13 ต.ค. 2019 เวลา 02:06 • บันเทิง
ความจงรักภักดีจะทำให้ชีวิตคุณมั่นคง
ผมจะไปที่เวียดนามเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทซึ่งเป็นของคนไทย
ผมรักเมืองไทยมาก อาหาร ผู้คน ผมอยู่มา 9 ปี
Sébastien - เซบาสเตียน
มันเป็นเช้าวันพุธที่มีการจราจรคล่องตัวพอสมควร หลังจากที่ผมรับผู้โดยสารจากรัชดาภิเษกมาส่งที่ สาทรเหนือ กำลังฟังเพลงเพลินๆ ช่วงนี้กรีนเวฟมีการโปรโมทคอนเสิร์ตโบสุนิตา เพลงเก่า ฟังทีไรก็คุ้นหูทุกที
เสียงจากแอ๊บแจ้งเตือนมีงานเข้า ผมดูจุดรับมันอยู่กลางซอยถนนปั้น ซึ่งเป็นถนนเชื่อมระหว่างเส้นสีลมและสาทร กดรับงานแล้วขับตามจีพีเอส จนถึงจุดสิ้นสุด เห็นผู้ชายใส่สูทกำลังจ้องโทรศัพท์ ผมเดาว่าคนนี้แน่ๆ เพราะบริเวณนั้นมีแต่คนนี้เท่านั้นที่มีผมสีทองคนเดียว ก็ชื่อผู้โดยสารขึ้นว่า 'Sébastien'
ผมมองไปที่เค้าแล้วพยักหน้า เค้ามองพร้อมโบกมือ แล้วก็เดินเข้ามาหาผมที่ข้างประตูพร้อมกับถามว่า "แกร็บช่ายหมายยครับ" สำเนียงคนต่างชาติพูดไทยก็จะประมาณนี้ครับพี่น้อง
"ใช่ครับ" ผมตอบเค้าไป
ถามไทยมาก็ตอบไทยไป
หลังจากผมพูดจบเค้าก็เปิดประตูรถด้านหลังฝั่งคนขับเพื่อขึ้นนั่ง พร้อมเอ่ยว่า
"....supermarket plase"
"Ok sir" ผมตอบไป
ระหว่างเดินทางผมก็สนทนากับเค้าไปเรื่อยๆ ซึ่งที่ประหลาดใจที่สุดก็เห็นจะเป็น พูดไทยบางประโยค สลับกับภาษาอังกฤษ
ผมเลยถามเค้าว่า
"ทำไมคุณพูดไทยได้?(เป็นภาษอังกฤษ)"
"ผมอยู่เมืองไทยมาเก้าปีแล้ว" อันนี้ตอบเป็นภาษาไทย
ครับๆเราแลกเปลี่ยนกันผมคิดในใจ พูดไทยมาผมพูดอังกฤษกลับ ผมถือว่าดีกว่าไปเสียเงินเรียนในโรงเรียนสอนภาษา ที่พูดแบบเดิมๆ แบบนี้สิของจริง แต่พอนานๆเข้าเค้าเริ่มใช้ภาษาอังกฤษละ
ผมพอจะจับใจความได้ว่าเค้าอ่ะ ทำงานที่ซุปเปอร์มารเก็ตแห่งนึง อยู่ใจกลางเมือง แล้วเค้าก็บอกว่า เจ้าของบริษัทนี้ทำธุรกิจเบียร์ด้วย
เอิ่มมม...ผมนึกในใจรู้ละ ใครเป็นบอสคุณ คุณผู้อ่านอย่าเดาเลยครับ เพราะเดาไปยังไงก็ถูก
ผมเริ่มต้นถามทันที
"ส่วนตัวคุณแล้วคิดว่าเบียร์อันไหนดีกว่ากัน?"
ผมถามเค้า
"ยี่ห้อนึงเค้าทำตลาดนักท่องเที่ยวครับ ส่วนของบอสผมทำตลาดสำหรับคนในประเทศ" จบประโยคเค้านิ่งนะ สักพักเสริมทันที
"ผมดื่มยี่ห้อที่บอสผมเป็นเจ้าของเท่านั้น" ตอบแบบยิ้มๆ ปนหัวเราะ
"ช่วยบอกได้ไหมครับ 9 ปีที่คุณอยู่และทำงานที่เมืองไทยคุณได้อะไรบ้าง?" ผมอยากดูว่าคนมาท่องเที่ยวกับที่มาทำงานคิดเห็นเป็นยังไงแตกต่างอย่างไรเพราะผมเจอนักท่องเที่ยวมาเป็นพันๆ
"ผมรักเมืองไทยมาก คนไทยมีน้ำใจมาก อาหารอร่อย ถูก" นั่นแหละคือคำตอบเค้า
ผมเสริมทันที "ผมขอยืนยันถึงอาหารอร่อย เมื่อวานผมรับสาวฟิลิปปินส์ไปส่งที่ทำงาน เค้าบอกว่าอยู่เมืองไทยมา 2ปี น้ำหนักขึ้นไป 20 กิโล
เธอเอ่ยถึงชื่ออาหารได้มากกว่า 15 ชนิด"
"อะไรที่ทำให้คุณอยู่เมืองไทยได้นาน" ผมถามต่อ
"บอสผมเป็นนักธุรกิจมีวิสัยทัศน์ ผมตัดสินใจทำงานให้เค้าเต็มที่ ผมเชื่อว่า (ขอใช้คำที่เค้าเอ่ยเลยแล้วกันครับ) 'loyalty' สิ่งนี้ทำให้ผมเติบโตในหน้าที่การทำงาน
อีกสามเดือนข้างหน้าผมจะถูกส่งไปทำงานที่ประเทศเวียดนาม" เค้าตอบผม
ย่อหน้าต่อจากนี้ผมอยากให้อ่านดีๆครับ
หลังจากสิ้นประโยคว่า 'ประเทศเวียดนาม'
เค้าบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจว่า
"ผมกำลังจะไปดูแลผลประโยชน์ของบริษัทของคนไทย ผมจะไปปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น"
ผมขนลุกเลยนะบอกตามตรง คือ เค้าเป็นคนต่างชาติ แต่กลับรักษาผลประโยชน์ดียิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก (หากคุณคือคนที่ใช้ทรัพยากรของบริษัทคุณเกินความจำเป็น) ตรงนี้มันทำให้นึกถึงพุทธภาษิตตอนที่บวชหนึ่งพรรษา ที่ว่า...
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ   : คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า
ในแง่ของการแสดงความรับผิดชอบเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท
ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทหรือเจ้าของกิจการคนแบบนี้ คุณอยากให้เค้าอยู่กับเราหรือเปล่า? ถามใจคุณดู!?
ก่อนถึงจุดหมายผมอยากได้ยินแนวคิดที่ตกผลึกจากประสบการณ์ทำงานของเค้า เอาว่าคำถามนี้เหมือนหมัดที่ชกเพื่อหวังให้ชนะน็อคในยกนี้เลยก็ว่าได้...
"ถ้าคุณสามารถไปพูดให้กับเด็กที่กำลังจะเริ่มทำงานในองค์กร คุณอยากจะบอกอะไร?"
"คุณอย่าพุ่งเป้าที่เงิน แต่จงตั้งเป้าที่เราจะทำอย่างไรให้งานที่รับผิดชอบสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความจงรักภักดีต่อองค์กรที่คุณร่วมงานด้วย" นี่คือคำกล่าวก่อนจะลงจากรถของ ชายที่ชื่อว่า 'เซบาสเตียน'
ท้ายที่สุดของเนื้อหานี้ ผมอยากจะบอกว่า ความสุขและความสำเร็จมักเกิดขึ้นเสมอ สำหรับคนที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตนเอง เมื่อทำมันจนเป็นนิสัย
...ผลของงานจะไปประจักษ์แก่สายตาของเจ้านายคุณเอง เฉกเช่นแสงของดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญที่พร้อมจะส่องสว่างหลังเมฆหมอกจางหายไป
เรื่องเล่าหลังพวงมาลัย
โฆษณา