9 ต.ค. 2019 เวลา 13:50 • ความคิดเห็น
#ASMRเล่าเรื่องผีเสียงกระซิบ
Ep10 เจ้าที่รัก
สวัสดีค่ะเคยรู้จักคำว่าเจ้าที่รักกันบ้างไหมคะ ซึ่งคำนี้ความหมายโดยนัย มักจะหมายถึงคนที่ ไม่ว่าทำอะไรก็จะมีสิ่งที่มองไม่เห็นไม่สามารถพิสูจน์ได้ช่วยเหลือเสมอ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ คนมักจะเรียกกันว่าเจ้าที่รัก
👻 ฟังสบายๆสไตล์ ASMR เสียงกระซิบคลิก 👇
👻 ดูเรื่องผีเวอร์ชั่นปกติทั้งหมดคลิก 👇
👻 ดูเรื่องผีเวอร์ชั่น ASMR ทั้งหมดคลิก 👇
👻 สำหรับคนชอบอัพเดทหนังและซีรี่ย์ใหม่ๆ👇
เรื่องที่จะเล่าให้ฟังในคืนนี้เป็นเรื่องของ น้องคนหนึ่งที่โทรมาเล่ากับช่อง Full Moon น้องชื่อ เปิ้ล น้องเปิ้ลเล่าให้พวกเราและทีมงานฟัง
ว่าเขามักมีประสบการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับตัวเขาตั้งแต่เล็ก ซึ่งตอนนั้นเขายังเด็กมากเขาก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่พอเขาโต มาแล้วเขาถึงเข้าใจว่าสิ่งที่เขาเจอนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะสามารถเจอได้
น้องเปิ้ลเล่าให้กับพวกเราฟังว่า ก่อนที่จะย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯบ้านเขาอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่ของน้องเปิ้ลเล่าให้ฟังว่าอยู่ๆก็ ก็มีโอกาสซื้อบ้านหลุดจำนอง หรือเป็นบ้านที่ขาดการผ่อนต่อหรืออย่างไรก็ไม่แน่ใจแต่เหมือนเจ้าของเขาอยากรีบขาย เลยขายในราคาถูกมากๆ พ่อแม่เขาก็เลยซื้อไว้แล้วก็อยู่กันมาตั้งแต่ช่วงเปิ้ลยังไม่เกิด จนเปิ้ล โตพอที่จะย้ายไปเรียนป.ตรี ที่กรุงเทพ
ตั้งแต่เปิ้ลเกิดนั้นแม่ของเปิ้ลมักจะเล่าให้ฟังว่า
เปิ้ลเป็นเด็กที่ไม่งอแงทั้งๆที่ถ้าเป็นเด็กคนอื่น การที่ไม่เห็นแม่แป๊บเดียวก็ร้องไห้โวยวาย เปิ้ลไม่เลยถึงแม่จะ เดินไปทำความสะอาดบ้านไปเก็บของแต่พอกลับมาก็จะเห็นเปิ้ลนอนยิ้มอารมณ์ดีในเปลทุกครั้ง แม่เปิ้ลคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าตอนท้องเปิ้ล แม่ไม่ได้เครียดทุกอย่างลงตัวไปหมดเป็นช่วงเวลาที่ดี ลูกเกิดมาจึงเป็นเด็กไม่งอแงเลี้ยงง่ายโตไว
แต่พอโตมาหน่อยเปิ้ลเข้าไปเรียนที่ประถม ก็ได้เจอเพื่อนคนอื่นๆมากมาย ในช่วงวัยนั้นจะเป็นช่วงวัยที่เพื่อนๆเริ่มคุยกันถึงเรื่องผีและวิญญาณ ทำให้เปิ้ลเริ่มเข้าใจว่าวิญญาณคืออะไรวิญญาณคือสิ่งที่อาจจะไม่ได้เห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือเราอาจจะเรียกว่าไม่มีตัวตนแต่ก็รู้สึกและสัมผัสได้ว่ายังมี สิ่งนั้นคงอยู่
พอเปิ้ลเริ่มรู้จักกับคำว่าวิญญาณเปิ้ลก็เริ่มเข้าใจ ว่าคนที่เปิ้ลเห็นตั้งแต่เริ่มจำความได้ คนที่คอยมาดูมาเล่นกับเปิ้ลบ่อยๆ ตอนที่แม่ไม่อยู่
หรือแม่ไม่ว่าง เขาคือวิญญาณนั่นเอง วิญญาณตนนั้นที่เจอเป็นผู้หญิง อายุไม่น่าจะเกิน 25 เธอผมยาวสลวย หน้าตาใจดีแววตาอ่อนโยน เปิ้ลรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่สาว มากกว่าที่จะกลัว
แล้วเขาก็อยู่กับเปิ้ลตลอด เปิ้ลไม่รู้สึกกลัวเขาเลยแถมยังรู้สึกอยากคุยกับเขาทุกวันด้วยซ้ำ ไม่ว่าเปิ้ลจะมีปัญหาเรื่องเพื่อนเรื่องการเรียน ไม่เข้าใจอะไรก็จะคุยกับเขาเสมอ เรียกได้ว่า เหมือนเขาเป็นพี่สาว พี่ที่สนิทที่สุด ของเปิ้ลเลย
ตอนเด็กๆพ่อกับแม่กังวลเพราะคิดว่าเปิ้ลคุยคนเดียวพูดคนเดียว จนพ่อแม่ไปปรึกษาคุณหมอ
แต่พอเปิ้ลเริ่มรู้ตัว ว่าคนที่เปิ้ลคุยด้วยอยู่นั้นไม่ใช่คน เปิ้ลก็เลย ไม่คุยกับเขาให้พ่อแม่เห็นอีก เปิ้ลจะแอบมาคุยเงียบๆในห้อง แทน
เปิ้ลไม่เคยทะเลาะกับพี่เขาเลย
เขาใจเย็นและให้คำปรึกษาได้ดี
และวันเวลาก็ผ่านไปจนมาถึงช่วงเวลาที่เปิ้ลต้องย้ายไปเรียนต่อที่กรุงเทพ เปิ้ลตัดสินใจคนเดียวอยู่นาน ใจนึงก็ไม่อยากจากไป เพราะที่นี่ มีทั้งพ่อทั้งแม่ และผีพี่สาวตนนั้น ถ้าไปอยู่กรุงเทพคงเหมือนกับต้องเริ่มใหม่ หาเพื่อนใหม่ๆ เปิ้ลไม่อยากไปอยู่คนเดียว เลยอ้อนวอนให้พี่สาวที่เป็นวิญญาณ ย้ายตามไปอยู่เป็นเพื่อนเปิ้ลด้วย
ซึ่งเปิ้ลเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ไหม ไม่รู่ว่าวิญญาณจะมีกฎอะไรของวิญญาณไหม แต่ก็ของอแงไว้ก่อน ผีสาวตนนั้นจากปกติยิ้มแย้มก็ดูเศร้าลงในทันที เขาบอกกับเปิ้ลว่า เขาไม่สามารถตามไปด้วยได้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผีติดที่นะ เขากำลังรอใครบางคนอยู่
เปิ้ลรู้สึกไม่พอใจครั้งแรก เพราะรู้สึกว่าอยู่ๆก็หมดความสำคัญ
อยู่ๆเหมือนโดนทิ้ง ให้ต้องไปอยู่กรุงเทพคนเดียว พ่อแม่ก็ย้ายตามไปไม่ได้เพราะต้องทำงาน เปิ้ลโกรธมาก จนวิ่งออกไปนอกบ้านกระทันหัน ไปอยู่บ้านเพื่อนจนดึก พอแม่โทรตาม จึงยอมกลับบ้าน
แต่พอกลับมาถึงบ้าน เปิ้ลก็กะจะไปขอโทษผีพี่สาวตนนั้น แต่เปิ้ลก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ด้วยใจที่มีทิฐิ เปิ้ลก็ไม่เอ่ยเรียกชื่อเขาอีก
จนถึงวันที่ต้องย้ายออกไปอยู่หอ เพื่อเรียนต่อที่กรุงเทพ
พ่อแม่ก็ขับรถไปส่งเปิ้ลถึงสนามบิน
ใจจริงเปิ้ลก็แอบหวังว่าจะเห็นหน้า ผีพี่สาวตนนั้น
มาส่งตรงที่หน้าบ้านก็ยังดี แต่มองไป ก็ไม่เห็นอะไร
เปิ้ลไปเรียนที่กรุงเทพนานถึง 4 ปี
ไม่ได้กลับมาบ้านเลย มีแต่พ่อแม่เปิ้ลเท่านั้นที่
ไปหาเปิ้ลที่กทม.
จนพอเรียนจบ ประจวบเหมาะกับ
จังหวะพ่อแม่เปิ้ลจะย้ายที่ทำงาน
จึงจะย้ายมาอยู่กับเปิ้ลที่ กทม.
เปิ้ลจึงกลับบ้านต่างจังหวัด เพื่อไปช่วยพ่อแม่เก็บของ
ก็เก็บของกันหลายวัน จนวันสุดท้าย
พ่อแม่เปิ้ลทยอยขนของส่วนหนึ่งไปให้บ้านญาติๆก่อน
เหลือเปิ้ลอยู่คนเดียว คอยดูเก็บกวาดความเรียบร้อยอีกครั้ง
ก่อนย้ายของรอบสุดท้าย
เปิ้ลคิดถึงผีพี่สาวคนนั้น ที่เคยดูแลเปิ้ลมาตลอด
เปิ้ลเอ่ยชื่อเรียกเขา เปิ้ลเรียกทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้หวังอะไรมากนัก
คิดว่าพี่สาวอาจจะไปเกิดแล้วมั้ง
แต่ก่อนที่เปิ้ลจะเดินออกไป เปิ้ลก็เห็นผีพี่สาวตนนั้น
ยืนมองเปิ้ลด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าที่คิดถึงกำลังมองมาที่เปิ้ล
เปิ้ลดีใจจนร้องไห้ พร้อมถามว่าหายไปไหนมา ด่าตัดพ้อว่าใจร้ายมากๆเลย หายไปไม่บอกซักคำ ทิ้งเขาไว้ให้เขาไปเรียนกรุงเทพคนเดียว
ผีสาวตนนั้น เอ่ยขอโทษและปลอบใจ พอเปิ้ลใจเย็นลง
เขาก็เล่าให้เปิ้ลฟังว่า เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้คนแรก
เขาเพิ่งแต่งงานและย้ายมาอยู่บ้านนี้ บ้านนี้เป็นบ้านที่เขาเก็บหอมรอมริบสร้างตัวอยู่นานกับสามี สีที่เลือกทาผนัง กระเบื้องทุกแผ่น พี่เขาเลือกซื้อเองหมด
เรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่กำลังมีความสุขเลยล่ะ แต่อยู่ๆคืนหนึ่งก็มีคนเมาแอบปีนกำแพงเข้ามา บ้านยังสร้างไม่เสร้จดี สัญญาณกันขโมยก็ยังไม่ได้ติด ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย และในเวลานั้นสามีก็ยังกลับไม่ถึงบ้าน พี่กลัวมาก ทำได้แต่ซ่อนตัวไม่กล้าวิ่งออกไป เพราะคนเมานอนกั้นอยู่ที่หน้าประตูทางออก
พี่ซ่อนตัวอยู่นาน จนพี่เห็นเขาเผลอหลับ จึงได้โอกาสวิ่งหนี
แต่อยู่ๆเขาก็ตื่นขึ้นมา คว้าขาของพี่ แล้วลากพี่ล้มลง เขาพยายามข่มขืนพี่ พี่ไม่ยอม พี่สู้สุดแรงทั้งถีบทั้งต่อย คนเมานั้นเลยโมโห บีบคอพี่จนตาย
กว่าสามีพี่จะมาถึง มันก็หนีไปไหนแล้วไม่รู้ แต่มันหนีไปได้ไม่ไกลเพราะเมา จนตำรวจจับตัวได้ง่าย สามีพี่เสียใจมาก กลับมาเจอเมียโดนฆ่าตาย เขาเสียใจจนจะเป็นบ้า ญาติเขาเห็นท่าไม่ดีถ้าให้อยู่คนเดียว ในบ้านที่เมียโดยฆ่าตายนานๆ ก็คงจะเป็นบ้าไปจริงๆ จึงจับเขาบังคับย้ายออก แล้วรีบให้นายหน้าขายบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด บ้านหลังนี้จึงถูกขายไปในราคาถูก
พี่อยากจะคุยกับสามีพี่นะ
แต่ทุกครั้งก่อนเขาจะย้ายไป
พี่ไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้เลย
จนญาติสามีพี่มาเก็บของ และพาย้ายไปที่อื่นถาวร
ต่อมาครอบครัวน้องเปิ้ลก็ย้ายเข้ามาเนี่ยล่ะ
พี่เห็นน้องตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่ พี่เคยอยากมีลูกมาตลอด
วางแผนไว้ หลังแต่งงาน 2 ปี แล้วจะมีลูก
แต่ก็มาโดนฆ่าตายเสียก่อน
พอเห็นน้องเปิ้ลคลอดออกมา จึงอยากอยู่ช่วยดูแล
อยากคอยเป็นกำลังใจ ดูเด็กน้อยเติบโตไปเรื่อยๆ
พอน้องเปิ้ลเริ่มโตมากแล้ว
ในหลายครั้งพี่ก็อยากจะตัดใจบอกลาแล้วไปเกิด
แต่พี่ก็ยังเป็นห่วงน้องอยู่ พี่กะว่าถ้าน้องโตกว่านี้คงหมดห่วง
แต่ก็มึอีกสิ่งที่พี่ยังค้างใจ คือพี่กำลังรอรอสามีพี่อยู่น่ะ
พี่ไม่รู้ว่าเขาสบายดีมั้ย เขาหายเศร้ารึยัง
พี่จึงไม่สามารถย้ายไปที่อื่นได้
และเมื่อไหร่ที่จิตไม่นิ่ง เราจะไม่สามารถสื่อสารกันได้
ถึงแม้ว่าเราจะเคยสื่อสารกันมาตลอดก็ตาม
ช่วงนั้นเปิ้ลโมโหอยู่ พี่จึงบอกเปิ้ลไม่ได้
เปิ้ลตกใจในสิ่งที่ได้ฟัง ไม่เคยนึกเลย
ว่าผีพี่สาวจะเคยเจอเรื่องราวร้ายๆแบบนี้มา
เปิ้ลคิดปต่มุมตัวเอง แค่น้อยใจตัวเองตามประสาเด็กวัยรุ่น
ไม่เคยคิดถึงเหตุผลของอีกฝ่ายเลย
วันนั้นเป็นวันที่ยาวนาน เปิ้ลขอโทษผีพี่สาว
และคุยกับผีสาวยาวมาก
เหมือนพี่น้องที่ไม่เจอกันนาน
เปิ้ลเล่าถึงเรื่องต่างๆที่ไปเจอมาที่กรุงเทพ
เล่าถึงวิธีคบเพื่อน ที่พี่สาวเคยแนะนำ เล่าถึงหนุ่มที่แอบมาจีบ
เรื่องดีใจและเสียใจ เปิ้ลเล่าให้ผีสาวฟังหมด
แต่พบก็ต้องจาก ถึงเวลาเปิ้ลก็ต้องขนของรอบสุดท้าย
เพื่อย้ายบ้านจริงๆล่ะ จำใจต้องจากกัน เปิ้ลเอ่ยลา
ผีสาวยิ้มรับ
เปิ้ลเดินออกมาด้วยความรู้สึกอิ่มใจ
พอรถเคลื่อนตัวมาถึงหน้าปากซอย ก็เห็นคุณลุงคนหนึ่ง
กำลังเดินเข้าไปยังซอยบ้านเก่าเปิ้ล ซึ่งเปิ้ลก็ได้แต่หวังว่า ลุงคนนั้นอาจเป็นสามีของผีพี่สาว ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดี
และนี่ก็คือเรื่องเล่าวิญญาณที่อบอุ่นใจที่สุด
เท่าที่เหล่าฟูลมูลเคยฟังมา สำหรับผู้ฟัง ถ้ามีเรื่องผีวิญญาณหลอน
หรือเรื่องแนวอบอุ่นใจ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ ให้ชาวฟูลมูลได้ฟังกันก็มาพิมพ์ทิ้งไว้ที่ในคลิปเลยนะคะ เรื่องใครถูกรับเลือกให้มาเล่าในช่อง จะได้รับรางวัลสร้อยคอเรืองแสง รูป Full moon พระจันทร์เต็มดวงสวยๆไปครองเลยจ้า ส่งเรื่องเล่ากันมาเยอะๆนะคะ ถ้ายังไม่มีเรื่องเล่า ก็แวะมาเม้นมาคุยกับเฉยๆก็ได้น้า
แล้วมาเจอกันใหม่ ใน Full Moon เล่าเรื่องผี คืนพระจันทร์เต็มดวง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา