glass half full
8/10/19
โฆษณา