9 ต.ค. 2019 เวลา 12:00 • ความคิดเห็น
‘พี่บิณฑ์’ กับ ‘ภาษีย้อนหลัง’
จากกรณี ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ ได้รับเงินบริจาคจากพี่น้องชาวไทยเพื่อให้นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยได้รับเงินบริจาคทั้งสิ้น ‘422 ล้านบาท’ และมีข่าวต่อว่า อาจจะโดนเรียกเก็บภาษีได้
เพจภาษีเจริญ จะพาทุกคนไปดูกันว่า ในทางกฎหมายภาษีอากร ‘พี่บิณฑ์’ ควรเสียภาษีหรือไม่ และ ‘แนวทางแก้ไข’ ที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร
โดยหลักแล้ว เงินบริจาค 422 ล้าน ถือเป็นเงินได้จากการให้ ซึ่งจะเสียภาษีในอัตรา 5% สำหรับส่วนมูลค่าที่เกิน 10 ล้านบาท ดังนั้น เงินได้ส่วนนี้จะเสียจำนวน 20.6 ล้าน (5% ของ 412ล้าน) และหากไม่ได้ยื่นภาษีก็จะเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอย่างละ1เท่า ‘รวมภาษีย้อนหลังทั้งสิ้น 61.8 ล้านบาท’
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรได้ออกมาชี้แจงว่า เงินบริจาคนี้จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี เนื่องจากพี่บิณฑ์ถือเป็น ‘ตัวแทน’ ในการรับเงินและแจกจ่ายไปยังพี่น้องผู้ประสบภัย จึงไม่ถือเป็นเงินได้ของพี่บิณฑ์
แต่เมื่อทางกรมสรรพากรยังไม่ได้ออกกฎหมายรองรับหรือมีข้อหารือเป็นลายลักษณ์อักษรที่ออกมายืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ทำให้ยังไม่มีอะไรที่ 100% โดยส่วนตัวเห็นว่าคงไม่มีการประเมินแน่ๆ ทั้งนี้ ทางพี่บิณฑ์ควรทำบัญชีชี้แจงรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดด้วย
1
สำหรับแนวทางแก้ไข การรับบริจาคในกรณีมีภัยพิบัติเช่นนี้ ผู้รับบริจาคควรทำตามแนวทางใน ‘ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยมีบริษัทหรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่บริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย’ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. บริษัทต้องดำเนินการในลักษณะเป็นสื่อกลางอย่างเปิดเผยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2. บริษัทต้องแจ้งชื่อต่ออธิบดีกรมสรรพากร แสดงว่าเป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการในลักษณะเป็นสื่อกลางในการเป็นตัวแทน
3. ภายหลังจากการช่วยเหลือ หากยังมีเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าเหลืออยู่ บริษัทผู้เป็นตัวแทน ต้องส่งมอบให้แก่ส่วนราชการ หรือองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ภายใน 6 เดือนนับถัดจากวันยื่นแบบแจ้งคำขอเป็นตัวแทนรับบริจาค
4. บริษัทผู้เป็นตัวแทนรับบริจาคต้องนำส่งเอกสาร ดังนี้ สำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค (แยกออกจากบัญชีการดำเนินงานตามปกติ) สำเนาบัญชีแสดงรายการจ่ายค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสำเนารายชื่อผู้บริจาค ภายในเก้าเดือนนับถัดจากวันยื่นแบบแจ้งคำขอแจ้งเป็นตัวแทนรับบริจาค
สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนปฏิบัติตามขั้นตอนในกฎหมายให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อที่ว่าความประสงค์ดีที่ทำไป จะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายท่านในรูป ‘ภาษีย้อนหลัง’
โฆษณา