11 ต.ค. 2019 เวลา 14:49
✍เรื่องสั้นของคนเดินทาง
เรื่องสั้นขนาดยาว..
EP.1นทีแห่งลมหายใจ
1
📚อารัมภบท ตอนที่2
🚂หลังจากก้าวลงจากขบวนรถเร็ว สายอุบลกรุงเทพ ความรู้สึกเดิมๆของข้าพเจ้า ย้อนถอยหลังไปเมื่อยังเด็ก เบื้องหน้าเป็นสถานีรถไฟจักราช โครงสร้างโรงเรือนสถานียังคงเหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือทาสีใหม่
"อ้าว..พี่ ผมลืมไปว่าช่วงปีใหม่คนเข้ากรุงเทพเยอะ ยืนมาเมื่อยมั้ย" น้องชายที่มางานศพล่วงหน้าของผู้เป็นลุงถามพร้อมยื่นมือมารับกระเป๋าเป้ ข้าพเจ้าไม่ได้ตอบกลับแต่เดินเลี่ยงออกมาด้านหลังสถานี ที่นี่เปลี่ยนไปมาก เบื้องหน้าเป็นลานโล่งกว้างที่ปูลาดด้วยซีเมนต์
ข้าพเจ้าหลับตาภาพเก่าๆผุดขึ้นในห้วงของความรู้สึก ภาพผู้คนเดินขวักไขว่ ในลานดินกว้าง ด้านซ้ายมีรถสองแถว รถอีแต้กสตาร์ทเครื่องด้วยกลมือ คนไม่มีแรงหมดสิทธิ์เพราะต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีในการปั่นเหวี่ยง
รถบรรจุทั้งผัก ข้าวปลาอาหารเต็มไปหมด ตรงกลางเป็นตลาดชาวบ้าน กลิ่นปลาป่นคลุกพริกแห้งที่ป่นละเอียด ลอยกระจายไปทั่ว เป็นกลิ่นดั้งเดิมของคนที่นี่ น้ำพริกปลาป่น ผัดหมี่โคราชชาวจักราชดั้งเดิมจะใส่เครื่องปรุงไม่กี่อย่างหนึ่งในนั้นก็คือพริกปลาป่นกับน้ำปลา น้ำตาลเล็กน้อย รสออกเผ็ดเค็มและนัวด้วยปลาป่นและเส้นหมี่โคราชที่หาที่กินไหนไม่ได้นอกจากโคราชบ้านเอ๋ง..
"ไอ่ห่าปั้ด.."เสียงกร่นด่าของแม่ใหญ่นุ่งโจงกระเบน เคี้ยวหมากตุ้ยๆ ด่าไล่หลังหลานชายที่แอบลักขนมที่นำมาขาย ไปกิน ข้าพเจ้ารู้สึกงงปนขำกับคำพูดพื้นถิ่นที่นี่ไม่ว่าจะเป็นคำด่า คำพูดต่อท้าย กิ๋นเดิ้ง...กิ๋นดา..ไหม่กินด้อก..
กิ๋นเข่าเด้อไอ่นาย... อีนางน้อย....ฟังไปบางทีก็เพลินดีเหมือนกัน
"อำเผาะ..ทำไมปากเเดง" ข้าพเจ้าถาม พ่อก็ไม่ได้ตอบว่ากระไร ปาดปากแล้วก็รีบจูงมือเด็กน้อยไปยังร้านค้าเลือกชุดทหารมาสวมใส่ให้ ในขณะที่เด็กน้อยยังคงเก็บความสงสัย "อำเผาะเป็นปอบรึ"แต่คงไม่ม้าง..เพราะเห็นพ่อเดินมาทางแม่ค้าและในกลุ่มนั้นผู้ชายปากแดงกันทุกคน ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ มารู้ทีหลังว่าเป็นลาบเลือดแม่แจ้งมา55
ถัดขึ้นไปอีกหน่อยก็เป็นท่ารถบัส เป็นรถบัสที่แปลกประหลาดมาก เปิดประทุนทั้งหลังหมายความว่าประตู หน้าต่าง เปิดและ...และ ปิดไม่ได้ ตลอดเส้นทางที่จะไปบ้านปู่ เต็มไปด้วยฝุ่นดินแดง สองข้างทางจะปลูกไร่มัน และลานมันกลิ่นมันจะเปรี้ยวอวลๆตุ่ยๆตุ่นๆ และต้องไต่เนินที่เรียกว่ามอ ด้วยความเร็วที่คนเดินลงไปเดินยังทันกัน กว่าจะถึงบ้านปู่ สลัดหัวทีแดงเถือกฟุ้งไปหมดและต้องถกขากางเกงขึ้นเพราะฝุ่นจับ
"พี่ๆไปกันได้ยัง"น้องชายตะโกนถาม ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบขึ้นรถและแล่นออกไป ที่นี่เปลี่ยนไปมากลานกว้างที่เคยเป็นตลาดก็ไม่มีให้เห็นเหลือแต่กลายเป็นซีเมนต์ ถนนหนทางลาดยางอย่างดี มอที่สูงดูจะไม่สูงเหมือนภูเขาเมื่อครั้งยังเด็ก ขวามือตรงข้ามทางเข้าบ้านปู่ เป็นโรงเรียนโนนพฤกษ์ ซึ่งลุงผู้วายชนย์ ก็เป็นอดีตครูที่นี่และเกษียณมานานแล้ว
ย้อนไปเมื่อวันที่31ธันวาที่ผ่านมา เรานัดกันมาเพื่อร่วมฉลองวันปีใหม่กับญาติๆ แต่ลุงที่แสนจะใจดีมาป่วยลงอย่างกระทันหันเสียก่อน จึงกลายมาเยี่ยมลุงแทน ลุงคงดีใจจากที่ท้อใจไม่มีทีท่าจะอยู่ต่อกลับยอมให้สอดท่อเพื่อจะอยู่ต่อด้วสติสัมปัชชัญญะที่เต็มเปี่ยม จนวันที่3ลุงจึงจากไปด้วยอาการสงบ อายุกายสังขาร84ปี
ปีที่ผ่านมาเพื่อนที่คณะก็จากไป เพื่อนร่วมห้องมัธยมก็หลับไปโดยไม่มีสัญญานใดๆบ่งบอก ลุงที่ชอบหิ้วสุนัขข้างบ้านที่เจ้าของไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แอบเมียเอาหมามารักษาด้วยรถเบนต์คันโก้ที่จอดแล้วห้ามดับเครื่องเนื่องจากจะลำบากคนเข็น ก็ต้องมาดับชีพตัวเองเนื่องจากแมงกะไซค์ล้ม
อีกคนก็หัวใจวายทั้งที่อายุยังน้อย ความตายเริ่มแผ่เข้ามาใกล้เข้ามาทุกที ชีวิตไม่แน่นอน ค่าเฉลี่ยมีน70ปีบางคนก็อยู่สูงกว่ามีน บางคนก็ต่ำกว่ามีนก็เยอะ ยิ่งตอนเรียนผลการเรียนไอ่กรูก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเป็นงานอดิเรก แล้วอายุไอ่กรูจะรอดรึ
ทำให้ชายหนุ่มอดคิดถึงไม่ได้ ให้หวนคิดถึงผู้ยิ่งใหญ่ครั้งไปดอยขุนตาลที่ข้าพเจ้าไปกางเต้นท์เมื่อปีก่อนได้ปรารภไว้
"... ความตายจะมาเยือนทุกขณะ เจ้ามีหน้าที่ที่จะต้องทำและต้องทำต่อให้เสร็จ ในอนาคตเบื้องหน้าหากเจ้าเจอเราขอให้ฆ่าเราเสีย...." ดังก้องรบกวนในโสตประสาทของชายหนุ่ม ตลอดมา
1
จึงเป็นที่มาของเรื่องราว ที่จะเล่าต่อจากนี้ไป...............🖌
โฆษณา