Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
My Liverpool Thailand
•
ติดตาม
9 ต.ค. 2019 เวลา 06:58 • กีฬา
จาก เดอะค็อป ถึง เยอร์เก้น คล็อปป์
8 ตุลาคม 2015 ลิเวอร์พูล ประกาศคว้า เยอร์เก้น คล็อปป์ มาเป็นนายใหญคนใหม่ของทีม
ชายผู้พา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เถลิงบัลลังก์แชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัยติดต่อกัน 1 แชมป์ เดเอฟเบโพคาล และเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟาแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2013
ไม่มีโปรไฟล์ใดจะเพอร์เฟ็คไปกว่านี้สำหรับสาวกเดอะค็อปในตอนนั้น หลังจากที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือตาหวานกำลังพาทีมดำดิ่งลงเหวแบบไร้แรงเสียดทาน
บอกตามตรงว่าผมไม่ได้คาดหวังว่า คล็อปป์ จะพา หงส์แดง กลับมาเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปีหรือสองปี เพราะฐานะของสโมสรไม่ใช่ทีมมีเงินมากมายที่จะให้ผู้จัดการทีมเอามาถลุงเล่น แต่ก็ไม่ได้ขาดมือ เพียงแต่ว่ามีเงินอย่างเดียวมันไม่พอ เพราะชื่อเสียงของ เร้ดแมชชีน ตอนนั้นต้องยอมรับว่ามันเป็นไปเพียงแค่ทีมกลางตารางทีมหนึ่งเท่านั้น
ลิเวอร์พูล ในยุค ร็อดเจอร์ส ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ลีก เพียงหนเดียวจากผลงานการคว้ารองแชมป์เมื่อซีซัน 2013-2014 ซึ่งผลงานก็ไม่ได้ดีเด่อะไรตกรอบแบ่งกลุ่มแบบน่าอายอีกต่างหาก
ตอนนั้นสิ่งที่อยากเห็นจากกุนซือคนใหม่ก็คือ รูปเกมที่ดีกว่าเดิมและความสม่ำเสมอ เพราะเวลาดู ลิเวอร์พูล เล่นทีไรมันใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จะโดนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ครองบอลเยอะจริง บุกจริง แต่เจาะไม่เข้า พอเจาะไม่เข้า เอ้า โดนโต้กลับ เชี่ยยยย เสียประตู วนลูปแบบนี้
ในซีซั่นแรกซึ่งไม่ใช่ซีซั่นเต็ม ๆ ของ คล็อปป์ เราทำใจ ใจเย็น แต่อยากเห็นพัฒนาการทั้งฝีเท้า จิตใจ และทัศนคติ ซึ่งจะว่าไปแม้จะยังไม่ชัดเจนแต่มีทิศทางที่ีดีพอสมควรเลยทีเดียว
ปิดท้ายซีซั่นนั้นนายใหญ่ชาวเยอรมันสร้างความหวังเล็ก ๆ ให้กับพวกเราด้วยการพาทีมเข้าชิง 2 ถ้วย แบบที่ว่า เฮ้ย เมื่อซีซั่นที่แล้ว ร็อดเจอร์ส ยังทำทีมโดน สโต๊ค ถล่มเละในนัดสุดท้าย 6-1 อยู่เลย มาปีนี้เข้าชิง 2 รายการเฉย แม้ว่าในลีกจะจบอันดับ 8 ก็ตาม
แม้จะพลาดทั้ง 2 ถ้วยทั้ง ลีกคัพ ที่แพ้จุดโทษต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ยูโรป้าลีก ซึ่งเป็นทางลัดสู่ แชมเปี้ยนส์ลีก ก็โดน เซบีญา ของ อูไน เอเมรี ในตอนนั้นยิงแซงทีเดียว 3 ประตูรวด แต่ก็ถือว่า คล็อปป์ จับเอานักเตะที่แลดูไม่มีอะไรในยุคของ ร็อดเจอร์ส ผสมผสานกันจนเข้าชิงบอลถ้วยได้ 2 รายการก็ถือว่าสุดยอดมาก ๆ แล้ว
ผมยอมรับว่าตัวเองหวังกับถ้วยหลังเป็นอย่างมาก เพราะมันจะทำให้เราได้กลับไปเล่น ชปล. อีกครั้งและมีแชมป์ยุโรปติดมือ แม้จะใบเล็กก็ตาม
เอาวะ มาเริ่มกันใหม่ ซีซัน 2016-2017 เงินจำนวน 61.9 ล้านปอนด์ถูกจ่ายให้กับนักเตะใหม่ที่ คล็อปป์ ต้องการ ซาดิโอ มาเน 30 ล้าน คาริอุส 4.7 ลาน รักนาร์ คลาวาน 4.2 ล้าน และ ไวจ์นัลดุม 23 ล้าน พร้อมกับของฟรีอีก 2 รายอย่าง โจเอล มาติป และ อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์
นักเตะทุกคนที่ถูกดึงเข้ามาคือการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่และยกระดับทีม ซึ่งสุดท้าย เจเค ก็พา ลิเวอร์พูล ก้าวขึ้นมาคว้าอันดับ 4 ได้อย่างน่าชื่นชมในซีซั่นแรกที่ได้คุมทีมเต็มตัว และอาจจะโชคดีที่ว่าพวกเขาไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรป เลยสามารถโฟกัสที่การสร้างทีมให้แข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่
ซีซัน 2017-2018 คล็อปป์ เติมแดนหน้าด้วย ซาลาห์ และ โซลันกี้ เสริมกลางด้วย อ็อกซ์เหลด และปะผุแดนหลังด้วยการดึง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ ฟาน ไดค์ ช่วงเดือนมกราคม
บอกเลยว่าจุดเปลี่ยนที่แท้จริงของ ลิเวอร์พูล มันเริ่มจากตรงนี้ ต้นปี 2018 คูตินโญ ย้ายตามความฝันไป คัมป์นู อีกคนด้วยเงิน 142 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้ หงส์แดง สามารถมีเงินมาใช้เสริมทัพตามที่ต้องการ และ ฟาน ไดค์ ก็เป็นผลผลิตแรกจากการขาย คูตี้
และจากความผิดหวังในรอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ที่มีต่อ เรอัล มาดริด หลังจบซีซันนั้น ทำให้ คล็อปป์ มองเห็นจุดอ่อนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือ ผู้รักษาประตู และในช่วงซีซัน 2018-2019 พี่แกก็ทุ่มทุนมหาศาลด้วยการคว้า อลิสซอน ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์มาร่วมทีม
นอกจากนายทวารแล้ว ฟาบินโญ, นาบี เกอิต้า และ เซอร์ดาน ชากีรี ก็เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ลิเวอร์พูล และผลลัพธ์ที่ออกมามันก็สุดคุ้มเมื่อ คล็อปป์ พาทีมเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง และคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ให้กับสโมสรได้สำเร็จ
ผลงานในลีกก็ไม่แพ้กัน การทำ 97 คะแนน แพ้เพียงนัดเดียวในลีกแม้จะทำให้พวกเขาไม่ได้แชมป์ แต่ทุกคนยกให้ หงส์แดง กลายเป็นทีมที่น่ากลัวและเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นใหม่ไปโดยปริยาย
ลิเวอร์พูล ภายใต้การปลุกปั้นของชายที่ชื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก้าวขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างจริงจังภายในระยะเวลา 4 ปี และแม้ในซีซันนี้จะผ่านมาเพียง 8 นัด แต่ก็ถือได้ว่า เดอะค็อป ดูจะมีความหวังมากที่สุดในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว
เรายังไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดแล้วกุนซือเลือดเยอรมันจะพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกและแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 19 ให้กับทีมได้หรือไม่
แต่เรารู้ว่า 4 ปีที่ผ่านมา เยอร์เก้น คล้อปป์ ได้ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาอยู่บนเส้นทางของการเป็นทีมใหญ่อีกครั้งด้วยคุณภาพของนักเตะ รูปแบบการเล่น สปิริต และ จิตวิญญาณของความเป็น หงส์แดง
เราได้แต่หวังว่าหลังจบฤดูกาล เดอะค็อป อย่างพวกเราจะได้ใส่เสื้อ ลิเวอร์ฑูล ได้อย่างภาคภูมิเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม จากวันที่ 8 ตุลาคม 2015 จนถึงวันนี้ ต้องขอบคุณบอสที่ช่วยชุบชีวิตและปลุกหงส์ตัวนี้ให้ตื่นจากหลับไหล
ขอบคุณที่เลือก ลิเวอร์พูล
You’ll never walk alone.
#myliverpoolthailand #YNWA #LIVERPOOLFC #thekop #ลิเวอร์พูล #เดอะค็อป #หงส์แดง #เด็กหงส์
3 บันทึก
31
1
1
3
31
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย