8 ต.ค. 2019 เวลา 22:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
7 อันดับมหัศจรรย์การค้นพบในอวกาศ....🚀🚀🚀
อันดับ 7
Galactic Cannibalism
เมื่อมีgalaxy ใดก็ตาม 2 galaxy โคจรกันใกล้มากเกินไป เจ้า galaxy ที่มีขนาดใหญ่กว่าจะดูดกลืน galaxy ที่มีขนาดเล็กกว่าเข้าไปโดยใช้เเรงโน้มถ่วง ...
ทว่าเรื่องทีชวนให้ขนลุกเล็กแบบspidy sense ก็คือ นักวิทยาศาสตร์ได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า Galaxy Milky Way หรือ ทางช้างเผือกของเราจะรวมเข้ากับ Galaxy Andromeda เเละจะกลายเป็น New Galaxy เกิดขึ้นในอีก 4.5พันล้านปีข้างนี้ที่ใกล้จะถึง (..อยากอยู่ให้ถึงงานฉลองวันรวมGalaxy นี้จริงๆ...) และอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ก็คือเจ้า Galactic Cannibalism ยังสามารถทำให้เกิดดาวดวงใหม่ได้จากการรวมตัวเข้าหากันของเมฆอวกาศนั่นเอง..
อันดับ 6
the eye of sauron
ชื่อคุ้นๆแน่อนครับ สำหรับท่านผู้อ่านที่ได้ชมภาพยนต์เรื่อง Lord of the ring ต้องคุ้นเคยเเละจดจำเจ้าดวงตาแห่งไฟหรือ Dark lord ได้ใช้ไหมครับ ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วมันมีอยู่จริงครับพ่อเเม่พี่น้องที่เคารพ เพียงแค่มันไม่ได้อยู่บนโลกแต่มันมีอยู่จริงบนอวกาศมานานแสนนาน...
จุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มดาว Piscis Austrinus ครับ และศูนย์กลางของดวงตามีชื่อเรียกว่า Fomalhaut อันเป็นดวงดางที่มีความสว่างเป็นลำดับที่ 18 ของจักรวาล และยังมีการคาดการณ์ถึงขนาดของมันว่าอาจจะใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ถึง 2 เท่า บริเวณโดยรอบยังค้นพบก๊าซและฝุ่นดวงดาวใกล้ๆกับ Eaglel Nebula ที่ถูกถ่ายเอาไว้ด้วยกล้องโทรทรรศน์ Hubble แสดงให้เห็นเหมือนมือขนาดยักษ์กำลังเอื้อมออกไปในอวกาศอีกด้วย..
อับดับ 5
Hypervelocity Stars
หรือแกชื่อเรียกว่า...ดาวฤกษ์ความเร็วสูง
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า มีดาวอีกมากมายที่โคจรกันเป็นคู่ ซึ่งถ้าหากมีดาวคู่ไหนบังเอิ๊ญญญญญญญ...โคจรเข้าไปใกล้ๆกับหลุมดำและถูกของดำ..เอ๊ยมะใช่ๆๆๆ...
หลุมดำดูดกลืนเข้าไปดวงใดดวงนึงละก็ ดาวดวงที่เหลือก็จะถูกดีดออกหลุดไปในอวกาศเนื่องจากไม่มีแรงโน้มถ่วงดึงดูดเอาไว้นั่นเอง และดาวที่ถูกดีดออกมาจะสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 500 km/s เลยนี่นั่น..
อันดับ 4
CFBDISR_2149-0403 (ตกลงมันชื่อดาวหรือรหัสไวไฟกันนี่ 🤣🤣🤣🤣)
นี่ถือเป็นการตั้งรหัสไวไฟ....เอ๊ยมะใช่ละ..
ตั้งชื่อดวงดางได้ระดับ universe class จริงๆ ...
แท้ที่จริงมันคือชื่อเรียกของ "มวลของดาวเคราะห์ที่ล่องลอยอยู่ใกล้กับกลุ่มดาวปลากระโทงเทง (นี่ก็ขยันตั้งชื่อจริงๆ..) ซึ่งเเท้ที่จริงเเล้วมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวปลากระโทงเทงเลยสักกะนิด เขาจึงไม่รู่ว่าจะจัดประเภทขิงมวลดาวเคราะห์นี้ให้อยู่หมวดหมู่ไหนดี ...
(ถ้าคุณค้นพบดาวดวงใหม่ในจักรวาลเเล้วยังนึกชื่อแจ้งเกิดไม่ทัน แนะนำให้หันไปมองรหัสไวไฟที่ใกล้ตัวทันได้ครับ...)
อันดับ 3
The taste of raspberries and rum...
ข้อมูลศึกษาหนึ่งอ้างว่า.. นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการกรองสัญญาณจำนวนมากกลับมาให้เราจากใจกลางจักรวาล ซึงบริเวณที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ Sagittarius B2 ซึ่งเป็นชื่อของเมฆฝุ่นละอองขนาดใหญ่ตรงกลางทางช้างเผือก อีกทั้งยังค้นพบสารเคมีที่เรียกว่า Ethyl Formate ซี่งมันเหลือเชื่อมากเพราะสารตัวนี้เป็นสารที่ให้รสชาตของ raspberries แถมยังให้กลิ่นของเหล้ารัมอีกด้วย และผลการวิเคราะห์ของDr.แบลล็อคจากคอลเเนลยูนิเวอร์ซิตี้ ยังพบด้วยว่าจาก โมเลกุล 50 ชนิด มีโมเลกุลที่ไม่เคยพบเห็นในโลกมาก่อนอยู่ 2 ชนิด.....
อันดับ 2
Large Quasar Group
คือโครงสร้างทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นรอบหลุมดำขนาดใหญ่เเละเป็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลที่เราเคยรู้จัก ข้อมูลบอกเราว่ามีการค้นพบ Quasar แรกในปี 1982 หลังจากนั้นก็มีการค้นพบมาอย่างต่อเนื่อง โรเจอร์เเละเพื่อนของเขาที่ม.แลงคะแชงได้ค้นพบ Huge Large Quasar Group ในปี 2003 และอีกหนึ่ง Quasar ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Supermasive Jo100+2802 (เต็งโต๊ดบนล่างซ้ายขวาหน้าหลังกลับไปมาจัดปายยยยย.....🤣) นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ากลุ่มQuasarขนาดใหญและส่องสว่างอยากมากนี้ กำเนิดขึ้นหลังปรากฏการณ์ Bigbang เพียง 1000 ล้านปีให้หลังเท่านั้น นับเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเริ่มต้นจักรวาลของเราเลยละ ยังมีวัตถุขนาดมหึมาที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องมานั่งขบคิดกันอีก 1 อย่างก็คือเจ้า Eridanus Superviod นั้นเอง เจ้า Eridanus Superviod เป็นวัตถุที่สามารถขยายตัวได้ถึง 1.8 พันล้านปีแสงและเต็มอัดเเน่นไปด้วย....."ความว่างเปล่า".....ซึงในขณะที่บางคนก็เชื่อว่าเจ้าสิ่งนี้มันก็คือ "หลุมดำ" ดีๆนั่นเอง..
อันดับ 1
หลุมขาว (White Hole)
เมื่อมีฝ่ายอธรรม..ก็ย่อมมีฝ่ายธรรมะ....
หลายๆคนคงจะคุ้นเคยกับคำว่าหลุมดำกันถูกไหมครับ... ทว่าหลุมดำกับหลุมขาวกลับมีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างน่าปีะหลาดใจทีเดียว..
นักฟิสิกส์ทฤษฎี Carlo Rovelli และทีมวิจัยจาก Aix-Marseile University ประเทศฝรั่งเศส รวมถึง Francesca Vidotto จาก University of the Basque Country ประเทศสเปน เสนอเเนวคิดที่ว่า " หากหลุมดำตาย... อาจเกิดหลุมขาวได้"
การมีอยู่ของหลุมนั้นพิสูจน์ได้จากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์ โดยเมื่ออะไรก็จามที่ผ่านขอบของหลุมดำเข้าไปจะไม่สามารถกลับออกมาได้อีก เราเรียกขอบนั้นว่า Event Horizon แต่หลุมขาวจะมีลักษณะตรงกันข้ามนั่นคือ "ไม่มีอะไรผ่าน Event Horizon ของหลุมขาวเข้าไปได้ "
ในปี ค.ศ 1970 สตีเฟน ฮอวคิง กล่าวว่า หลุมดำจะปลดปล่อยรังสีออกมาแล้วค่อยๆหดตัวลงจนสลายหายไปในที่สุด
Rovelli กล่าวว่า เมื่อหลุมดำหดตัวลงไม่น่าสลายหายไป แต่เมื่อมันหดตัวลงจนถึงจุดที่ไม่สามารถบีบให้เล็กลงมากกว่านั้นไ หลุมดำละแปรสภาพย้อนกลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามก็คือ หลุมขาว นั่นเอง...ซึ่งหลุมขาวตามทฤษฎีของเขาจะไม่ปล่อยรังสีและเราจะมองมันไม่เห็นเนื่องจากมันเล็กกว่าความยาวคลื่นเสงเสียอีก ...
Vidotto กล่าวว่า การศึกษาหลุมขาวอาจไขปริศนาเรื่องสสารมืด(Dark Matter) ที่มองไม่เห็นกระจายอยู่ในเอกภพซึ่งยังเป็นปริศนาได้ด้วย... คงต้องรอติดตามคำตอบกันต่อไปในทุกๆๆๆชาติเเน่เบย...😅😅😅
อันดับ 0
รูหนอน (Wormhole)
เกิดจากหลุมดำแต่ละหลุมควบรวมเข้าหากัน อย่างไรก็ตามรูหนอนเหล่านี้จะยุบตัวลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากเเรงโน้มถ่วงของตัวมันเองแม้กระทั้งแสงก็ยังไม่สามรถลอดผ่านได้ทัน (ในOnepiece จะมีผล Womu Womu (รูหนอน) มะนะ คิซารุก็คิซารุเถอะ...😁😁😁) กุญแจสำคัญในการเกิดรูหนอนขึ้นได้ก็คือพลังงาน " Negative " ซึ่งในอวกาศแท้ที่จริงเเล้วไม่ได้ว่างเปล่าซะทีเดียว แต่มีขั้วอนุภาคเมือนที่เกิดขึ้นเเละหักล้างกันในเวลาอันรวดเร็ว..
หากในระยะเวลาอันสั้นที่ส่งผลให้เกิดการโค้งงอของกาลอวกาศและเมื่อกาลอวกาศโค้งงอมาจนถึงระดับนึงก็จะเกิดเส้นทางกาลอวกาศที่เรียกว่า "รูหนอน" ขึ้น ..หากเราต้องการที่จะสร้างรูหนอนขึ้นด้วยตัวเองเเล้วละก็ ไม่ยากๆๆๆๆ...เมื่อเราสร้าง Negative Power มากเท่าไรเพื่อจะให้รูหนอนคงอยู่เป็นเวลานาน เราก็แค่สร้าง Positve Power มาชดเชยให้ได้มากเท่านั้น เห็นมะครับง่ายดายขนาดดดดดด.... ว่าเเต่เเล้วเราต้องสร้างพลังงานทPositve มากเท่าไรกันนี่..🤔🤔🤔🤔
โดยทฤษฎีเเล้ว " ในการสร้างพลังงาน Negative ให้มากพอต่อการรักษารูหนอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตรให้คงอยู่เป็นเวลานาน เราจะต้องสร้างพลังงาน Positive ที่มากกว่าพลังงานที่ดวงอาทิตย์ผลิตขึ้นภายใรเวลา 1 ปีถึง 10,000 ล้านเท่า...😱😱😱😱 " (จ้างโทนี่ สตาร์คส้างอุโมงควอนตัม+ซื้ออนุภาคพิมมาใช้ไปพลางๆก่อนท่าจะดี...)
ฮันสทรูเตอร์เเละทีมวิจัยของเขาทีทรุบิงเก้น ได้สร้างภาพจำลองชองทางลัดข้ามกาลอวกาศขึ้นด้วยคอมฯตามสมการของไอน์สไตน์และสามารถคาดเดาได้ว่า..."เมื่อเราเดินทางผ่านรูหนอน แน่นอนเเสงก็จะเดินทางผ่านรูหนอนไปพร้อมกับเาเช่นกัน เมื่อเเสงเดินทางย้อนกลับมาที่จุดเดิมด้วยเส้นทางอีกเส้นหนึ่ง นั้นก็หมายความว่า " เราจะมองเห็นตัวเราทั้งที่อยู่ในรูหนอนและจากแสงที่เดินทางย้อนกลับมาตามเส้นทางธรรมดา เท่ากับว่าเราจะปรากฏตัวอยู่ในสองสถานที่ในเวลาเดียวกันแต่มีระยะทางและเวลาห่างกันมาก (....Interstellar ชัดๆๆๆ...😲😲😲) ซึ่งตามหลักการ รูหนอน จะทำให้คุณเดินทางข้ามกาลเวลาได้ ทว่าเราในตอนนี้ยังไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้.....
เราได้ดูเเละเห็นทฤษฎี"การเดินทางข้ามเวล" กันมาอย่างยาวนานหลายปี ย้อนไปตั้งกะ Back to the future , Time Machine มาถึงยุตล่าสุดอย่าง Interstallar , Passenger และ Avenger Endgame
ระหว่างทฤษฎี.....
รูหนอน (ไอน์สไตน์) vs อุโมงค์ควอนตอม+อนุภาคพิม (โทนี+แฮงค์พิม)...
ถ้าคุณสามารถเดินทางข้ามเวลาได้...
คุณจะเลือกแบบไหนดีรับ 😁😁😁???
" ตึง...เรียนผู้โดยสารโปรดทราบขณะนี้เราจะพาท่านท่องอวกาศไปยังดาวยูโรป้าลีกที่ห่างไกลออกไป 628,300,000 KMจากดาวโลก..."
ขอทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพกันนะครับ...🚀🚀🚀
ป.ล. หากยังไม่แน่วิธีเดินทาง... ผมแนะให้อดใจรอ Gaurduian of the galaxy #3 อาจมีวิธีใหม่ๆ มาให้เราอึ้งกันได้อีก...🤣🤣🤣
สุดท้ายฝากเพจผมด้วยนะครับ...
ชอบกด"ไลค์"
ใช่กด "แชร์"
รักกด " ติดตาม "
กันเยอะๆนะครับ🤦‍♂️🤦‍♂️🤦‍♂️
โฆษณา