เรื่องสั้นชุด "ชีวิตต่างแดน" ตอน "ทนาย...ที่รัก" โดย...ตุ๊กดุ๋ย เลิฟลี่....
“ทนาย...ที่รัก”
เมื่อชาวเอเลี่ยนทุกคนได้เข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฯแห่งนี้นั้น
ในวันแรก เขาจะแจกคู่มือให้ 1 เล่ม ซึ่งเป็นการแนะนำ อธิบาย ทุกอย่างที่เกี่ยวกับศูนย์ฯ นอกนั้น ก็เป็นพวกเอกสารประกอบต่างๆ ที่ควรรู้
หนึ่งในนั้นก็คือ เอกสารที่เกี่ยวกับการแนะนำการใช้บริการทนายความ หรือตัวแทนทางด้าน
กฎหมายที่เชื่อถือได้
เขียนพาดหัวกลางแผ่นกระดาษตัวใหญ่ๆ ว่า
“READ THIS BEFORE YOU TAKE LEGAL ADVICE”
ในข้อความเหล่านั้น เขาบอกประมาณว่า
กรณีแรก ถ้าจะใช้ทนายความ ก็ต้องเป็นทนายความที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
กรณีที่ 2 ถ้าเป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งมา (Accredited Representative) ก็ควรเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ ซึ่งทำงานในองค์กรที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า ให้ช่วยเหลือบุคคลทั่วไปที่มีคดีในศาลเกี่ยวกับคนเข้าเมือง (Immigration Court)
แล้วยังบอกต่ออีกว่า ไอ้องค์การที่เป็นที่ยอมรับที่ว่านี้ ต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร, องค์กรที่เกี่ยวกับศาสนา, องค์กรที่เป็นการกุศล หรือองค์กรที่ทำเพื่อบริการสังคม ฯลฯ
และเพื่อความมั่นใจ เพราะอาจจะมีบุคคลที่แอบอ้าง หรือหลอกลวง ก็ให้เข้าไปตรวจสอบที่เว็บไซต์ได้ โดยมีเว็บไซต์ให้มา สำหรับตรวจสอบทนายความที่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง
และอีกหนึ่งเว็บไซต์สำหรับตรวจสอบพวกตัวแทนองค์กรต่าง ๆ (Accredited Representative)
และมีเบอร์โทรศัพท์ให้ด้วย
แถมท้ายยังบอกว่า ถ้าคิดว่าคุณจะถูกหลอกลวง หรือตกเป็นเหยื่อจากพวกต้มตุ๋น
ก็มีเบอร์โทรศัพท์ให้อีกเบอร์หนึ่ง เพื่อติดต่อ สอบถามและตรวจสอบให้ถูกต้องอีกชั้นหนึ่ง
เรียกว่า ให้ตรวจสอบกันจนหนำใจท่านผู้ชมเลยทีเดียว
ถ้าคิดให้ดีๆ เรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องเบสิคมาก ๆ
ของแท้ ดีจริง โปร่งใส และตรงไปตรงมา เชิญตรวจสอบได้เลย
ของเทียม ดีไม่จริง ทึบแสง ตอหลดตอแหล ห้ามตรวจสอบ ห้ามสงสัย ขัดข้องทุกอย่าง
เฮ้ออ......!!!
แล้วด้านหลังเอกสารแนะนำแผ่นนี้ ก็แนะนำสำนักงานทนายความ ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เป็นลักษณะสภาทนายความที่เป็นอาสาสมัครของเขตการปกครองเมือง ซึ่งก็คือ Erie County Bar Association Volunteer Lawyers มีที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ให้เรียบร้อย
อีกอันหนึ่ง ก็แนะนำทนายความแบบที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เหมือนสำนักงานทนายความทั่วไป ซึ่งเรียกว่า Private Attorney มีชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เช่นเดียวกัน และได้ระบุชื่อทนายความลงไปเลย นั่นก็คือ Anne E. Doebler
เป็นที่น่าสังเกตว่า ทนายความแบบเสียค่าใช้จ่ายนี้ เขาระบุลงไปแค่รายเดียว ซึ่งก็แปลความหมายได้ว่า นี่คือทนายความที่ศูนย์ฯแห่งนี้ภูมิใจแนะนำ เป็นทนายความที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง เป็นทนายความที่ดี ส่วนคุณจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น ก็สุดแล้วแต่ เพราะคุณสามารถจ้างคนอื่นได้ ถ้าคุณเห็นว่าดีกว่า
ส่วนอันสุดท้าย ที่เห็นในคำแนะนำ คือ
เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร (Non Profit Organization) ก็คือ The Legal Aid Society of Rochester, New York อยู่ที่เมือง Rochester รัฐ New York นั่นเอง
เนื่องจากเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ก็เลยมีข้อจำกัดหลายอย่าง เขาจึงระบุชื่อเมืองที่จะให้บริการได้แค่ 14 เมืองเท่านั้น
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณไม่ได้มาจากเมืองเหล่านี้ เขาไม่
สามารถช่วยเหลือหรือบริการคุณได้ ดูรายชื่อแล้ว ก็เป็นเมืองในรัฐ New York นั่นแหละ แต่เป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นหูเลย เช่น Allegany, Cattaraugus, Chautauqua, Genesee ฯลฯ
ที่สำคัญ มีข้อหนึ่งบอกว่า เขาไม่สามารถเป็นตัวแทนของชาวเอเลี่ยนผู้ถูกควบคุมได้
อ้าว..!! พวกเราที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในศูนย์ฯแห่งนี้ มันก็เป็นพวก Aliens คนต่างด้าวทั้งนั้นนี่หว่า
หรือมันจะหมายถึง ให้คำปรึกษาได้ แนะนำได้
แต่ไม่เป็นตัวแทนหรือทำหน้าที่แทน (Represent) ให้แก่เรา ประมาณนั้น
ในช่วงเวลาที่ผมกับแพท ได้อยู่ในศูนย์ฯและห้องเดียวกันนั้น เราได้ปรึกษาหารือเรื่องระเบียบ กฏเกณฑ์ ข้อกฎหมายคนเข้าเมือง และเรื่องทนายความกันตลอด จะเอาแบบไหนดี ดีน้อย ดีมาก หรือดีที่สุด เท่าที่เราจะคิดร่วมกันได้
และเนื่องจาก ธงคำตอบของเราสองคนเหมือนกัน คือ
เราต้องการกลับประเทศของเรา ไม่ต่อสู้ขออยู่ต่อที่นี่ มันจึงค่อนข้างเป็นเรื่องง่าย
เพราะถ้าจะว่าไป การสมัครใจที่จะกลับประเทศตนเอง หลังจากถูกควบคุมตัวที่ศูนย์ฯแห่งนี้นั้น ก็น่าจะตรงกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อเป็นเรื่องง่าย ในบางคน บางกรณี ก็ใช้ทนายอาสาสมัคร
เพราะเอาเข้าจริงแล้ว การสมัครใจกลับประเทศตนเอง ยังไงๆ มันก็ได้กลับอยู่แล้ว จะช้าหรือเร็วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทนายความเป็นเพียงองค์ประกอบให้ครบตามกระบวนการเท่านั้น
เพราะความช้าหรือเร็วในการถูกส่งกลับประเทศ ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของกฎหมายคนเข้าเมือง และงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายเป็นค่าส่งกลับของแต่ละราย ซึ่งไม่เหมือนกัน
พวกอยู่ใกล้อย่าง เม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ก็จัดรถบัสให้
พวกอยู่ไกลคนละทวีปอย่าง แอฟริกา ยุโรป เอเชีย คงให้นั่งรถบัสไม่ไหว เพราะอาจจะเป็นริดสีดวงก่อนถึงประเทศตนเอง
แต่โดยสรุปแล้ว อย่างช้าที่สุดก็ไม่เกิน 4 เดือน ต้องได้กลับบ้านแน่ ๆ
แพทมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทนายอาสาสมัครนั้น ถ้าได้ทำเคสยาก ๆ เช่น ลูกความต้องการอยู่ต่อ นั่นคือ ขอ Asylum Visa หรือวีซ่าผู้ลี้ภัย มันเป็นเคสที่ยุ่งยากมากๆ เป็นเรื่องมหากาพย์ ต้องบรรยายคำร้องโดยใช้โวหาร
และเหตุผลร้อยแปดพันเก้า เพื่อโน้มน้าวให้ศาลท่านเห็นด้วย และเชื่อในสิ่งที่เรานำเสนอ
อีกทั้งหลักฐานอ้างอิงตามคำร้องนั้นก็ต้องมี เพื่อให้สิ่งที่บอกไปนั้น มีน้ำหนัก มีเหตุผล และเชื่อถือได้จริง ๆ
ดังนั้น งานอันยากแสนยากเหล่านี้ ลูกความหรือเอเลี่ยนอย่างเราต้องทำเอง
บรรยายคำร้องเอง พิมพ์เอง ทนายอาสาเหล่านี้จะไม่ทำให้
คิดดูอีกนัยหนึ่ง ก็สมเหตุสมผลดีเหมือนกัน ประมาณว่า ประเทศคุณ คุณย่อมรู้ดีที่สุด มันโหด เลว ดี ทารุณ โหดร้าย ป่าเถื่อน จนไม่อยากกลับไปอีกแล้ว คุณก็น่าจะบรรยายความออกมาได้ดีที่สุดกว่าใคร ๆ
อาจมีคำถามว่า แล้วทำไมเคสยาก ต้องให้ทนายอาสาสมัครทำให้ เพราะทนายเหล่านี้ คือ พวกจบกฏหมายใหม่ ๆ อายุยังน้อย ไร้ประสบการณ์
คำตอบคือ เอเลี่ยนทุกคนที่อยู่ในศูนย์ฯ มีสภาพและสถานะทางสังคม เศรษฐกิจที่ต่างกัน
บางคนพอมีเงินบ้าง ก็จ้างทนายความส่วนตัว แถมจ่ายเงินประกันตัวเองออกไปสู้คดีอยู่ข้างนอก
บางคนก็จ้างทนายส่วนตัว แต่ยังไม่มีเงินประกันตัวเอง ก็อยู่ในศูนย์ฯไปก่อน ญาติรวบรวมเงินได้ทีหลัง ก็ค่อยประกันตัวออกไปสู้คดีอยู่ข้างนอก
บางคน ไม่มีเงินจ้างทนายส่วนตัว ก็ต้องใช้ทนายอาสาสมัคร แถมระหว่างการต่อสู้จนกว่าจะจบสิ้นกระบวนการทางศาล ก็ต้องอยู่ในศูนย์ฯตลอด เพราะไม่มีเงินประกันตัวเองออกไป
ถ้าชนะคดี เขาก็ให้ Asylum Visa อยู่ต่อได้ ทำงานได้ เสียภาษีได้ ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง สบายไป
ถ้าแพ้คดี นั่นคือศาลไม่อนุมัติ Asylum Visa ก็ต้องถูกส่งกลับประเทศตนเอง
ร้องเพลง Take Me Home, Country Roads ของพี่ John Denver สบายไปอีกเหมือนกัน
ดังนั้น เพื่อนๆ ในห้องของเราหลายคน จึงสิงสถิตอยู่ที่ศูนย์ฯนี้นานหลายเดือน
บางคนก็เป็นปี
คนทำสถิติสูงสุดเท่าที่ผมรู้คือ 2 ปี
การติดต่อกับทนายความนั้น ก็โดยการให้เพื่อน ญาติ ที่อยู่ข้างนอกดำเนินการให้
ทั้งทนายความส่วนตัว หรือทนายความอาสาสมัคร
บางรายก็มีทนายความอาสาสมัครติดต่อเข้ามาเอง
เข้าใจว่า ทางสภาทนายความของเมืองคงได้รับข้อมูลจากทางศูนย์ฯ ให้เข้ามาดำเนินการจัดการเรื่องกฎหมายให้ อาจจะเนื่องจากว่า บางคนนั้น ยังไม่ได้ติดต่อทนายความคนใด หรือบางคนแจ้งไปว่า ไม่มีบุคคลภายนอกมาจัดการเรื่องนี้ให้
เมื่อติดต่อกันได้เป็นที่เรียบร้อย จากนั้น ทนายความก็จะแจ้งแก่ทางศูนย์ฯ เพื่อขอเข้าพบ และพูดคุยกับเรา
วันไหนที่ จนท.DO ประจำห้องแจ้งเราว่า “Lawyer Visit” นั่นล่ะ คือวันที่เราจะได้ไปพบกับทนายความ จะคุยรายละเอียดต่างๆ นานา ก็คุยไปได้ทุกอย่าง เหมือนคุยแนวทางการต่อสู้
ทางด้านกฎหมาย ซักซ้อมการให้การเมื่อขึ้นศาล
ใครไม่ชัวร์ในภาษาอังกฤษ กลัวว่าจะไม่ชัดเจนในภาษาของกฎหมาย ก็สามารถใช้ล่ามได้ ซึ่งล่าม ก็คือ การต่อโทรศัพท์ไปยังศูนย์ที่รับเป็นล่ามแปลภาษา แล้วก็เปิดโฟนฟังด้วยกัน เท่ากับว่า ในห้องเล็กๆ ที่เราใช้สนทนากันนั้น มีบุคคลอยู่ 3 คน ที่ได้ยินและรับรู้
คือ ตัวเราเอง ทนายความ และล่าม ซึ่งมาแต่เสียง
แพทบอกว่า เขาพอฟังจับใจความ และจับประเด็นได้
แต่ก็กลัวบางอย่างไม่เคลียร์ในข้อกฎหมาย ก็เลยต้องใช้ล่าม
ส่วนผมนั้น เคลียร์ไม่เคลียร์ไม่รู้ กูขอใช้ก่อนก็แล้วกัน !!
สบายใจดี บริการฟรีของศูนย์ฯนี่หว่า
ส่วนใหญ่ทนายความเมืองนอก จะมีรายได้ดี
เป็นอาชีพทำเงินระดับต้นๆ อาชีพหนึ่ง
ดังนั้น ทนายความจะมีเวลาค่อนข้างน้อยมาก
เรียกได้ว่า “Busy” ยุ่ง วุ่นวาย เวลาเป็นทองเลยก็ว่าได้
การโทรศัพท์ติดต่อโดยตรง มีโอกาสน้อยมากที่จะรับสาย
ต้องฝากข้อความไว้ เพื่อรอให้โทรกลับมา
ยิ่งทนาย Hot! Hot! มีชื่อเสียงนี่ จะพบตัวเป็นๆ ได้ยากมาก พอๆ กับขอพบรัฐมนตรีเลยทีเดียว
และเมื่อนัดหมายพบกันได้แล้ว ก็พยายามที่จะพูดคุยรายละเอียดให้เสร็จทุกอย่างในครั้งเดียว
ยิ่งทนายความที่จะมาทำคดีให้พวกเราชาวเอเลี่ยน
มาครั้งเดียวจบ ไม่มาสะดีดสะดิ้ง เจอแล้วเจออีก แล้วขอเบิกค่าทนาย !!
ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะได้ค่าทนายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะมาพบ
จ่ายก่อนพบ ถึงจะจบกันได้ ประมาณนั้น
แพท พบกับทนายก่อนจะขึ้นศาลเพียง 4 วัน
ส่วนผม เจอก่อนประมาณ 1 อาทิตย์
แต่การพบทนายความของผมนั้น พบ 2 คน ใน 1 วันเลย !!
ในช่วงเช้าที่ผมมี Lawyer Visit นั้น ผมก็เข้าใจว่า ต้องเป็นทนาย Anne Doebler ซึ่งเป็น Private Attorney
เพราะทางเพื่อนทีมงานภายนอกนั้น ได้จัดการติดต่อไว้เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว
และทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น
ทนาย Anne อายุน่าจะราวๆ 45 ปี รูปร่างผอมเกร็ง
ดูคล่องแคล่วแบบ Working Women ทั่วไป แต่ใบหน้าดูท่าทางเหนื่อย ๆ
ซึ่งน่าจะมาจากการเป็นทนายความที่มีงานเยอะ หรือ Busy มากๆ นั่นเอง
ผมคุยกับทนาย Anne ผ่านล่ามโทรศัพท์
ผมถามทนายในเรื่องสงสัยทุกเรื่อง ที่อยากจะรู้ แล้วก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ
ซึ่งก็หมายความว่า น่าจะเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้
แม้คำตอบทุกอย่าง จะตัดสินโดยศาล Immigration Court ก็ตาม
ในตอนค่ำ ขณะที่ทุกคนในห้องกำลังดื่มด่ำกับดินเนอร์อยู่นั้น
“Hey…332 Lawyer Visit” เสียง จนท.DO ประจำห้องบอกผมเบาๆ เนื่องจากโต๊ะกินข้าวประจำของผมอยู่ใกล้ๆ เคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่ และจนท.DO คนนี้จำรหัสผมได้ด้วย
“ผมเพิ่งไปพบทนายความเมื่อเช้านี้เองนะ” ผมพูดกับเจ้าหน้าที่
“ไม่รู้สิ รีบกินแล้วก็รีบไปเถอะ” จนท.DO ประจำห้องก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรนอกเหนือจากนี้ เพราะมีหนังสือ หรือโทรศัพท์มาถึงห้อง เขาก็แจ้งบอกตามหน้าที่เท่านั้น
ผมก็เกิดอาการมึนงงเล็กน้อย
แต่ก็เข้าทาง เพราะอยากจะรีบอิ่มกับมักกะโรนีชวนอ้วกนี่เต็มทีเหมือนกัน
พอ จนท.DO เดินสายมารับ และส่งผมถึงห้องพบทนาย
“Oh My Godnessss !!”
คราวนี้ ผมอุทานอย่างจริงจัง มิได้ดัดจริตแต่ประการใด
ผู้หญิงที่นั่งรอผมอยู่ในห้องเล็กๆ นั้น
แสงออร่าความสวย แทงตาผมแปล๊บใหญ่ ยังกะฟ้าผ่า !!
ผมยืนงง จนทำอะไรไม่ถูก หน้าชาเหมือนถูกปาด้วยหิมะ
“นั่งสิคะ”
เสียงหวานๆ ของเธอ ทำให้ผมตื่นจากความฝัน
ผมนั่งลงตรงหน้าเธอ ระยะห่างแค่ 2 ฟุต
ยิ่งทำให้ผมเก็บเกี่ยวความสวยของเธอได้มากขึ้น
ผิวเธอขาวเนียน ต่างจากมนุษย์พันธุ์ฝรั่งทั่วๆ ไป ที่ส่วนใหญ่จะตกกระ และกระดำกระด่าง
แต่เธอ...หาเป็นเช่นนั้นไม่...โอ้ว..โอ้ว....
ผมยาวสลวยเรียบตรงสีน้ำตาลดำ ดูละมุนยิ่งนัก
จมูกโด่งตามแบบฝรั่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลคมกริบ
อายุไม่น่าจะเกิน 25 ปี
Oh..Oh…you bring me sunshine…!! เธอผู้นำแสงสว่างอันสดใสสู่ใจผม...
ครับ..เธอคือ ทนายความอาสาสมัคร ที่จะมาทำคดีผม
อ้าว !!..แล้วทนาย Anne เมื่อเช้านี้ล่ะ?
นั่นน่ะสิ คดีเดียว ทำไมมาหลายคนจัง
ผมนึกไปนึกมาก็ถึงบางอ้อ !!
คือทางทีมงานข้างนอกของผม ได้ติดต่อทนายอาสาสมัครให้ในครั้งแรก
แล้วต่อมา ผมเห็นว่าทนาย Anne ได้มีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์แล้ว น่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ จึงให้เพื่อนติดต่อจ้างทนาย Anne
โดยมิได้แจ้งยกเลิกกับทนายความอาสาสมัคร
เพื่อนบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ถ้าทนายอาสาสมัครมาพบ ก็แค่ไปบอกว่า เราได้จ้างทนายความส่วนตัวแล้ว หรือไม่อย่างนั้น ก็คุยๆ กับเขาไป เผื่อมีข้อสงสัยอะไร
อย่างอื่นอยากรู้อยากถามอีก
ผมจำไม่ได้ว่า คุยกับทนายคนสวยว่าอะไรบ้าง
ความสวยใสน่ารักของเธอ มันปิดการรับรู้และจดจำของสมองทุกซีกของผม
สุดท้าย...ผมกล้ำกลืนบอกเธอไปว่า ผมได้ตกลงให้ทนาย Anne เป็นคนทำคดีแล้วเมื่อเช้านี้
และตบท้ายด้วยคำว่า
“I’m so sorry.”
สำเนียงเศร้าๆ ออกจากปากผม โดยไม่ได้มีความดัดจริตเจือปนแต่อย่างใด (อีกแล้ว)
“It’s okay, no problem.”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วก็เก็บเอกสารเข้าแฟ้ม
ผมนั่งมองเธอด้วยสายตาเว้าวอน ออดอ้อนด้วยสายตาอ้อยอิ่ง
นาทีนั้น...ไม่มีอะไรที่จะช่วยฉุดรั้งเธอไว้ได้อีกแล้ว
แม้แต่...กาลเวลา...!!
โอ้ว...ทนายที่รัก...
การจากกันครั้งนี้..แม้จะเป็นครั้งแรก...
แต่มัน...คงจะเป็นชั่วนิรันดร์....
@@@@@@@@@@
โปรดติดตามตอนต่อไป ; "Thailand & Taiwan"
โฆษณา