11 ต.ค. 2019 เวลา 11:31 • ความคิดเห็น
จะไปต่อหรือพอแค่นี้?
สัญญาณเตือนให้หยุดความสัมพันธ์
7 ธงแดง ที่ชี้ว่าคุณสองคนอาจจะไปกันไม่รอด
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประเมินความสัมพันธ์ที่พึ่งเริ่มรู้จักใหม่ โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังประเมินใครสักคนเพื่อจะเป็นคนรัก
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะเป็นเขาที่ใส่หน้ากาก หรือความรักที่บังตาคุณเอง
การมองให้เห็นชัดๆ จึงทำได้ยาก
และหลายครั้งที่เราพบว่า สิ่งที่เห็นตอนแรกมักจะไม่ไปด้วยกันกับความเป็นจริง
นี่คือ 7 Red flags เช็คลิสท์เพื่อช่วยสังเกต ระหว่างคบหาใครสักคน
หรือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนก็ใช้ได้เช่นกัน
1.ถ้าคุณไม่ชอบกลุ่มเพื่อนของเขา เป็นไปได้ว่า ในอนาคตคุณก็จะไม่ชอบเขาด้วยเช่นกัน
จริงอยู่ เราไม่ควรเหมารวมใครเหมือนกันหมด และควรจะให้ค่าเป็นรายบุคคลไป
แต่เชื่อหรือไม่ว่า คุณคือผลลัพธ์ของเพื่อนสนิท 5 คน ที่คุณใช้เวลาร่วมกันเยอะที่สุด จะใช้เวลาร่วมกันในชีวิตจริงหรือผ่านโซเชี่ยลมีเดียก็ได้
การที่คุณไม่ถูกใจกลุ่มเพื่อนของเขา แต่คุณก็รู้สึกว่าเขาแตกต่างจากเพื่อนๆ รอบข้างเขา
คุณรู้สึกว่าเขาไม่ได้แย่เหมือนที่เพื่อนเขาแย่
อาจเป็นเพราะBiasที่มีสาเหตุจากหน้ากากที่เขาสวม หรือความรักที่บังตาคุณอยู่ก็ได้ เมื่อมองไปยังเพื่อนของเขา คุณถึงเห็นชัดกว่า
และภายในไม่กี่เดือนหลังเริ่มใช้เวลาร่วมกัน สิ่งที่บังคุณไม่ให้มองเห็นชัด จะเริ่มคลายออก เมื่อถึงตอนนั้น เขาอาจกลายเป็นคนที่คุณไม่ชอบ พอๆกับกลุ่มเพื่อนของเขา
2.ถ้าคุณอยากรู้ว่าเขาจะปฏิบัติตัวยังไงเวลาผิดใจกัน ลองดูวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนที่ด้อยกว่า
ดูคำพูดที่เขาใช้กับ เด็กเสิร์ฟ พนักงานทำความสะอาด ใครก็ตามที่เขารู้สึกเหนือกว่า
เพราะกับด็กเสิร์ฟที่มีหน้าที่คอยให้บริการ เราไม่รู้สึกว่าจะต้องเอาใจอะไรมากมาย ยังไงเราก็จ่ายเงินไปแล้ว
เชื่อมั้ยล่ะ วิธีที่เขาแสดงออกต่อคนเหล่านี้ คือวิธีแสดงออกทั่วไป ที่เขาจะทำต่อคนที่เขาไม่รู้สึกว่าต้องสร้างความประทับใจ หรือเอาอกเอาใจ
ในขณะที่เขาพยายามเข้าอกเข้าใจ และยอมรับสิ่งที่คุณเป็นได้ทุกอย่าง ถ้าในเวลาเดียวกันนี้เขาพูดจาหยาบคายและไม่ให้เกียรติต่อคนที่ด้อยกว่า
ให้ระวังไว้เลยว่าวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป คุณก็จะเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเขาไม่จำเป็นต้องทำให้คุณประทับใจแล้ว
ถ้าคุณไม่ชอบวิธีที่เขาปฏิบัติต่อเด็กเสิร์ฟ เป็นไปได้ว่า คุณก็จะไม่ชอบวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคุณในอนาคตเช่นกัน
3
3.เมื่อเขาบอกความลับบางอย่างกับคุณ โดยเฉพาะตอนที่ยังทำความรู้จักกันใหม่ๆ
มันอาจจะรู้สึกดีที่เขาไว้ใจและบอกความลับกับเรา แต่ให้ระวังไว้โดยเฉพาะถ้าเป็นความลับที่เป็นเรื่องราวของบุคคลที่สาม
เมื่อมีคำพูดว่า “สัญญานะว่าจะไม่เอาไปพูดต่อ แต่ฉันได้ยินมาว่า...”
การเล่าความลับของใครสักคนให้คุณฟัง คนที่เขารู้จักมาก่อนที่จะได้เจอกับคุณเสียอีก
รายละเอียดของเรื่องเล่าไม่ใช่ประเด็น แต่การทำแบบนี้คือสัญญาณว่าเขาไม่ให้น้ำหนักกับคำพูดของตัวเอง
ถ้าเขาเล่าความลับด้านเสียๆของคนอื่นให้คุณฟังได้ เป็นไปได้ว่า วันหนึ่งเขาก็สามารถเล่าความลับของคุณให้คนอื่นฟังได้เหมือนกัน
1
4.ถ้าเขาใช้เวลากับการเล่นโซเชี่ยลมีเดียมากไป โดยเฉพาะกับการทำให้ตัวเองดูดีในสังคมออนไลน์
อย่างที่เรารู้กันดี การที่ใครสักคนพยายามยกยอตัวเอง หรือบอกเล่าให้คนอื่นรู้ถึงความดีที่ตัวเองทำ
ไม่ว่าจะผ่านการสนทนา ในวงนั่งนินทา หรือโซเชี่ยลมีเดีย
เรื่องราวที่นำเสนอ มักจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ยิ่งใช้เวลาในการสร้างภาพเยอะ ยิ่งเหลือเวลาน้อยให้สร้างคุณค่าในตนเอง
โอเค คนเราจะโพสต์บ้าง แบ่งปันเรื่องราวที่ประทับใจบ้าง นั่นเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าโฟกัสหลักของเขาอยู่ที่ ‘คนอื่นมองเห็นสิ่งที่เขาทำอย่างไร?’ มากกว่าโฟกัสว่าเขา ‘กำลังทำอะไร’
ในหลายๆเคส สิ่งที่เห็น กับความเป็นจริง มักตรงกันข้าม
ดังนั้น ถ้าพฤติกรรมการใช้สังคมออนไลน์ของคุณไม่ได้สอดคล้องกัน
นั่นอาจหมายถึง คุณสองคนให้คุณค่าของสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกันก็ได้
5.ถ้าบางคนมีประวัติที่ไม่เคยรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับใครได้เลย
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีความรู้สึกนี้ เมื่อได้ยินว่าเขาเคยผ่านเรื่องร้ายๆมา ผ่านความสัมพันธ์ที่แย่ๆมาก่อน
เรารู้สึกสงสาร และอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ, รู้สึกดีกับตัวเอง เมื่อเราเข้าไปช่วยทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษ
เราอาจรับฟังเรื่องราวที่พ่อแม่ทำร้ายจิตใจเขายังไงบ้าง, เพื่อนสนิทหักหลังเขาแบบไหน
แน่นอนว่า มันมีคนที่เติบโตในครอบครัวToxic มีคนที่ถูกรายล้อมด้วยสังคมที่แย่จริงๆ และวิธีเดียวที่ทำได้ คือหนีออกมาจากสังคมนั้นและตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่ส่งผลเสียกับเขา
แต่ถ้าคุณได้ยินเรื่องเล่ารูปแบบเดิม ซ้ำแล้วซ้ำอีก กับทุกความสัมพันธ์ในทุกช่วงชีวิตของเขา
เป็นไปได้ว่า ทั้งหมดอาจจะเพราะตัวเขาเอง และถ้าเรามีโอกาสได้ฟังเรื่องนี้จากมุมมองคนอื่น มันอาจจะเป็นหนังคนละม้วนกันเลยก็ได้
1
6.ถ้าเขาพูดถึงแฟนเก่าและสาเหตุของการเลิกกัน ในแบบที่โยนความรับผิดชอบไปให้อีกฝ่ายหมดเลย
นี่เป็นสัญญานที่ชัดเจนมากๆ ธงแดงขึ้น เตรียมเบรคได้ทันที
เราอาจจะรู้สึกชอบใจ และคล้อยตามไปด้วย หรือแม้แต่ช่วยด่าทับแฟนเก่าเขาไปด้วย
เราอาจจะรู้สึกว่า เขาช่างน่าสงสาร ที่ต้องเคยเจอกับคนนิสัยแย่ๆแบบนั้น
แต่เชื่อเถอะ เราทุกคนต่างเคยทำผิดพลาด ไม่ว่าจะการเลือกคบหาใครสักคน, เป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่องทะเลาะก่อน, เป็นฝ่ายที่ไม่ใช้เหตุผล
ถ้าเขาไม่เคยพูดถึงสิ่งที่ตนเองป็นฝ่ายทำพลาดเลย นั่นอาจหมายถึงการขาด self-awareness
เป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนที่ไม่เคยสำรวจตัวเอง และพยายามแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองเลย
และนั่นหมายความว่า คุณจะเป็นรายต่อไป ทุกความสัมพันธ์มันต้องมีเรื่องให้ผิดใจกันอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง
เขาที่ขาด self-awareness จะไม่มีทางปรับตัว และไม่มีทางยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ
นั่นทำให้คุณต้องเป็นฝ่ายปรับตามเขาฝ่ายเดียวตลอด ในทุกกรณี
2
7.ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการมองเห็นเขาเป็นคนสมบูรณ์แบบ
คุณอาจชื่นชมเขาอยู่ห่างๆ เป็นเวลานาน, คุณมองเขาเป็นคนในอุดมคติ ไม่มีอะไรเลยที่แย่เกี่ยวกับตัวเขา
การวาดฝันไว้ก่อนแบบนี้ มีโอกาสที่ในความเป็นจริงจะไปไม่รอด
ไม่ใช่เพราะคุณทั้งคุณทำเรื่องเลวร้ายต่อกัน
แต่เพราะไม่มีเจ้าชายหรือเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความเป็นจริง
การยอมรับว่ามนุษย์ผิดพลาดและหลงลืมจึงเป็นประตูที่จะเปิดไปสู่การเป็น เวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมของคุณทั้งสองคน
1
โฆษณา